ที่เที่ยวเชียงใหม่ ฉบับ Unseen! (แปลกใหม่ ไม่จำเจ)

หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง ที่เที่ยวเชียงใหม่ ฉบับ Unseen! (แปลกใหม่ ไม่จำเจ)

ขอบคุณเนื้อหาดีๆ และภาพประกอบ

จาก www.painaidii.com

ทั้งที่เที่ยวเชียงใหม่ และร้านอาหารเชียงใหม่ น่าจะเป็น Keyword ยอดนิยม ที่หลายคนมักจะค้นหา ยามไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งธรรมชาติที่สวยงาม อากาศเย็นสบาย

แถมความศิวิไลซ์ก็ยังก้าวไกลไม่แพ้กรุงเทพ ว่าแต่ใครที่ไปบ่อยๆ เริ่มเบื่อสถานที่เดิมๆ ในเชียงใหม่กันบ้างหรือเปล่า? งั้นเราจะพาคุณก้าวพ้นความจำเจ ไปยลที่เที่ยวเชียงใหม่ และร้านอาหารเชียงใหม่ เวอร์ชั่นไม่ซ้ำซาก ซึ่งบางที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จัก แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นเซียนล้านนนา ลองมาวัดกันหน่อย ว่าคุณเคยไปที่เหล่านี้กันบ้างมั๊ย...

1. พัทยาเมืองฮอด เชียงใหม่ (Photo : K.A.K design)

ที่เที่ยวเชียงใหม่ ฉบับ Unseen! (แปลกใหม่ ไม่จำเจ)

แม้จังหวัดเชียงใหม่จะขึ้นชื่อในเรื่องของอากาศเย็นสบายช่วงฤดูหนาว แต่เมื่อถึงฤดูร้อนก็ระอุเอาตายเหมือนกัน ดังนั้นที่เที่ยวเชียงใหม่ Unseen แห่งแรก จะชวนไปจุ่มเท้าแช่น้ำรับความชุ่มชื่น บนแพไม้ในกระท่อมน้อย ที่ลอยตัวอยู่บนลำน้ำแม่แจ่ม ตั้งแต่บริเวณกิโลเมตรที่ 4 - 9 ของถนนฮอด-แม่สะเรียง อำเภอฮอด ณ พัทยาเมืองฮอด สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ซึ่งนอกจากเด็กๆ จะสามารถเริงร่าลงเล่นน้ำกันได้อย่างปลอดภัย (เพราะน้ำตื้นมาก) ผู้ใหญ่อย่างเราก็ยังเต็มอิ่มบรรยากาศสุดชิลล์ และเลือกอร่อยกับร้านอาหาร ที่เปิดให้บริการกันอยู่หลายร้าน นับเป็นการเปลี่ยนอารมณ์จากเมืองขุนเขา มาเที่ยวแบบเย็นสบายใกล้สายน้ำ ก็เพลินไปอีกแบบ

2.แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่

ที่เที่ยวเชียงใหม่สุด Amazing แห่งอำเภอหางดง ที่เพิ่งจะบูมขึ้นมาไม่นานนี้ แต่กลับสร้างความฮือฮาได้อย่างน่าสนใจ ด้วยหน้าตาที่ดูคล้ายกับแกรนด์แคนยอน ในประเทศอเมริกา จนถูกขนานนามให้เป็น “แกรนด์แคนยอน เชียงใหม่” หรือ “แกรนด์แคนยอนหางดง” ซึ่งเป็นบ่อดินของคุณฉัตรกรินทร์ ตระกูลอินสัน ที่ขุดหน้าดินไปขายเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว

จนปัจจุบันกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่กว่า 30 ไร่ มีคันดินสูงเกือบ 15 เมตร เทียบเท่าตึก 3 ชั้น ลักษณะดูคล้ายหน้าผา โดยแอ่งน้ำมีความลึกกว่า 20 เมตร ดังนั้นจึงมีการติดป้ายเตือนและล้อมรั้วเอาไว้ แต่ไม่วายยังมีนักท่องเที่ยวใจกล้า ทดลองกระโดดน้ำจากหน้าผาอยู่ดี ดังนั้นใครอยากไปเที่ยวก็ควรระมัดระวัง และแนะนำให้ยืนถ่ายรูปชมความงาม ซึมซับบรรยากาศดีๆ ก็เพียงพอ

