ระวัง! พยาธิจากปลาดิบ

อาหารญี่ปุ่นกำลังอินเทรนด์สำหรับคนรักสุขภาพ

และปลาดิบก็เป็นเมนูหลักที่ขาดไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเราไม่อาจมองข้ามคือ ถ้าปลาดิบนั้นเป็นปลาเขตหนาวหรือปลาต้นตำรับจากญี่ปุ่น ต้องระวังกันไว้ให้ดี เพราะมีรายงานถึงการติดเชื้อพยาธิชนิดหนึ่ง นั่นคือพยาธิอนิสซาคิส (Anisakis) หรือกลุ่มพยาธิในปลาเฮอร์ริ่ง (Herring worm)

พยาธิชนิดนี้เป็นพยาธิตัวกลมขนาดกลาง มองเห็นด้วยตาเปล่า

ขนาดเต็มวัยตัวโตประมาณ 1-5 เซนติเมตร ตัวอ่อนจะฝังอยู่ในกล้ามเนื้อของปลาทะเล โดยพาหะหลักมักเป็นปลาที่กินแพลงตอน แต่เมื่อปลาติดเชื้อถูกกินโดยปลาตัวอื่น พยาธิก็สามารถไปฝังในปลาตัวใหม่ได้เช่นกัน ดังนั้นปลาทุกตัวจึงมีสิทธิ์ติดเชื้อได้ แม้แต่โลมาหรือปลาวาฬ และสามารถพบได้ในปลาน้ำจืดด้วย ถ้าคนกินปลาดิบที่มีการติดเชื้อนี้เข้าไป ก็จะได้รับตัวอ่อนไปฝังอยู่ในกระเพาะอาหาร

อาการสำคัญของการติดเชื้อพยาธิอนิสซาคิส

คือปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ คลื่นไส้อาเจียนและท้องเสีย บางรายอาจถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด ซึ่งบางครั้งแพทย์อาจวินิจฉัยผิดพลาด ว่าเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารหรือไส้ติ่งอักเสบ เพราะอาการใกล้เคียงกัน

ข่าวดีสำหรับผู้ที่นิยมบริโภคปลาดิบก็คือ

 ที่ผ่านมาพบการติดเชื้อไม่บ่อยนัก แม้แต่ในสหรัฐฯ ก็มีรายงานการติดเชื้อไม่ถึง 10 รายต่อปี คล้ายกับอมีบาไชสมองของบ้านเราซึ่งพบน้อยมาก แต่ถ้าตรวจพบ การรักษามีทางเดียวคือ เอาตัวพยาธิออกมาจากผนังกระเพาะอาหาร ด้วยการส่องกล้องหรือการผ่าตัดออกทางหน้าท้อง

คำแนะนำขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ในกรณีที่ต้องกินปลาทะเล ถ้าจะทำกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่นลวก ควรทำที่อุณหภูมิอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 5 นาที แต่ถ้าต้องกินดิบๆ เนื้อปลานั้นควรผ่านการเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง คือต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 15 ชั่วโมง หรือต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 7 วัน

ในประเทศไทย ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อพยาธิชนิดนี้

และพยาธิที่กล่าวมาก็เป็นพยาธิในเขตเมืองหนาวเท่านั้น กรณีปลานำเข้าจากต่างประเทศ หากได้รับการแช่แข็งอย่างถูกวิธี ก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย

กระนั้นก็ตาม รับรู้ข้อมูลไว้ก็ไม่เสียหายอะไรมิใช่หรือ? เผื่อเห็นอะไรผิดสังเกตขณะเปิบปลาดิบ จะได้ฉุกคิดและหาทางป้องกันได้ทันท่วงที ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของพยาธิจากแดนไกล

ที่มา Fw mail