10 หนังไซไฟยอดเยี่ยมตลอดกาล !!


Minority Report (2002) ผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก

การพบกันครั้งแรกระหว่างพ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด สตีเว่น สปีลเบิร์ก และพระเอกแถวหน้า(เพราะตัวเล็ก) ทอม ครูซ ในหนังแอ็คชั่น-ไซไฟ ที่สร้างจากเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ในชื่อเดียวกันของ ฟิลิป เค. ดิ๊ค หนังเล่าถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในปี 2054 ที่อาชญากรรมกลายเป็นศูนย์ เมื่อหน่วยงานรักษากฎหมาย "หน่วยสกัดอาชญากรรมพรีไครม์" (Precrime) ได้ถูกตั้งขึ้น เพื่อจับกุมคนร้ายที่จะลงมือก่อคดีอาชญากรรม ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริงๆ ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่มีผู้ทำนายเหตุการณ์ในการมองเห็นอนาคตและคดีต่างๆ โดยมี จอห์น แอนเดอร์ตัน (ทอม ครูซ) เป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามในการนำทีมจับกุม แต่เมื่อวันหนึ่งข้อมูลการคาดการณ์ดคีที่จะเกิดขึ้น กลับกลายเป็น แอนเดอร์ตัน เองที่กลายเป็นผู้ต้องหา และกำลังจะฆ่าคนในอีก 36 ชั่วโมงข้างหน้า สิ่งที่แอนเดอร์ตันทำคือต้องหลบหนีการไล่ล่า พร้อมกับแก้ไขสถานการณ์เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร หนังสร้างจากเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ สู่ภาพยนตร์ไอเดียสุดล้ำ ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นไล่ล่าสุดมันส์ พลิกแนวจากหนังแอ็คชั่นไซไฟในยุคนั้นแบบราบคาบ

ภาพจาก mysticalchrist.orgภาพจาก mysticalchrist.org


Star Wars (1977) ผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส

อภิมหาภาพยนตร์สงครามอวกาศ ที่เปิดโลกหนังไซไฟในทุกๆ ด้าน ทั้งเทคนิคการถ่ายทำ สเปเชียลเอฟเฟกต์ จากฝีมือการปลุกปั้นของ จอร์จ ลูคัส หนังเล่าถึงการผจญภัยของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ เด็กหนุ่มที่ต้องการฝึกฝนวิชาเพื่อก้าวสู่การเป็นเจได จากการอบรมบ่มสอนของโยดา ท่ามกลางสงครามกลางเมืองกาแลกติกที่มีขึ้นระหว่างพันธมิตรฝ่ายกบฏกับฝ่ายจักรวรรดิ แม้ภาพรวมจะพูดถึงสงครามกลางอวกาศ และเกมการเมืองอันเข้มข้น แต่สุดท้ายแมสเสจของหนังก็ยังว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างด้านดีกับด้านมืดทั้งกับศัตรูและตัวเอง ฉากจำและตัวละครเด่นที่คุ้นตาแฟนๆ เป็นฉากดวลดาบไลเซเบอร์ ฉากยานไล่ล่าบนอวกาศ และดาร์ธ เวเดอร์ ตัวร้ายสุดอมตะ โดยหนังแบ่งออกเป็นสองไตรภาค และภาคที่ 7 ของหนังใกล้จะฉายในเร็วๆ นี้

ภาพจาก nypost.comภาพจาก nypost.com


Contact (1997) ผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส

ยังคงไว้ลายเจ้าพ่อหนังไซไฟเช่นเคย สำหรับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส จากไตรภาค Back to the Future แต่เรื่องนี้เก็บลูกบ้าเข้ากระเป๋า และมาพร้อมงานท็อปฟอร์มดีๆ เรื่องหนึ่ง Contact นำแสดงโดย โจดี้ ฟอสเตอร์, แมทธิว แมคคอนนาเฮ เมื่อ ดร.เอลลี (โจดี้ ฟอสเตอร์) สามารถจับคลื่นสัญญาณจากห้วงอวกาศได้ เธอจึงพยายามถอดรหัส และค้นพบรายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำในการสร้างเครื่องจักรที่ทำให้เธอสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ สุดท้าย ดร.เอลลี่ ต้องตัดสินใจว่าเธอควรจะเสี่ยงชีวิตเพื่อติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหรือไม่เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่อยู่ในความประทับใจของคอหนังไซไฟหลายๆ คน ทั้งเนื้อหาชวนติดตามและการเล่าเรื่องที่สนุกสมจริง

