พลิกแฟ้มคดีเลือดเย็นเชือดคอลูกบูชายัญพระอินทร์

จะมีใครคาดคิดบ้างว่าครอบครัวที่ดำรงอยู่อย่างเรียบง่ายและสมถะในสวนมะพร้าว อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนบ้านจะก่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ด้วยการฆ่าปาดคอลูกสาววัย 12 ขวบเพราะเชื่อว่าจะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย แล้วดวงวิญญาณของเด็กจะไปสู่สรวงสวรรค์ ภายใต้การดูแลของพระอินทร์ !?!

เรื่องราวสุดแสนจะพิสดารที่เกิดจากความเชื่อยิ่งกว่าเทพนิยายนี้ เกิดขึ้นจริงในโลกปัจจุบัน ในสังคมไทยที่มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 10 ปีเต็ม ณ บ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง หมู่ 11 ต.แพงพวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี สถานที่เกิดเหตุสยองขวัญและได้กลายเป็นตำนานอันพิลึกพิลั่น ยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่ 4 คน ซึ่งมีความเกี่ยวพันฉันญาติกับเจ้าของบ้านเดิม บัดนี้แทบไม่มีอะไรผิดแผกไปจากเมื่อก่อน ยกเว้นสภาพจิตใจของพวกเขาและเธอที่อยากจะลืมเรื่องร้ายๆ เหล่านี้ไปจากใจ ทว่าก็ยากเกินจะทน และไม่ขอพูดถึงเมื่อถูกถามถึงเรื่องราวในอดีต

แต่ใช่ ว่าเรื่องนี้จะลืมกันได้ง่ายๆ ตรงกันข้ามทุกคนยังจดจำได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนบ้านอย่าง "บุญสม พูลสินธุ์" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ที่มีบ้านถัดออกไปเพียง 500 เมตรและก่อนเกิดเหตุไม่กี่วันเขาได้รับคำชักชวนในทำนองเพ้อฝันจากเจ้าของ บ้านหลังนี้ด้วย ผู้ใหญ่บุญสมเท้าความเมื่อเกือบ 5 ปีก่อนฟังอีกรอบ

เรื่องมีอยู่ว่า...บ่ายวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ตำรวจ สภ.ดำเนินสะดวก ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมในบ้านหลังนี้ จึงเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุและต้องพบกับภาพอันชวนตกตะลึง เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของ ด.ญ.ประภัสสร เจียมเจริญ อายุ 12 ขวบ นอนสิ้นลมหายใจอยู่กลางบ้านท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บริเวณลำคอถูกของมีคมปาดจนหลอดลมขาด เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง กลางบ้านมีโต๊ะวางอยู่คล้ายกับกำลังทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ มีเส้นผมจำนวนหนึ่งแช่น้ำอยู่ในกะละมัง ที่นอนถูกนำไปเผาทิ้งข้างบ้าน และมีดอีโต้เปื้อนเลือดตกอยู่ใกล้ๆ ศพ

บริเวณชั้นบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงสวดมนต์ด้วยภาษาบาลีเล็ดลอดออกมาจากประตูห้องนอน ห้องหนึ่ง ด้วยความงุนงงสงสัยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเรียกให้คนข้างในเปิดประตู แต่ไม่เป็นผลจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปพบผู้หญิง 4 คนกำลังสวดบริกรรมคาถาด้วยถ้อยคำไม่ได้ศัพท์ ประกอบด้วย

นางกาญจนา เจียมเจริญ อายุ 50 ปี
นางบัว เจียมเจริญ อายุ 68 ปี
นางอนงค์ เจียมเจริญ อายุ 45 ปี และ
น.ส.จรินทร์ เจียมเจริญ อายุ 32 ปี

