ดราม่าชีวิตรันทด! จากลูกคุณหนู สู่การใช้เงินวันละ 20 บาท!


ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย คำกล่าวนี้ก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ เพราะในชีวิตจริงเราต้องเจอกับปัญหาต่างๆ มากมาย ที่ไม่ได้ผ่านไปรวดเร็วเหมือนในละคร ที่ผ่านมาเราเคยได้อ่านเรื่องราวความรักสุดดราม่ากันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหญิงทิ้งชาย ชายทิ้งหญิง ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นก็ดูน้ำเน่ายิ่งกว่าในละครเสียอีก

วันนี้เรามีอีกหนึ่งเรื่องเล่าจากสมาชิกพันทิปหมายเลข  ที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตสุดรันทด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรักชายหญิง แต่เป็นเรื่องราวการสู้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเธอบอกว่า ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไป จากลูกคุณหนูกลับต้องมาใช้ชีวิตด้วยเงินวันละ 20 บาท! เราลองไปอ่านเรื่องราวของเธอกันเลยดีกว่า

ดราม่าชีวิตรันทด! จากลูกคุณหนู สู่การใช้เงินวันละ 20 บาท!


"ขอเปิดกระทู้ด้วยการบอกว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเราบน Pantip พูดได้ว่า สมัครเพื่อบอกเล่าเรื่องนี้โดยเฉพาะ หากพูดอะไรผิด ขออภัยด้วยค่ะ
กระทู้นี้คงจะยาวมาก บอกเล่าถึงความเป็นมาของเรา แต่ที่สำคัญคือ เรื่องทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจริง 100%

ไม่ได้ต้องการจะดราม่าหรือเรียกร้องความสนใจ เพียงแต่อยากให้คนที่หมดกำลังสู้ มีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง หรือเป็นบทเรียนให้กับคนอื่นเท่านั้น

สำหรับใครที่ไม่อยากอ่านนานๆ เลื่อนไปคอมเม้นแรกของเราเลยค่ะ จะสรุบเล็กๆไว้ให้


ขอเริ่มตั้งแต่ต้นเลยแล้วกันนะคะ เราเป็นลูกของพ่อกับแม่ที่มีฐานะดีพอสมควร มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราอยู่ดีกินดีตั้งแต่เล็กจนโต มีโอกาสได้เรียนโรงเรียนนานาชาติที่หนึ่ง เรียนเปียโน ร้องเพลง เต้น บัลเล่ต์ ฯ พูดได้ว่าชีวิตแฮปปี้สุดๆ เป็นแบบนี้มานานหลายปี ชีวิตไม่เคยอดอยาก

จนกระทั่ง... 

ตอนเราอยู่ ม.6 (Grade 12) หลังจ่ายค่าเทอมสุดท้ายของ High School ไปได้ไม่นาน คุณแม่ล้มป่วยหนัก เป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งหน้าอก และโรคหัวใจในเวลาเดียวกัน ด้วยความที่คุณแม่ไม่ชอบการไปโรงพยาบาล เลยปล่อยปะละเลยการตรวจสุขภาพมานาน จนกระทั่งอาการหนักแล้วจริงๆ พอไปตรวจก็ต้องตกใจกับมะเร็งขั้นที่สามของแม่ หากได้ตรวจก่อนหน้านี้ คงจะไม่หนักขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่เรา บอกได้เลยว่าตอนนี้อยู่ 8 หลักปลายๆแล้ว เงินเก็บของพ่อแม่ใกล้หมด

เราก็กำลังจะจบม.6 และจะเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แถวๆท่าพระจันทร์ที่หนึ่ง เอาไงดีล่ะ ไอ้เราก็เข้าคณะอินเตอร์ซะด้วยสิ ถึงค่าเทอมจะถูกกว่าโรงเรียนหลายเท่า เราอายุ 18 ปี คงหาเงินเยอะพอที่จะจ่ายค่าเทอมทั้งหมดไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ แบ่งเบาภาระพ่อแม่โดยการหาเงินใช้เอง ด้วยความที่บ้านเราอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก จึงมีความจำเป็นต้องเช่าหออยู่ ค่าเช่าแต่ละเดือนอยู่ที่ 4200 บาท (ค่าเช่าแถวนั้นค่อนค่างแพง นี่ถูกสุดเท่าที่หาได้) จากที่เป็นคุณหนูสุดๆ มีคนขับรถประจำตัวอยู่ เราก็หัดขึ้นรถเมล์เอง บอกเลยว่า หลงแล้วหลงอีก ตอนแรกๆ พยุงตัวไม่อยู่ด้วยซ้ำ แต่ก็ฝึกขั้นจนตอนนี้ชำนาญแล้ว ถือว่าตัดค่าใช้จ่ายเราไปได้เยอะทีเดียว"

ดราม่าชีวิตรันทด! จากลูกคุณหนู สู่การใช้เงินวันละ 20 บาท!


