เครียดๆๆ ปัสสาวะเล็ด ฉี่บ่อยตอนกลางคืน ทำไงดี?

สาเหตุของความผิดปกติในการขับถ่ายปัสสาวะ

การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่และความผิดปกติในการขับถ่ายปัสสาวะ เป็นเพียงอาการเท่านั้น แต่อาการนี้เป็นสิ่งที่ชี้บ่งถึงความผิดปกติหรือโรคอื่นๆที่เป็นอยู่ภายในร่างกายโรคต่างๆได้แก่โรคทางระบบประสาท โรคเกี่ยวเนื่องกับระบบปัสสาวะ เช่น ต่อมลูกหมากโต โรคที่เกิดตามวัย ความเสื่อมของร่างกาย โรคเบาหวาน เป็นต้น แต่หากจะสรุปสาเหตุง่ายๆ เพื่อความเข้าใจดังนี้

1.สาเหตุจากกระเพาะปัสสาวะ 
ซึ่งเกิดจากกระเพาะมีการบีบตัวที่ผิดปกติ ซึ่งส่วนมากจะมีการบีบตัวที่ไวกว่าปกติ บีบตัวอย่างไม่เป็นเวลา ทำให้มีอาการปวดปัสสาวะเร็วกว่าที่ควร และมีปัสสาวะเล็ดราดออกมา ไม่สามารถควบคุมได้ สาเหตุมักจะเกิดจากโรคทางระบบประสาท โรคทางสมอง ไขสันหลัง ทั้งที่เกิดเองหรือเกิดจากอุบัติเหตุ นอกจากนั้นอาจจะเกิดจากโรคบริเวณกระเพาะปัสสาวะเอง ที่พบบ่อยได้แก่การอักเสบติดเชื้อ แต่มีสาเหตุที่ก่อให้มีกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถชี้บ่งได้ว่าเกิดจากเหตุใด ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มหนึ่งที่เราเรียกว่ากระเพาะปัสสาวะไวกว่าปกติ (overactive bladder) ที่ย่อว่า OAB และหลายคนรู้จักกันในนามของ โอ เอ บี นอกจากกระเพาะปัสสาวะที่บีบตัวน้อยลงเช่นในผู้ป่วยเบาหวานก็สามารถทำให้มีปัสสาวะเล็ดราดได้เช่นกัน เนื่องจากมีปัสสาวะตกค้างในกระเพาะปัสสาวะ และจะไหลรินออกมาเมื่อมีปัสสาวะค้างมากจนเกินกว่าที่กระเพาะปัสสาวะรับได้
 
2.สาเหตุที่เกิดจากกลไกหูรูด ส่วนมากเกิดจากหูรูดที่หย่อนกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ในขณะที่มีการเก็บกักปัสสาวะ มีปัสสาวะไหลราดออกมา หรืออาจจะไหลออกมาเมื่อมีการเพิ่มแรงดันจากในช่องท้อง เช่นเมื่อไอ จาม หัวเราะ มีปัสสาวะเล็ดออกมา ซึ่งพบได้บ่อยในผู้หญิง นอกจากนั้นการที่หูรูดทำงานมากกว่าปกติ ทำให้ถ่ายปัสสาวะไม่ออกถ่ายปัสสาวะไม่หมดเมื่อมีปัสสาวะตกค้างในกระเพาะปัสสาวะมากก็มีปัสสาวะไหลริออกมาได้เช่นกัน

3สาเหตุร่วมกันระหว่างกระเพาะปัสสาวะและหูรูด คือเป็นสาเหตุร่วมกันของสาเหตุที่ 1 และ 2 ซึ่งทำให้มีปัสสาวะเล็ดราดออกมา พบในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติบริเวณสันหลัง เช่น จากอุบัติเหตุ จากการผ่าตัดบริเวณสันหลังเป็นต้น


เครียดๆๆ ปัสสาวะเล็ด ฉี่บ่อยตอนกลางคืน ทำไงดี?

