"จะกระทำพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในภายหน้า และเวลานี้จึงได้ทำพระราชพิธีหมั้นแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมเจ้าหญิงพระองค์นี้ขึ้นเป็นเป็น พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี ตั้งแต่นี้สืบไป"
ขณะที่ได้รับสถาปนาเป็นพระคู่หมั้นนั้น พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีมีพระชันษา 28 ชันษา พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี ทรงมีความคิดที่ล้ำสมัยสตรีไทยในยุคนั้น ทรงเขียนบทความชื่อ "ดำริหญิง" ในหนังสือ รายสัปดาห์ มีทำนองเนื้อหาประมาณว่าส่งเสริมให้สตรีมีความเท่าเทียมกับบุรุษ เพราะสตรีก็มีความสามารถ และจะอุ้มชูหรือชักบุรุษให้ต่ำลงก็ทำได้ จนทำให้พระเจ้าอยู่หัวไม่พอพระทัย
ส่วนเรื่องที่คาดเดากันว่าอาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ไม่ทรงพอพระทัยนั้น คือ เรื่องที่แสดงพระกริยาไม่เหมาะสมต่อมหาดเล็กคนสนิทของพระเจ้าอยู่หัว(เจ้าพระยารามฯ) สืบเนื่องจากพระเจ้าอยู่หัวเสด็จโดยรถพระที่นั้นพร้อมกับพระวรกัญญา เมื่อถึงที่หมายเจ้าพระยารามฯ ลงไปรอรับเสด็จที่ประตูรถตามหน้าที่ เมื่อพระวรกัญญาปทานจะเสด็จลงจากรถพระที่นั่ง เจ้าพระยารามฯ ได้ยื่นมือไปรอรับเสด็จเพื่ออำนวยความสะดวกตามอย่างธรรมเนียมราชสำนักยุโรบ ทันใดนั้น!..พระวรกัญญาปทานทรงชักพระหัตถ์หนีพร้อมมีรับสั่งตำหนิเจ้าพระยารามฯ ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมถึงธรรมเนียม เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชวงศ์ฝ่ายในไม่สมควรที่ชายสามัญชนจะแตะต้องพระวรกายตามกฏมณเฑียรบาล เมื่อเป็นเช่นนั้นพระเจ้าอยู่หัวจึงกริ้ว เป็นเหตุให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพิโรธ(โมโห) พระวรกัญญาปทาน