ทั้งหมดเป็นพี่น้องกันทันทีที่เห็นตำรวจทุกคนก็ด่าทอขับไล่ตำรวจ แล้วคว้ามีดไล่ฟันจนเกิดความโกลาหลขึ้น เล่นเอาเหงื่อตกไปตามๆ กัน เพราะ เวลานั้นไม่ได้มีแต่เฉพาะตำรวจเท่านั้น แต่ยังมีไทยมุงอีกจำนวนมากที่สนใจใคร่รู้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนบ้านที่ต่างก็รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวนี้ ทั้งสิ้น ต่างแตกหนีกระเจิงไปในสวนมะพร้าวคนละทิศละทาง บางคนล้มลุกคลุกคลาน ตกน้ำตกท่าลงไปในคูร่องสวน ได้แผลเปิดเปิงกันไปพอหอมปากหอมคอ หลายคนพยายามเรียกชื่อให้คืนสติ แต่เหมือนกับยิ่งยั่วยุมากขึ้นๆ จนตำรวจต้องใช้กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ในที่สุด

จากการสอบสอนทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุนั้นเป้นของนางกาญจนาซึ่งเป็นมารดาของ ด.ญ.ประภัสสร ส่วนนางบัวเป็นยาย และอีก 2 คนเป็นน้าสาวและมีอาชีพเป็นร่างทรงเจ้าอีกด้วย ทั้งสี่คนมีอาการทางสมอง โดยนางกาญจนาให้การวกไปวนมาคล้ายกับอาการคนเสียสติ ว่าก่อนเกิดเหตุนั้นสั่งให้นางอนงค์น้องสาวไปตัดต้นมะพร้าวในสวนข้างบ้านให้หมด จากนั้นก็ฆ่าลูกสาวทิ้งเพื่อทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณไปอยู่กับพระอินทร์ ตามความเชื่อของลัทธิ เพราะเชื่อว่าลูกสาวนำความชั่วร้ายติดตัวจำต้องฆ่าทิ้ง จะทำให้โลกสว่างไสวขึ้น และปลดปล่อยชีวิตที่ถูกกดขี่มา 3 ภพ 3 ชาติ หากฆ่าเลือดชั่วจะได้เป็นอิสระ หลังจากนั้น นางอนงค์ได้ลงมือฆ่า ด.ญ.ประภัสสร ทันทีโดยใช้มีดอีโต้ปาดคอดิ้นพราดตายคาที่แล้วตัดเส้นผมผู้ตายไปแช่น้ำ และนำเสื้อผ้ากับที่นอนไปเผาทิ้งเพื่อทำพิธีส่งวิญญาณ

ระหว่างสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหลักฐานม้วนเทป ที่นางกาญจนาอัดไว้ช่วงลงมือสังหารลูกสาว โดยข้อความในเทปตอนหนึ่งนางกาญจนาได้พูดกับลูกสาวว่า "เสียสละชีวิตให้แม่เถอะลูก" จากนั้นได้มีเสียง ด.ญ. ประภัสสรพูดเหมือนกับร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสารว่า "ทำหนูทำไม อย่าทำหนูเลย" ก่อนเงียบไป และเป็นประโยคสุดท้ายที่ถูกอัดในเทป เชื่อว่าพอผู้ตายพูดจบก็ถูกฆ่าเชือดคอทันที

จากการสอบสวนชาวบ้านแถวๆ นั้นพบว่าสี่พี่น้อง มีอาชีพทำสวนผลไม้ มีฐานะปานกลาง มีความเชื่อเรื่องการบูชาพระอินทร์มา นานแล้ว เขาเคยมาชวนชาวบ้านละแวกนี้ให้มาร่วมทำพิธีกรรมต่างๆ นานาหลายครั้ง ตัวนางกาญจนาเอง มักจะมีการเข้าทรงเหมือนกับคลั่งลัทธิตลอดเวลา เวลาโกรธหรือไม่พอใจใครจะด่ากราดไปทั่วจนไม่มีใครอยากคบหาหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

ผู้ใหญ่บุญสมเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านที่ ได้รับการชักชวนจากกาญจนา โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2547 หรือ 2 วันก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณตี 3 อนงค์ได้มาตามที่บ้านผู้ใหญ่บุญสม ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 500 เมตร เขาเข้าใจว่าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นจึงเดินตามไปที่บ้าน เมื่อขึ้นไปชั้นบนก็สังเกตเห็นโต๊ะหมู่บูชา อนงค์บอกให้นั่งหลับตาทำสมาธิ เพราะตัวเขาเคยทำร้ายพระอินทร์ในชาติภพก่อน ผู้ใหญ่บุญสมได้แต่นั่งหลับตามั่งลืมตามั่ง พอเห็นท่าไม่ดีเลยขอตัวกลับบ้าน
 