ภาพจาก rossbirks.comภาพจาก rossbirks.com


Looper (2012) ผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน

ฉีกกฎเกณฑ์หนังแอ็คชั่นไซไฟเดิมๆ ซะขาดวิ่น เพราะนี่คือหนังไซไฟไอเดียเก๋กู๊ดสุดๆ ที่ต้องถูกนึกถึงเป็นเรื่องแรกๆ ในหนังไซไฟยุคหลัง หนังพูดถึงการเดินทางข้ามเวลาบนทฤษฎีที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และดูสนุกเข้มข้นที่สุดเรื่องหนึ่ง หนังเล่าถึง "โจ" ในอาชีพ "ลูปเปอร์" มีหน้าที่กำจัดเป้าหมายโดยการถูกส่งตัวข้ามเวลาเพื่อไปฆ่าเหยื่อตามว่าจ้าง โดยทำงานให้กับแก็งค์มาเฟียในโลกอนาคต แต่เป้าหมายคนล่าสุดที่โจได้รับมอบหมาย กลับกลายเป็นตัวเขาเองในโลกอนาคต ทำให้โจในปัจจุบันและอนาคต ต้องมาไล่ล่าห้ำหั่นกันเอง ก่อนท้ายที่สุด ทั้งสองต้องมาร่วมมือกันเพื่อค้นหาความจริงว่า ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นเป้าสังหารของมาเฟียกลุ่มนี้

ภาพจาก sonypictures.comภาพจาก sonypictures.com


Avatar (2009) ผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน

ภาพยนตร์ไซไฟระดับมาสเตอร์พีซของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน ที่ทำหนังน้อยแต่มาก เรียกว่าคัมแบ็กทีไรป๋าแกสามารถเขย่าวงการได้ทุกครั้ง หนังสร้างปรากฏการณ์ถล่มรายได้ทั่วโลก คว้า 3 รางวัล ออสการ์ไปครอง (กำกับศิลป์, ถ่ายภาพ, เทคนิคภาพ) Avatar ทำผู้ชมอ้าปากค้างตั้งแต่งานภาพสุดอลังการเหนือจินตนาการ และเนื้อหาที่ง่ายๆ แต่เล่าได้อย่างเข้มข้น เมื่อ เจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ทธิงตัน) อดีตนายทหารเรือที่มีร่างกายพิการ ได้รับเลือกให้เดินทางไปทำภารกิจยังดาวแพนโดรา ที่ซึ่งอุดมไปด้วยเหมืองแร่ล้ำค่า ที่สามารถนำมาแก้ปัญหาการขาดแคลนการขาดพลังงานของโลกได้ เจค ถูกใส่โปรแกรมอวตาร โดยการแปลงสภาวะจิตใจไปอยู่ในร่างอวตาร เพื่อแทรกซึมเข้าไปในชนเผ่า "นาวี" เพื่อเข้าถึงเหมืองแร่ดังกล่าวแต่ที่แพนดอร่า เจคสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งในร่างอวตาร และผ่านด่านทดสอบการเป็นชาวนาวี อีกทั้งยังค่อยๆ ซึมซับวิถิชีวิตไปเรื่อยๆ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวชาวนาวี จนชีวิตจิตใจของเขา เข้าใกล้ความเป็นชาวนาวีเรื่อยๆ ขณะที่กลุ่มทหารกำลังจะใช้วิธีขั้นเด็ดขาดกับชาวนาวี สงครามระหว่างสองเผ่าพันธ์ุกำลังจะเกิดขึ้น โดยที่เจคจะต้องเลือกว่าเขาจะยืนอยู่ฝ่ายไหน