"รายได้

1. เราได้ตั้งเป้าไว้ว่า นอกจากค่าเทอมแล้ว เราจะไม่ขอเงินจากพ่อแม่เลย เงินส่วนนั้นใช้รักษาแม่เราดีกว่า จึงเริ่มที่จะหาเงินเองเป็นครั้งแรกของชีวิต เราโชคดีมาก ที่มีความสามารถพิเศษคือ เล่นเปียโน (เรียนมาตั้งแต่ 4 ขวบนิดๆ และสอบจบ Grade 8 ของ ABRSM เรียบร้อยตั้งแต่อายุ 14 ปี) เราจึงคิดว่า น่าจะเอาส่วนนี้มาเป็นประโยชน์ สอนเปียโนหารายได้ เราก็ดั้นด้นไปโรงเรียนดนตรีทุกที่ในระแวกนั้น ก็มีการออดิชั่นไปเรื่อยๆ จนได้งานเป็นครูสอนเปียโนพาร์ทไทม์ที่หนึ่ง สอนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เริ่มแรก ได้สอนเพียงวันละ 2 ชั่วโมง ได้ชั่วโมงละ 200 บาท (โรงเรียนให้เรา 25% ของที่เขาเก็บนักเรียน) รวมๆ แล้วได้อาทิตย์ละ 800 บาท หรือ เดือนละ 3200 บาท ถือว่าเยอะพอสมควรเลยทีเดียวสำหรับนักศึกษาคนหนึ่งที่เพิ่มเริ่มสอน

2. คำนวนแล้ว สอนเปียโนได้เดือนละ 3200 ยังไม่ได้ค่าเช่าห้องเลย เราก็ต้องหารายได้เสริมอีก จนเราได้งานพาร์ทไทม์อีกที่ คือที่ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นนักร้อง วันละ 1 ชั่วโมง เวลาหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่ม ร้องทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ได้ชั่วโมงละ 100 บาท ได้มาด้วยความเมตตาของเจ้าของร้าน สรุบแล้วได้เงินจากการร้องเพลงเดือนละ 2000 บาท (ไม่มีทิป)"

ดราม่าชีวิตรันทด! จากลูกคุณหนู สู่การใช้เงินวันละ 20 บาท!


"แค่นี้ เราก็ทำงานพาร์ทไทม์ครบเจ็ดวันแล้ว เสาร์อาทิต์ สอนเสร็จ เราจะนั่งรถเมล์ฟรีไปหาแม่ที่โรงพยาบาล จึงไม่ได้หาอะไรทำเพิ่ม

สรุบรายได้ สอนเปียโนเดือนละ 3200 และร้องเพลงเดือนละ 2000 = รายได้ในหนึ่งเดือน 5200 บาท ค่าเช่าห้อง 4200 บาทต่อเดือน จะเหลือเงินให้เราได้ใช้เองอยู่ 1000 บาท ตัดค่าน้ำค่าไฟไปซัก 400 จะเหลือให้ใช้จริงๆ เพียง 600บาทต่อเดือน ตกวันละ 20 บาทเท่านั้น

ค่ากินอยู่ เพียงวันละ 20 บาท เอาละสิ วันละ 20 บาท จะทำยังไงดีเนี่ย... เราก็คิดนะ ตอนเรียน High School เรากินเข้ากลางวันจานละร้อยโดยไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรเลย ไม่เคยคิดว่ามันแพง แต่ตอนนี้ เราต้องใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ เพียงวันละ20บาท เราเดิน 7-11 ไปทั่ว เพื่อหาอะไรถูกๆที่กินได้ หรือไม่ก็ซื้อผักมาทำกับข้าวทานเอง เพราะเราได้หักค่าไฟไปแล้ว ไปดูอาหารของแต่ละวันกันค่ะ"




