ทายทักพระจันทร์เลือดเดือนตุลา


ทายทักพระจันทร์เลือดเดือนตุลา


โหรดังทายทักพระจันทร์เลือดเดือนตุลา 

ถ้าพูดถึงโหรอายุน้อยที่สุดและเก่งมากๆ ในยุคนี้ก็คงต้องยกให้เด็กหนุ่มวัย 17 ปี “ช้าง-ชัยวัฒน์ สดชื่น” นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการรัชดาฯ โดยความเก่งในวิชาโหราศาสตร์ของเขานั้นระดับ นายกสมาคมโหรที่ชื่อ “ธนกร สินเกษม” นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้เป็นอาจารย์การันตี ซึ่งปัจจุบันโหรช้างเป็นกรรมการฝ่ายวิชาการสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ด้วย

“โหรช้าง” มิเพียงมีความรู้ลึกซึ้งในวิชาโหราศาสตร์ แต่ยังรู้ในเรื่องของดาราศาสตร์เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นความสนใจศึกษาค้นคว้ามาตั้งแต่เด็ก เขาจะพูดถึงปรากฏการณ์ “จันทรุปราคา” ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ทั้งในแง่มุมของดาราศาสตร์และโหราศาสตร์

เริ่มต้นเขาอธิบายเกี่ยวกับจันทรุปราคาว่า คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ โลกและดวงจันทร์ เคลื่อนที่มาอยู่ในแนวระดับเดียวกันพอดี และเงาของโลกได้บดบังดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์ค่อยๆ มืดลงไปตามลำดับอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสีแดงทั้งดวง (ในกรณีจันทรุปราคาแบบสรรพคราส) ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น จันทรคาธ จันทรคราส ราหูอมจันทร์ หรือ กบกินเดือน 

โดยจันทรุปราคาจะเกิดในช่วงวันปุรณมีหรือวันจันทร์เพ็ญ (ขึ้น 15 ค่ำ) เท่านั้น ซึ่งปีหนึ่งๆ จะมีจันทรุปราคาเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งเป็นประจำทุกปี แต่จะมีลักษณะของจันทรุปราคาแตกต่างกันไป เช่น สรรพคราส (เต็มดวง) แบบบางส่วน แบบเงามัว ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงจันทร์ที่เคลื่อนที่ผ่านเงาของโลกในเวลานั้นๆ 

ขณะที่จันทรุปราคาในมิติทางโหราศาสตร์นั้นจะเกิดได้ต่อเมื่อระยะเชิงมุมที่ดาวอาทิตย์และจันทร์ทำมุม 180 องศาต่อกัน แล้วมีระยะสัมพันธ์ไปถึงองศาของจุดสกัดราหูหรือเกตุ (สากล) ตามที่คัมภีร์สิทฑาน์ตราชาสิโรมณีกล่าวไว้ว่า
“จันทรคราส เกิดขึ้นได้เมื่อราหูมีมุมสัมพันธ์กับจุดปุรณมีอย่างน้อย 9 องศา 30 ลิปดา อย่างมาก 12 องศา 15 ลิปดา แต่จะเป็นแบบสรรพคราส เมื่อมีองศาสัมพันธ์อย่างน้อย 3 องศา 55 ลิปดา อย่างมาก 6 องศา 0 ลิปดา” เป็นต้น
โหรช้าง เล่าต่อว่า ในปี 2557 มีจันทรุปราคาเกิดขึ้น 2 ครั้ง 

ซึ่งเป็นแบบสรรพคราสหรือเต็มดวงทั้งสองครั้ง โดยครั้งแรกถ้ายังจำกันได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2557 และครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งที่ 2 ของปีนี้ เกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันออกพรรษา สามารถสังเกตได้ในประเทศไทยโดยจันทรุปราคาได้เริ่มขึ้นก่อนที่ดวงจันทร์จะขึ้นเหนือขอบฟ้า ดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวเวลา 15:16 น. 

เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วนเวลา 16:15 น. และเริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงเวลา 17:28 น. จากนั้นดวงจันทร์จะถูกเงาของโลกบังลึกที่สุดเวลา 17:55 น. ซึ่งทั้ง 4 ช่วงนี้ ประเทศไทยยังไม่สามารถสังเกตได้ เนื่องจากดวงจันทร์ยังอยู่ใต้ขอบฟ้า 

“ส่วนกรุงเทพฯ ดวงจันทร์ขึ้นเวลา 18:00 น. ก่อนดวงอาทิตย์ตกไม่กี่นาที จันทรุปราคาเต็มดวงจึงดำเนินอยู่ขณะที่ดวงจันทร์ขึ้น จันทรุปราคาเต็มดวงจะสิ้นสุดลงในเวลา 18:24 น. ขณะนั้นที่กรุงเทพฯ ดวงจันทร์อยู่สูงเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกประมาณ 5 ท้องฟ้ายังมีแสงสนธยาอยู่ ดวงจันทร์กลับมาเต็มดวงในเวลา 19:34 น. และออกจากเงามัวเวลา 20:34 น.”

หากมองในมิติโหราศาสตร์ โหรอายุน้อยอธิบายให้เห็นชัดเจนว่า จุดจันทรุปราคาครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ราศีมีน 21 องศา 3 ลิปดา ในตรียางค์ 3 นวางค์ 7 อาณาเขตนักษัตรฤกษ์เรวดี ในส่วนของสมโณฤกษ์ ซึ่งราศีมีนนี้เป็นราศีธาตุน้ำ เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นย่อมแสดงผลให้เห็นว่าควรระวังภัยพิบัติทางน้ำ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหวในมหาสมุทร เรือล่มเรืออับปาง ภัยพิบัติทางน้ำต่างๆ  

นอกจากนี้จุดคราสนี้ยังเกิดในสมโณฤกษ์ แปลว่า ฤกษ์ของนักบวช ของพระสงฆ์ จึงควรระวังเรื่องฉาวหรือข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับวงการศาสนาด้วย หากมองให้ลึกลงไปอีกเห็นจุดคราสนี้มีระนาบเดียวกับดาวยูเรนัสที่กำลังโคจร เพ็ญและเข้าใกล้โลกมาก เป็นจุดที่ให้โทษรุนแรงมาก อาจเกิดภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุครั้งใหญ่เกิดขึ้นได้ทั่วโลก 

“อาจมีข่าวเกี่ยวกับการสูญเสียของกลุ่มคนจำนวนมากๆ หรือมีอุบัติเหตุที่มีการสูญเสียชีวิตคนเป็นจำนวนมากครับ โดยเฉพาะทางน้ำ และอาจมีการเกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทรได้ รวมถึงอาจจะมีข่าวการสูญเสียบุคคลสำคัญระดับโลกหรือประเทศที่เป็นเพศหญิง นอกจากนี้อุปราคาครั้งนี้เกิดขึ้นในภพวินาศของดวงโลกและดวงเมืองของไทย จึงอาจจะทำความลับของประเทศหรือระดับโลกถูกเปิดเผยได้อย่างน่าตกใจ ซึ่งช่วงที่ต้องระวังคือช่วง ต.ค.และ พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ดาวเสาร์โคจรย้ายจากราศีตุลย์เข้าสู่ราศีพิจิกนั่นเอง” โหรอายุน้อยร่ายยาว 

ในส่วนของดวงชะตาบุคคลที่ต้องระวัง โหรวัยมัธยมฯ บอกว่า ผู้ที่มีลัคนาสถิต ราศีกันย์ หรือเกิดระหว่างวันที่ 17 ก.ย. – 16 ต.ค. ของทุกปี และ ผู้ที่มีลัคนาสถิตราศีมีนหรือเกิดระหว่างวันที่ 13 มี.ค.–12 เม.ย. ของทุกปี 

โดยเฉพาะคนที่เกิดช่วงที่ 3 ของราศีกันย์ (7 ต.ค.–16 ต.ค.) และ ช่วงที่ 3 ของราศีมีน (2 เม.ย.–12 เม.ย.) ซึ่งคนที่เกิดในช่วงที่กล่าวมานี้ต้องระวังปัญหาสุขภาพและความตึงเครียดต่างๆ ที่เข้ามากดดันมากเป็นพิเศษ 