ภาพจาก idigitaltimes.comภาพจาก idigitaltimes.com


Gravity (2013) ผู้กำกับ อัลฟองโซ่ คัวรอน

หนังไซไฟเหงาๆ โดดเดี่ยวลอยเคว้งบนอวกาศ ที่กวาดรายได้และคำชมไปอย่างล้นหลาม แม้จะอกหักพลาดรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ก็คว้าไปนอนกอดถึง 7 รางวัลออสการ์ (ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบ, ตัดต่อ, ถ่ายภาพ, ตัดต่อเสียง, บันทึกเสียง, เทคนิคพิเศษด้านภาพ) Gravity เล่าถึง ดร.ไรอัน สโตน และ แม็ต โควอลสกี้ ที่ต้องออกไปทำภารกิจในห้วงชั้นอวกาศนอกโลก แต่กลับเกิดความผิดพลาด ทำให้ทั้งคู่ต้องเอาชีวิตรอดจากความวางเปล่าในอวกาศ แม้พล็อตหนังจะสั้นเพียงหนึ่งบรรทัด! แต่ผู้กำกับ อัลฟองโซ่ คัวรอน ใช้บรรยากาศในหนังและการเล่าเรื่องขั้นเทพ ความกดดัน การเอาตัวรอด ที่ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมลุ้นไปด้วย มีจัดหนักและผ่อนเบา ในช่วงวลา 90 นาทีกว่าๆ แถมได้ดาราระดับแม่เหล็ก จอร์จ คลูนีย์ ประกบคู่ แซนดร้า บูลล็อค ต้องบอกว่าแค่นี้ก็เอาอยู่แล้ว เป็นหนังไซไฟเรื่องเยี่ยมที่ต้องหามาดูให้ได้ เพราะโดดเด่นในทุกๆ ทางของหนัง


ภาพจาก framestore.comภาพจาก framestore.com


Back to the Future (1985) ผู้กำกับ โรเบิร์ตส เซเม็กคิส

หนังไซไฟยุคบุกเบิกแนวย้อนเวลา มาพร้อมชื่อไทยสุดอมตะ "เจาะเวลาหาอดีต" ที่เต็มไปด้วยลูกบ้าและความสนุก ผลงานไตรภาคจากผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส นำแสดงโดย ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ ในบท "มาร์ตี้ แม็กฟราย" และ คริสโตเฟอร์ ลอยด์ ในบท "ด็อกเตอร์บราวน์" นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง เรื่องสุดวายป่วงเกิดขึ้นเมื่ออีตาด็อกเตอร์บราวน์ ได้ประดิษฐ์เจ้าเครื่องย้อนเวลาขึ้นมา และลองทดสอบด้วยรถยนต์ และ มาร์ตี้ ได้บังเอิญมาใช้เจ้าเครื่องนี้ย้อนเวลาจากปี 1985 ไปยังปี 1955 และมันทำให้มาร์ตี้ได้พบกับพ่อแม่ของเขาเองในช่วงวัยรุ่น! และทำให้ทั้งคู่คลาดไม่ได้พบกันตลาดกาล แน่นอนว่า เมื่อพ่อแม่ไม่ได้เจอกัน ในอนาคตก็จะไม่มีเด็กหนุ่มาร์ตี้เกิดมาน่ะซี่ จึงกลายเป็นภารกิจสุดบ้า ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขความผิดพลาด เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้น โดยการเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้กับพ่อแม่ของเขาได้แต่งงานกัน Back to the Future ถือเป็นหนังต้นตำรับของหนังย้อนเวลาทั้งหลาย ที่ยังหาใครมาเทียบชั้นยาก ซึ่งความสำเร็จในภาคแรก ทำให้หนังสร้างออกมาถึง 3 ภาค ขึ้นหิ้งหนังคลาสสิคไปอีกเรื่อง