3.ม่อนเงาะ เชียงใหม่

อีกหนึ่งที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่รู้หรือไม่ว่าใครหลายคนแอบยกให้ “ม่อนเงาะ” หรือ “โครงการหลวงม่อนเงาะ” เปรียบเสมือนภูชี้ฟ้า ของจังหวัดเชียงใหม่เลยทีเดียว หมุดหมายแห่งความงามครั้งนี้อยู่ที่อำเภอแม่แตง

โดยเส้นทางอาจจะออกแนวผจญภัยนิดๆ แต่ก็ยังพอไปได้ไม่ยากเย็น ซึ่งเสน่ห์ของม่อนเงาะคือความบริสุทธิ์ของสถานที่ที่ยังมีอยู่มากมาย ไฮไลต์สำคัญคือการไต่ขึ้นไปบนยอดดอย ชมวิวขุนเขาแบบพาโนรามา 360 องศา ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น หรือรออำลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็โรแมนติกสุดๆ นอกจากนี้อย่าลืมแวะชมและชิมไร่ชาลุงเดช ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

4.วัดต้นเกว๋น เชียงใหม่

ที่เที่ยวเชียงใหม่แห่งสุดท้ายที่จะพาไปชม คราวนี้แวะเที่ยววัดกันบ้าง เพื่อสัมผัสบรรยากาศเงียบสงบ พร้อมชมความอลังการของวิหารไม้เก่าแกะสลัก ด้วยสถาปัตกรรมแบบล้านนาขนานแท้ ที่ “วัดต้นเกว๋น” หรือ “วัดอินทราวาส” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่สมบูรณ์และงดงามที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ จากสมเด็จพระเทพฯ เมื่อปี 2532 มาแล้ว

โดยด้านนอกวิหารมีหลังคาเป็นมณฑปจัตุรมุขแบบพื้นเมืองล้านนา ซึ่งพบเพียงหลังเดียวเท่านั้นในภาคเหนือ และมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ส่วนภายในวัดต้นเกว๋น มีสิ่งที่น่าสนใจคือวิหารวัดต้นเกว๋น ซึ่งสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณ ที่มีความบรรจงวิจิตรเป็นอย่างมาก จนถูกนำไปเป็นต้นแบบ ของหอคำหลวงในงานพืชสวนโลกเลยทีเดียว

5.The Giant Chiangmai

กลายเป็นกระแสสุดฮอตในเว็บ Pantip และโลก Social เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา สำหรับภาพต้นไม้ใหญ่ยักษ์ ที่ถูกพาดด้วยสะพานแขวน พร้อมข้อความจากเจ้าของกระทู้ว่าเป็นร้านกาแฟที่ไม่ธรรมดา จนทำให้ทุกคนที่เห็นต่างทึ่งในความงามอลังการ ก่อนจะแชร์ภาพนี้กันจ้าละหวั่น

ซึ่งร้านนี้ชื่อว่า The Giant Chiangmai เป็นร้านกาแฟเปิดใหม่ตั้งอยู่บนไหล่เขา ในอำเภอแม่ออน (อยู่เลยน้ำพุร้อนสันกำแพงไปไม่ไกล) ต้องขับรถไต่เขาขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อถึงจุดหมายก็ได้เวลาเสียวเล็กๆ กับการเดินข้ามสะพานแขวน (ใครกลัวความสูงก็เดินลงบันไดได้) เพื่อสัมผัสบรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย พร้อมได้จิบกาแฟหอมๆ และมีพิซซ่าแสนอร่อยไว้บริการ แถมเร็วๆ นี้จะเปิดให้บริการที่พักอีกต่างหาก ใครสนใจจะมาควรโทรจองโต๊ะล่วงหน้า เพราะลูกค้าแน่นเอี๊ยดดด...