รวมถึงปัญหาจากเพศตรงข้าม ชีวิตครอบครัว คู่ครอง คู่ความ หุ้นส่วน อาจจะมีการทะเลาะขัดแย้งมีปัญหากันได้ นอกจากนี้อาจจะมีเกณฑ์ได้โยกย้ายเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างในชีวิต เช่น เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนที่ทำงาน เปลี่ยนงาน เปลี่ยนคู่ เป็นต้น

ส่วนผู้ที่เกิดในราศีอื่นๆ อย่างเพิ่งวางใจ เพราะโหรช้างได้เตือนให้ระวังปัญหาต่างๆ ที่มาจากปรากฏการณ์อุปราคา ดังนี้

คนราศีเมษ (13 เม.ย. – 13 พ.ค.) ควรระวังจะถูกเปิดเผยความลับ หรือความลับที่ซ่อนไว้จะผุดขึ้นมาทำร้ายได้

คนราศีพฤษภ (14 พ.ค. – 14 มิ.ย.) ควรระวังการขัดผลประโยชน์กับเพื่อนฝูงสังคม โดนสังคมลงโทษ รวมถึงมีทุกขลาภด้วย

คนราศีมิถุน (15 มิ.ย. – 15 ก.ค.) ควรระวังปัญหาที่มาจากการทำงาน งานมีปัญหา ถูกไล่ ทะเลาะกับคนในที่ทำงาน

คนราศีกรกฎ (16 ก.ค. – 16 ส.ค.) ควรระวังผู้ใหญ่ลงโทษ หรือญาติผู้ใหญ่เจ็บป่วย การเดินทางไกลไม่ควรทำ รวมถึงการทำเรื่องผิดศีลธรรมด้วย

คนราศีสิงห์ (17. ส.ค. – 16 ก.ย.) ควรระวังปัญหาสุขภาพ แต่ถ้าป่วยอยู่มีโอกาสจะหายดีขึ้น การเงินของคู่ครองสร้างปัญหาใหญ่ให้

คนราศีตุลย์ (17. ต.ค.–15 พ.ย.) ควรระวังสุขภาพ โดยเฉพาะช่องท้อง ปัญหาเก่าๆจะกลับมาสร้างความเดือดร้อน แต่ศัตรูทำอะไรไม่ได้

คนราศีพิจิก (16 พ.ย.–14 ธ.ค.) ควรระวังบริวารสร้างความเดือดร้อนให้ มีปัญหาทะเลาะกับแฟนได้ ไม่ควรเสี่ยงโชค

คนราศีธนู (15 ธ.ค.–13 ม.ค.) ควรระวังปัญหาในครอบครัว ปัญหาจากญาติและปัญหาจากพวกอสังหาริมทรัพย์และรถ

คนราศีมังกร (14 ม.ค.–12 ก.พ.) ควรระวังการเดินทางในระยะใกล้ๆ การสื่อสารติดต่อประสานงานผิดพลาด พี่น้องร่วมสายเลือดให้โทษ

คนราศีกุมภ์ (13 ก.พ.–12 มี.ค.) ควรระวังเรื่องการใช้จ่าย จะเป็นช่วงที่กระเป๋ารั่วมาก มีรายจ่ายเกินตัวในช่วงนี้

รู้แล้วอย่าเพิ่งตกใจเพราโหรชัยวัฒน์ ได้แนะนำในการแก้ไขผลร้ายจากคราสนั้น โดยให้ยึดหลักตามหัวใจของพระพุทธศาสนาคือ “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส” แค่นี้ก็จะช่วยให้ดวงชะตาดีขึ้นได้แน่นอน แต่สำหรับการไหว้ราหูด้วยของดำ 8 อย่างนั้นถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ชาวพุทธที่แท้จริงนั้นไม่ไหว้ราหู 

พร้อมกับฝากถึงทุกคนว่า ดวงชะตาตกแต่ทำตัวดี ดวงก็เด่น ในทางกลับกัน ดวงชะตาดีแต่ทำตัวต่ำ ดวงก็ดับ ดังนั้นดวงชะตามีไว้เพื่อ “อ่าน” ให้หาแนวทางการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่มีไว้ “กำหนด” ให้เราเป็นไปตามสิ่งที่ดวงบอก ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีจะไม่ดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานั่นเอง 


ขอบคุณ :: POSTTODAY.COM


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์