ภาพจาก wall.alphacoders.comภาพจาก wall.alphacoders.com


Interstellar (2014) ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน

คริสโตเฟอร์ โนแลน มักจะสร้างจักรวาลในหนังของตัวเองให้ผู้ชมออกอาการฉงนอยู่เสมอ(ตั้งแต่ Inception) Interstellar ก็เช่นกัน หนังไซไฟนี้สร้างปรากฏการณ์ทั่วโลก ทั้งการตีความบทสรุปที่เกิดขึ้น และทฤษฎีต่างๆ ที่หนังนำเสนอผู้ชม จนเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ในช่วงปีที่แล้ว ต้องยกความดีความชอบให้แก่โนแลนเต็มๆ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อโลกกำลังเผชิญภาวะวิกฤติ พืชผลขาดแคลนอย่างหนัก ประชากรเริ่มประสบภาวะแร้นแค้น ต้องการความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งจึงตัดสินใจปฎิบัติการสุดเหลือเชื่อ ด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ โดยการเดินทางผ่าน "รูหนอน" ที่สามารถเชื่อมมิติเวลานี้สู่อวกาศอันกว้างไกลเพื่อหา "บ้านแห่งใหม่" ให้มนุษยชาติในยามที่โลกถึงวาระสุดท้าย

ภาพจาก theleadingedgeblog.comภาพจาก theleadingedgeblog.com


E.T. (1982) ผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก

ภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซีสุดอมตะที่สามารถหยิบมาดูกี่รอบก็ยังสนุกสนาน และคลาสสิคเสมอ ถือเป็นภาพยนตร์แรงบันดาลใจของหนังมนุษย์ต่างดาวอีกหลายๆ เรื่อง ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างสิ่งมีชีวิตนอกโลกกับมนุษย์ ผลงานการกำกับของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก หนังเล่าถึงความสัมพันธภาพระหว่าง เอลเลียท เด็กชายผู้มีอุปนิสัยโดดเดี่ยว กับผู้หลงทางจากต่างดาวที่ฉลาดและมีน้ำใจ ขณะที่เอลเลียทพยายามช่วยให้เพื่อนต่างดาวผู้นี้ ติดต่อกับดาวบ้านเกิดเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น ทั้งสองยังต้องคอยหลบหลีกบรรดานักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่พยายามไล่จับมนุษย์ต่างดาวเพื่อนำไปทอดลองค้นคว้า อันนำไปสู่การผจญภัยเหนือจินตนาการกับภาพยนตร์ระดับตำนานที่แฟนๆ หนังไซไฟไม่ควรพลาด


ภาพจาก tjhouston.comภาพจาก tjhouston.com


2001 : A Space Odyssey (1968) ผู้กำกับ สแตนลีย์ คูบลิค

ได้รับขนานนามว่าเป็นหนังไซไฟที่ดีที่สุดตลอดกาล หนังเล่าถึงการค้นพบแท่งหินสีดำประหลาดที่เรียกว่า "โมโนลิธ" บนดวงจันทร์ ก่อนจะพบร่องรอยวัตถุประหลาดแบบเดียวกันอีกแท่งบนดาวหนึ่ง องค์กรนาซาจึงส่งยานโอดิสซีย์ออกสำรวจ ลูกเรือของโอดิสซีย์ต้องฝ่าอุปสรรคมากมาย ก่อนที่จะไขความลับของจักรวาล ค้นพบความจริงของแท่งหินสุดประหลาด จุดเด่นของหนังอยู่ที่การสร้างบรรยากาศที่สมจริง จนไม่น่าเชื่อว่าการถ่ายทำเกิดขึ้นในปี 1968 อีกทั้งบทภาพยนตร์ การตัดต่อ การสื่อสารทางสัญญักษณ์ที่ซ่อนอยู่ตลอดเรื่อง และซาวด์ประกอบที่ยอดเยี่ยม ทำให้หนังออกมาสมจริง และสมบูรณ์แบบ จนเป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ถูกหยิบมาพูดถึงทุกครั้ง หากมีการจัดอันดับหนังไซไฟ

ภาพจาก ifccenter.comภาพจาก ifccenter.com

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์