"แบบที่ 1: มาม่าใส่ใข่ (17 บาท)
มาม่า 2 ซอง 10 บาท
ไข่ไก่ 1 ฟอง 7 บาท
เอามาต้มกิน ให้อืดเยอะๆๆๆๆ แบ่งกินสองถึงสามมื้อ

แบบที่สอง: ข้าวไข่เจียว/ดาว (19 บาท)
ข้าว 1 ถุง 12 บาท
ไข่ไก่ 1 ฟอง 7 บาท
ทอดไข่กินกับข้าว แบ่งกินสองถึงสามมืออีกเช่นเดียวกัน

แบบที่สาม: ข้าวปลากระป๋อง/ทูน่ากระป๋อง (วันละ 20 โดยประมาณ)
ปลากระป๋อง/ทูน่ากระป๋อง 20-40 บาท
ข้าว 4 ถุง 40 บาท
กระป๋องนึง เราแบ่งกินได้ถึง 3-4 วันเลยทีเดียว แบ่งออกมาคลุกข้าวนิดเดียวแล้วก็เก็บ ตกวันละ 20 บาท

แบบที่สี่: ข้าวผัดกะหล่ำปี (วันละ 20 บาท)
กะหล่ำปลี หัวละ 20 บาท
ข้าว 2 ถุง 20 บาท
หัวนึง เราแบ่งออกมาผัดได้หลายๆ แบบ และทำกินได้หลายวัน ตกวันละ 20 บาทเช่นกัน"



"ก็จะซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้ไปทั้งเดือน น้ำไม่นับ เพราะเรากดน้ำเอาจากมหาวิทยาลัย กลับหอเป็นขวดๆ ไป แค่นี้ก็อยู่ในงบแล้ว... พูดซะเหมือนง่าย แต่เราทรมานมากค่ะ ต้องปรับตัวอย่างแรง คิดถึงอาหารดีๆ คิดถึงสเต็กโชคชัย คิดถึงของหวาน ฯ คือคิดถึงชีวิตแบบเก่าๆ ต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่เลยทีเดียว จากที่เป็นคนที่ขาดโซเชี่ยวไม่ได้ ใช้มือถือไอโฟน จนตอนนี้ใช้เนตได้แค่ที่ห้องคอมฯ มหาลัย (เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้) เกิดการเปลื่ยนแปลงไปมาก

เราคิดว่า การเปลื่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ได้เปิดตาเราออกอยากชัดเจน จากที่เคยเป็นคุณหนูสุดสบาย โลกสวย จนตอนนี้ได้ลิ้มรสชีวิตจริงแล้ว พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เราแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว ตอนนี้เราก็ยังใช้ชีวิตแบบนี้ เพิ่มขึ้นมาหน่อยคือวันละ 30 บาท เพราะได้สอนเปียโนเยอะขึ้นนิดนึง นี่ก็เข้าเดือนที่ 8 แล้ว จากที่เราเริ่มใช้ชีวิตแบบนี้ เงินในบัญชี มีอยู่ 21.86 บาท (เหอะๆ มันไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย) แต่มันก็ได้ให้บทเรียนกับเราหลายอย่างเลยทีเดียว เปลื่ยนเราจากคนที่เป็นลูกแหง่ จนตอนนี้สามารถใช้ชีวิตได้เองแล้ว

ทั้งนี้ เราขอย้ำอีกครั้งว่า เราเพียงแต่อยากมาบอกเล่าการเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ให้ทุกคนฟังเท่านั้น เราอยากให้คนที่ไม่มีกำลังสู้แล้ว ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

ท้อได้ แต่อย่าถอย

ขอบคุณค่ะอาจฟังดูงงๆนิดนึง ก็ขอโทษด้วยนะคะ... ภาษาไทยเราไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่ TT"



ซึ่งหลังจากที่เจ้าของกระทู้ได้โพสต์เรื่องราวของตัวเองลงไป ก็มีชาวเน็ตมากมายเข้ามาให้กำลังใจ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตอีกหลายคนที่ตั้งข้อสังเกตุว่า เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้  

"เราว่าค่าใช้จ่ายมันแปลกเอามากๆเลยนะ (ถ้าที่เล่ามาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด)