6.ร้านอาหารเชียงใหม่ - ถนอมโภชนา เชียงใหม่

ร้านอาหารเชียงใหม่สุดคลาสสิก ย่านประตูท่าแพ ที่เปิดให้ความสำราญทางกระเพาะมาแล้วกว่า 30 ปี สิ่งที่ถูกกล่าวขวัญกันทั่วแคว้นคือกฏกติกาของร้าน ที่เฮี้ยบและแปลกกว่าเจ้าไหนๆ คือ “ห้ามใส่เสื้อกล้าม เสื้อเกาะอก หรือเสื้อสายเดี่ยว และห้ามนำสุราเข้ามาดื่มในร้าน” เหตุเป็นเพราะสมัยเปิดร้านใหม่ๆ แถวประตูท่าแพ มักจะมีนักท่องเที่ยวควงสาวหากินมานั่งวับๆ แวมๆ ในร้าน คุณป้าเจ้าของร้านจึงสุดจะทน ออกเป็นกฏเหล็กซะเลย!

ส่วนที่เข้มข้นไม่น้อยกว่ากติกา คือรสชาติอาหารไทยๆ ที่ปรุงออกมาได้ลำแต๊ แต๊ ซึ่งร้านจะเปิด 2 ช่วง ช่วงเช้าขายอาหารจานเดียวอย่างขนมจีน ข้าวแกง ส่วนช่วงเย็นขายเมนูอาหารไทยรสเลิศ ขอบอกว่าอย่ามาเกิน 1 ทุ่ม ไม่งั้นจะอดหม่ำหลายเมนู (แนะนำเมนูแกงส้มรวม และหมูอบ อร่อยเด็ด!)

7.ร้านอาหารเชียงใหม่ - แม่มารวย ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ เชียงใหม่

ร้านอาหารเชียงใหม่ลำดับถัดมา ได้เวลาสูดเตี๋ยว แปลก แหวกแนวกันแล้วคราวนี้แล่นไปที่เส้นทางสันกำแพง เลยสี่แยกปอยหลวงไปนิดนึง ก็จะสะดุดตากับร้าน “แม่มารวย ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ” ที่ตกแต่งได้น่ารักสอดไส้ความคลาสสิกอย่างลงตัว ภายในร้านประดับด้วยของเก่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นตู้โชว์ ของเล่น ของตั้งโชว์ ซึ่งช่วยเนรมิตบรรยากาศให้เหมือนร้านค้าสไตล์ไทยสมัยเก่า จนรู้สึกว่ากำลังกลับไปใช้ชีวิตครั้งเยาว์วัยอีกหน

นอกจากดีไซน์เจ๋งแล้ว อาหารก็น่าเจี๊ยะเหมือนกัน พระเอกประจำถิ่นคือ “ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ” โดยเส้นก๋วยเตี๋ยวของร้าน จะใส่มาเป็นข้าวเกรียบปากหม้อเลย ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกน้ำซุปและไส้ของข้าวเกรียบได้ตามใจชอบส่วนมนุษย์กินจุกลัวไม่อยู่ท้อง แม่มารวยก็ช่วยได้ เพราะมีเมนูข้าว อร่อยๆ พร้อมเสริฟ์เช่นเดียวกัน

8.ร้านอาหารเชียงใหม่ - ป้าวุ้น กาดต้นพยอม เชียงใหม่

นักท่องเที่ยวอาจงงเต็ก! แต่คนแถวกาดต้นพยอมต่างคุ้นชิน กับคิวต่อแถวยาวเหยียดหน้าร้าน 7-Eleven ตลาดต้นพยอม บางรายต้องรอกันเป็นชั่วโมง! เพื่อหวังจะอุดหนุน “วุ้นคุณป้า” ที่ขายดีสุดๆ ซึ่งต้องทำมาครั้งละ 3,000 ชิ้น ไม่งั้นจะไม่พอขาย!!

โดยคุณป้ารังสรรเมนูให้เลือกฟินกว่า 20 ชนิด มีทั้งน้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม กาแฟ โอวัลติน เผือก ข้าวโพด กะทิ สังขยา ฝอยทอง ขนุน และอีกสารพัดเมนู สนนราคาขายเพียง 7 ชิ้น 10 บาท เท่านั้น แถมยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นกินได้อีกหลายวัน ใครที่อ่านแล้วเริ่มอยากกินต้องวัดดวงกันหน่อยนะครับ เพราะคุณป้าแกขายวันเว้นวันบ้าง บางทีก็สามวัน สี่วันจะขายสักทีนึง เริ่มสตาร์ทความอร่อยตั้งแต่เวลา 21.30 น. จนกว่าวุ้นจะเกลี้ยงตู้ (แนะนำไส้วุ้นฝอยทอง และวุ้นมะพร้าวกะทิ)