การรักษากลุ่มอาการปัสสาวะเล็ดราดเมื่อมีการปวดปัสสาวะ

การปรับสภาพของน้ำดื่ม เช่นลดปริมาณการดื่ม หรือดื่มตามเวลา และพยายามควบคุมการถ่ายปัสสาวะ ให้ถ่ายเป็นเวลา ซึ่งโดยทั่วไปเราจะถ่ายปัสสาวะประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งถึง 3 ชั่วโมงต่อครั้งในเวลาที่ตื่น หากผู้ป่วยสามารถควบคุมยืดระยะเวลาการถ่ายปัสสาวะออกไปได้ก็จะเป็นการปรับการถ่ายปัสสาวะให้กลับสู่ปกติ แต่การรักษานี้มักจะได้ผลกับผู้ที่มีอาการไม่มากนัก แต่ประการสำคัญคือผู้ป่วยจะต้องทำความเข้าใจว่าคนเราสามารถกลั้นปัสสาวะได้บ้าง หลายคนเข้าใจว่าไม่สามารถกลั้นได้เลยเมื่อมีอาการปวดปัสสาวะจะต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถกลั้นปัสสาวะทีละ10 นาที 15 นาที จนถึง 30 นาทีได้ โดยไม่เป็นอันตราย และจะทำให้จำนวนครั้งของการถ่ายปัสสาวะห่างออกไป อย่างไรก็ดีวิธีการรักษานี้เราสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่นการใช้ยาได้ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

การใช้ยา ถือเป็นการรักษาที่ได้ผลดี ในกลุ่มอาการที่ผู้ป่วยมีการปวดปัสสาวะและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีอาการของกระเพาะปัสสาวะที่มีการบีบตัวไวกว่าปกติ ยาที่มีประสิทธิภาพในการักษาความผิดปกตินี้ในปัจจุบันมีหลายชนิด กลไกการออกฤทธิ์ของยา จะเข้าไปยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ลดอาการปัสสาวะบ่อย ลดอาการของการมีปัสสาวะเล็ดราด ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีขนาดโตทำให้สามารถเก็บกักปัสสาวะได้มากขึ้น ยาเหล่านี้อยู่ในรูปของยารับประทานเป็นส่วนมาก และสามารถรับประทานได้ง่าย เพราะหลายบริษัทผลิตยาที่มีการแตกตัวช้าทำให้รับประทานแล้วมีฤทธิ์ของยาคงที่ตลอดวัน ทำให้สามารถรับประทานเพียงวันละครั้งเดียวได้ อาการข้างเคียงของยากลุ่มนี้ได้แก่ อาการปากแห้ง คอแห้ง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ใจสั่น ตาพร่า เป็นต้น ซึ่งมักจะมีอาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรงนัก แต่อย่างไรก็ดีมีข้อห้ามในการใช้ยากลุ่มนี้บ้าง เช่น ผู้ป่วยต้อหิน หรือผู้ที่มีประวัติลำไส้อุดตัน ไม่สามารถใช้ยาได้ และผู้ป่วยไตวาย หรือการทำงานของตับผิดปกติ จะต้องลดขนาดของยาลง และผู้ที่รับประทานยาฆ่าเชื้อราก็ต้องลดขนาดยาเช่นกัน ตัวอย่างยากลุ่มนี้ได้แก่ tolterodine, oxybutynin, trospium, solifenacin เป็นต้น ซึ่งมีชื่อการค้าในแต่ละประเทศแตกต่างกัน
 
การใส่ยาเข้ากระเพาะปัสสาวะ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยารับประทานได้ หรือไม่ได้ผล การใส่ยาเข้ากระเพาะปัสสาวะอาจจะช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะได้ แต่ไม่ได้เป็นการถาวร จะต้องทำซ้ำ มียาและสารบางชนิดที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย เช่น resiniferatoxinที่สะกัดมาจากพืชตระกูลกระบองเพชร, capsaicin ที่สะกัดมาจากพริกเป็นต้น หรืออาจะใช้ botulinum toxin ซึ่งเป็นผลิตผลจากแบคทีเรีย ฉีดเข้าผนังกระเพาะปัสสาวะก็ได้

การผ่าตัดขยายกระเพาะปัสสาวะ เป็นการรักษาที่ถือได้ว่ามีที่ใช้ไม่มากนัก โดยจะเลือกใช้เมื่อไม่สามารถใช้วิธีการใดๆได้แล้ว การขยายกระเพาะปัสสาวะส่วนมากเราจะใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหารมาเสริมกระเพาะปัสสาวะทำให้มีขนาดโตขึ้น ลำไส้ที่นำมาใช้มากที่สุดคือลำไส้เล็ก แต่มีข้อเสียที่หลังจากผ่าตัดแล้วผู้บ่วยจำนวนหนึ่งไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้เอง จะต้องใช้การสวนปัสสาวะเป็นเวลา

 
การปรับสมดุลระบบประสาท เป็นวิธีการที่เราจะฝังอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์เข้าสู่ร่างกายเพื่อทำให้ระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะทำงานตามปกติ แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือมีราคาแพง และผู้ป่วยบางรายไม่สามารถใช้ได้ผล



ที่มา : สมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประทศ ในพระบรมราชูปถัมภ์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์