1. ป่วย3โรค มะเร็งลำไส้+มะเร็งหน้าอก(เต้านม?)+โรคหัวใจ จขกท.บอกว่า ค่ารักษาแปดหลักปลายๆ แปลว่า ค่ารักษา70-80ล้านเลยเหรอ
มันเป็นไปได้เหรอ รักษามาแล้วกี่ปี ใครวงการนี้มาตอบที (และทำไมไม่ไปโรงบาลรัฐ)

ในความคิดเราคือ20-30ล้าน แบบยื้อเต็มที่ ยา คีโม ห้องพัก ทุกอย่างเอาแบบดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ และกว่าจะหมดเงิน20ล้านได้นี่ มันน่าจะเป็นหลายปีเลยไม่ใช่เหรอ ค่าใช้จ่ายรักษามะเร็งเดือนละ1ล้านก็ว่าเยอะแล้วนะ 1ปี หมดไป12ล้าน พอเป็นได้ 

แต่จากที่อ่านจขกทนี่ ตั้งแต่แม่ล้มป่วย(จขกท.เรียนใกล้จบม.6)ยันทำงานพิเศษ(เริ่มเรียนปี1) เต็มที่ก็น่าจะ1ปีเองนี่นา แต่ถ้ารักษาตัว1ปี หมดไป70-80ล้าน ไม่ใช่มั้ง 

(((เอ๊ะ หรือจขกท.หมายถึง7หลักปลายๆ อันนี้พอเข้าเค้านะ แต่ถ้าตามนี้มันก็จะไม่สอดคล้องกับที่ว่าบ้านมีฐานะดีมากน่ะสิ))))

2. หาเงินได้ 5200 ลบค่าหอ 4200 เหลือใช้ 1000 ค่าน้ำไฟ 400 เหลือสุทธิใช้ทั้งเดือน 600 ค่าใช้จ่ายและค่าอาหารเดือนละ 600 ตกวันละ20 เป็นไปไม่ได้เกินไป คนเราไม่ได้กินอย่างเดียว มันมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกเยอะ ค่าอุปกรณ์การเรียน หนังสือ ชีท ค่าโทร ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัวทั้งหลายแหล่ 

แล้วกินวันละ20 ต่อวัน ต่อวัน ไม่ใช่ต่อมื้อด้วยนะ คือเช้า-กลางวัน-เย็น 3มื้อ ใช้งบ20บาทกิน3มื้อ แปลว่าทำทีเดียวแล้วแบ่งกินเป็นมื้อๆ พกไปกินที่มหาลัยด้วยเหรอ

อีกอย่างคือ ไม่พอกินแน่นอน จขกท.ทำงานพิเศษด้วย2ที่ เงิน20บาทครอบคลุมมื้ออาหาร3มื้อ มันพลังงานน้อยเกินไป เอาแรงที่ไหนใช้ ถ้านี่เป็นกระทู้ลดความอ้วนนะ ทั้งวันกินแค่นี้จริงๆ ชาวสวนลุมมาอ่านคงท้วงจขกท

แล้วงบวันละ20นี่เดินทางไปมหาลัย เดินทางไปทำงานพิเศษ ยังไง ค่ารถเมล์มัน9บาทแล้ว ไปกลับก็18แล้ว รอรถเมล์ฟรีหรือว่าเดิน (แล้วค่ากินทำไงอ่ะเหลือ 2 บาท)

3. ครอบครัวระดับนี้ คือ ทำธุรกิจ มีคนขับรถ เรียนเปียโน บัลเลต์ เรียนนานาชาติร่วมฤดี(?) ไม่มีทางที่จะมีทรัพย์สินแค่เงินเก็บ แล้วใช้เงินเก็บจนหมดตูมเดียวได้เพียงเพราะคนในบ้านป่วย1คน

บ้านแบบนี้มันต้องมีทรัพย์สินอื่นๆที่สามารถนำไปขายเอาเงินออกมาได้เพียบแน่นอน บ้านล่ะ คอนโดล่ะ รถหรูล่ะ กระเป๋าแบรนด์เนม แก้วแหวนเงินทอง เพชรพลอยล่ะ หุ้นล่ะ นาฬิกาล่ะ 

4. รายได้ของที่บ้านล่ะ เราไม่เชื่อว่าแม่ป่วยปุ๊บ บ้านจขกท.จะกลายเป็น บ้านจขกทจะไม่มีรายได้เลยหรอกมั้ง มันเป็นไปได้เหรอ ที่ครอบครัวฐานะระดับนี้ สมาชิกในบ้านป่วยไปคนนึง ถึงกับส่งค่าหอค่ากินของลูกไม่ได้