เรื่อง น่าจะจบลงแค่นั้น ทว่าคืนต่อมาเวลาประมาณ 4 ทุ่ม อนงค์กลับมาหาผู้ใหญ่บุญสมอีกครั้ง ถึงตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้จึง ปฏิเสธไป กระทั่งคืนวันที่ 4 ตุลาคมเวลาราวๆ ตี 2 ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงก็ได้ยินเสียงเด็กร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บปวดแล้วก็ เงียบหายไป ไม่มีใครคาดคิดไปถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในสังคมชนบทที่สุดแสนสงบ เงียบแห่งนี้

ด.ญ.ประภัสสรถูกอนงค์ผู้มีศักดิ์เป็นป้าใช้มีดอีโต้ปาดคอจนเสียชีวิต แล้วตัดผมของเด็กไปแช่น้ำ นำเสื้อผ้าและที่นอนไปเผา ด้วยเชื่อว่าเป็นการส่งวิญญาณให้ไปสู่สุคติ ช่วยให้โลกสว่างไสวขึ้น และการที่กาญจนาผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าสามารถสื่อสารกับพระอินทร์ได้ จะช่วยส่งวิญญาณของลูกสาวให้พระอินทร์ดูแล

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเพื่อนบ้านต่างหวาด ระแวงครอบครัวนี้ เด็กๆ หลายคนถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้บ้านหลังนี้ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเราจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน หลายคนเชื่อว่าเหตุเศร้าสลดเหล่านี้เกิดจากความกดดันในอดีตของแม่เด็ก" ผู้ใหญ่บุญสม กล่าว

จากนั้นก็มีคำถามตามมาอีกหลายคำถาม หนึ่งในคำถามนั้นคือ “ในเมื่อเด็กรู้ว่าแม่จะฆ่าตน ทำไมเด็กไม่ขัดขืน ไม่มีร่องรอยต่อสู้เลยสักนิด เสมือนหนึ่งว่ามีคำถามมากมาย ทำไม ...? ร่องรอยการขัดขืนของเด็กจึงไม่มีเลย เด็กยอมตายสนองความเชื่อของผู้เป็นแม่"

จาการสอบถามครูประจำชั้นของเด็ก พบว่าก่อนหน้านั้น ด.ญ.ประภัสสร มักหลับในเวลาเรียนเสมอ พอสอบถามจึงได้ความว่า ตอนกลางคืนเธอโดนที่บ้านบังคับให้นั่งสมาธิจนไม่ได้นอน วันที่ 31 กันยายน 2547 ป้าของเด็กหญิงเดินทางมารับ ด.ญ.ประภัสสร ก่อนเวลาเลิกเรียน อ้างกับครูว่า ต้องรับกลับบ้านเพื่อไปทำพิธี 1 ตุลาคม ญาติๆ ทางกรุงเทพมหานคร เดินทางมาที่บ้านร่วมทำพิธีสวดมนต์ นั่งสมาธิ และนั่งจับมือต่อๆ กัน เพื่อให้คนที่เป็นแม่ของเด็กหลุดพ้นจากความชั่วร้าย เมื่อญาติเดินทางกลับ เหตุร้าย...ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น………..

จากสอบสวนประวัติของครอบครัวก็พบว่า กาญจนาเคยถูกคนร้ายข่มขืน ขณะอายุได้ 17 ปี ต่อมาเธอให้กำเนิด ด.ญ.ประภัสสร โดยมีอนงค์ผู้เป็นป้าคอยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี แต่แล้วทุกคนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่เคยสุขสงบนี้ ปัจจุบันสี่พี่น้องเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทที่สถาบันกัลยาณ์ราช นครินทร์

 

 

 

พลิกแฟ้มคดีเลือดเย็นเชือดคอลูกบูชายัญพระอินทร์


พลิกแฟ้มคดีเลือดเย็นเชือดคอลูกบูชายัญพระอินทร์


พลิกแฟ้มคดีเลือดเย็นเชือดคอลูกบูชายัญพระอินทร์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์