และจขกทก็ไม่ได้บอกว่าธุรกิจที่บ้านเจ๊งหรืออะไรเลย  คือยังไงๆก็น่าจะส่งไหว

5. รวยขนาดนี้แต่ที่บ้านไม่ทำประกัน อันนี้เราว่าพอฟังไหวนา เรารู้จักคนคนนึง เซียนเล่นหุ้น พอร์ตร้อยล้าน เล่นเก่ง ทำกำไรได้มากจนไม่รู้จะแบ่งเงินไปทำประกันทำไม ไม่สนกระจายความเสี่ยง ใส่ไข่ในตะกร้าหลายใบทำนองนั้น เพราะมันได้ผลตอบแทนน้อยมาก และถ้าป่วยก็เอาเงินที่ได้จากหุ้นนี่แหละไปรักษา คือเค้าดูความสามารถตัวเองแล้วตัดสินใจว่าไม่ต้องการการคุ้มครองจากกรมธรรม์บ้านจขกท.อาจอยู่ในกลุ่มนี้ก็ได้

ถ้าหาเงินได้ 5200/เดือนจริง จะยอมหมดเงินมากกว่า80%ไปกับค่าหอ  4200 แล้วยอมเหลือใช้ส่วนตัว กินอยู่ เดินทาง น้ำไฟด้วยเงิน 1000 หรอ 
คนที่หาได้เดือนละ 5200 จริงๆ จะไม่คิดแบบนั้นอ่ะ เพราะมันไม่practicalเท่าไหร่ ต้องประหยัดค่าหอ และพยายามหารายได้เพิ่ม แถมสกิลอย่างจขกทน่าจะหาได้มากกว่าตัวเลขนั้นนะ เปียโน ภาษาอังกฤษ

คือที่เล่ามา มันฟังดูเหมือน คนไม่ได้ลำบากกำลังจินตนาการถึงชีวิตที่ลำบาก

เราไม่มีอะไร against จขกท ที่ถามนี่คือสงสัยจริงๆนะ ว่าเป็นไปได้แน่เหรอ เราจะให้กำลังใจและช่วยแนะนำเฉพาะคนที่ตรงไปตรงมากับเราด้วยเท่านั้นไง เท่าที่อ่านๆมานี่ เราคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องจริง หรือจริงบางส่วนแล้วเสริมเติมแต่งไปมาก หรือเข้าใจตัวเลขบางอย่างผิดไป หรืออาจจะอยากรู้ว่าถ้าเล่าเรื่องแบบนี้แล้วคนจะมีปฏิกริยายังไง อยากรู้คห.คนอื่นเขาจะคิดยังไงเผลอๆรายได้บ้านเดือนๆนึงจะมากกว่าคนที่นั่งให้กำลังใจอีก"

ความคิดเห็นจากคุณ  decentcitizen

ดราม่าชีวิตรันทด! จากลูกคุณหนู สู่การใช้เงินวันละ 20 บาท!


"เอาตรงๆนะ มะเร็ง Metas ไปขนาดนี้แล้วแถมมีโรคหัวใจอีก หมอที่รักษาเค้าไม่ว่าไงเลยหรอ?  เพราะมะเร็งระยะขนาดนี้ส่วนใหญ่ถือว่ารุนแรงมากๆแล้วนะ แล้วที่ค่ารักษา 8 หลักนี่คือโรงพยาบาลเอกชนหรอครับ ทำไมไม่ย้ายแม่มาอยุ่โรงพยาบาลรัฐบาลลดรายจ่ายซักหน่อย พ่อแม่แบ่งเงินให้คุณซักล้านนึงคุณก็อยุ่ได่ดีแล้ว ทำไมต้องไปทำให้มันลำบากขนาดนี้ ผมไม่เชื่อได้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง"

ความคิดเห็นจากคุณ สมาชิกหมายเลข 1075454



แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่าน ก็น่าจะได้แง่คิดอะไรกลับไปแน่นอน


เรียบเรียงโดย teenee.com

ขอบคุณข้อมูลจาก :: Pantip (สมาชิกหมายเลข 2179109 )



ดราม่าชีวิตรันทด! จากลูกคุณหนู สู่การใช้เงินวันละ 20 บาท!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์