อุทาหรณ์! หนุ่มอดีตเศรษฐีเงินสี่ล้าน กลับต้องเหลือ 86 บาท เพียงเพราะแบบนี้

วันนี้เราขอนำเรื่องราวของคุณ คุณ สมาชิกหมายเลข 2227801 จากเว็บพันทิพดอทคอม ที่เข้าไปตั้งกระทู้ หัวชื่อชื่อ ... "3ปีกว่า หมดเงิน 3-4 ล้านบาทกับผู้หญิง 1 คน เหลือติดบัญชี86บาทสุดท้าย มาดูและทำความรู้จักกับมารยาหญิง .. ทอมใจดี ฮ่าา" อย่ารอช้า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกันเลยจร้า...
 
เปิดตำนานความใจดีของทอมอ้วนที่มองโลกในแง่ดีและสวยงามเกินไปจนหมดตัว !!" ฮ่าาา นี่คือครั้งแรกที่เขียน เวบพันทิพ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของความรักที่ผมคิดว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามและผมได้รับการปลูกฝังมาจากครอบครัวว่า ความรัก คือ การให้ มือผู้ให้อยู่สูงกว่ามือผู้รับเสมอ (อันนี้พ่อผมสอนคับ) ^_^
เริ่มเรื่องเลยละกันเนาะ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า มีผู้หญิงคนนึงได้เข้ามาในชีวิตผม แต่ผมขอเกริ่นก่อนนะว่า ณ ตอนนั้น ผมรู้สึกแย่มาก โลกเป็นสีดำ มืดสนิท ผมรู้สึกว่า โลกนี้ไม่มีอะไรให้ผมน่าค้นหา เพราะผมอกหัก จากผู้หญิงคนนึงที่ผมคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน เรื่องจึงได้เกิดขึ้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 
เรื่องราวเกิดขึ้นดังนี้ หลังจากที่ผมไม่พูดคุยและติดต่อกับเพื่อนอีก ก็เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามา พูดคุย อยู่เป็นเพื่อนผม เราสองคนเล่าเรื่องราวให้ซึ่งกันและกันได้ฟัง แต่ใจผมไม่เคยลืมเพื่อนเลย เขาเข้ามาปลอบ บอกผมว่า ผมเป็นคนดี ทำไมคนดีดีอย่างผมต้องเจอเรื่องที่ร้ายๆแบบนี้ โดนผู้หญิงหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ( หมายถึงแฟนทุกๆคนที่ผ่านมา ย้ำนะคับว่าทุกคน ฮ่าาา )
 
เธอเลยบอกกับผมว่า ไม่เป็นไรนะต่อไปนี้ หนูจะอยู่ดูแลพี่เอง จากใจที่ห่อเหี่ยว ผมก็เริ่มมีกำลังใจ แรกๆเธอดูเป็นคนน่ารัก ไม่ว่าจะทำอาหารให้ทาน ตัดเล็บให้ผม ทำทุกอย่างเหมือนที่คนรักทั่วไปเค้าทำกัน วันที่ผมตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตคู่กับเธอ เธอบอกผมว่า เธอเป็นคนไม่มีอะไร ที่บ้านยากจน ลำบาก แต่คนอย่างเธอไม่เคยเกาะใครกิน เงินเราหามายาก ทุกอย่างแชร์กัน เรื่องจึงเริ่มต้นหลังจากนั้นมา
 
ผมย้ายเข้าไปอยู่กับเธอที่หอพัก ด้วยเงินเดือนพนักงานของเธอ ทำให้เธอต้องประหยัด ผมเลยบอกเธอไปว่า ไม่เป็นไร ปกติผมก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว เดี๋ยวผมจ่ายเอง เก็บส่วนของเธอไว้ผมจ้างแม่บ้านซักผ้า เพราะผมเกิดมาผมก็ส่งผ้าซักมาตลอด ทุกวันอาทิตย์ เธอจะต้องนั่งซักผ้าของเธอ ผมบอกเธอว่า ไม่ต้องลำบากซักให้ผม อยู่แบบสบายๆ ผมไม่อยากเป็นภาระใคร แต่ด้วยเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมสงสารเธอ ผมเลยถามทำไมค่าซักผ้าแค่500 บาท ไม่ส่งซัก มานั่งหลังคดหลังแข็งซักทำไม เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถอะ เธอบอกผมว่าเธอต้องประหยัด ผมเลยบอกไปว่าเดี๋ยวผมจ่ายให้เอง
 
( ชีวิตคุณนายเริ่มบังเกิด ) ตอนที่ผมเริ่มคบเธอ คือ เดือน ก.พ. เมื่อ 3 ปีก่อน เธอเปิดตัวทำให้ผมรู้สึกดีคือ วันเกิดผม เธอซื้อทองให้เป็นของขวัญวันเกิด ผมแปลกใจเพราะมีแต่คนเอาจากผม เลยทำให้ผมเริ่มมองเธอว่าเธอคงไม่คิดจะมาเอาอะไรจากผม แต่กฎของการ give and take ผมว่าไม่ใช่เสมอไป เธอเป็นคนพูดจาดี มีหลักจิตวิทยา เธอมักบอกผมเสมอว่า เราจะอยู่ดูแลซึ่งกันและกัน ก่อนคบผมขอเธอแค่ข้อเดียว "อย่าทิ้งผมเหมือนคนอื่นๆที่ผ่านมา" ที่เหลืออยากจะทำอะไร อยาได้อะไร ผมมีผมให้หมด ผมทำธุรกิจส่วนตัว เธอเป็นพนักงานประจำ เธอจ่ายค่าทานนมมื้อแรกกับผม ประมาน 60 บาท
 
หลังจากวันนั้น ผมเป็นฝ่ายจ่ายตลอด เพราะผมรัก ใครจะว่าผมโง่ผมน้อมรับ ( แต่สิ่งที่ผมอยากบอกและแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้เพราะไม่อยากให้คนอื่นๆมาตกเป็นคนโง่ในมารยาของผู้หญิงบางคนแบบผม ) ผมเปิดร้านมือถือ ทุกเสาร์ อาทิตย์ เธอจะมาช่วยผมที่ร้าน ผมรู้สึกดีว่า เอ้อ เธอเป็นคนขยัน ทำงานจ-ศ เหนื่อย เสาร์ อาทิตย์ยังมาช่วยผม แต่แท้ที่จริงแล้วมีผลประโยชน์แอบแฝง เธอมานั่งเพื่อเอาconecttion ลูกค้าร้านผม เธอทำสินเชื่อ ( ของธนาคารแห่งนึง ธนาคารมีสี อยู่แถวๆห้างดังของจังหวัดอุดรธานี )
 
เธอจะได้ฐานลูกค้าเพื่อกู้ เธอจะได้มีผลงานเกี่ยวกับงานของเธอล้วนๆ กว่าผมจะรู้ก็ผ่านไป3 ปีแล้ว เธออยากได้อะไรเธอจะไม่พูด เช่น ผมพาไปเดินถนนคนเดิน เธอบอกไม่เอา ผ้าเยอะแยะ ผมเลยเออดี เป็นคนประหยัด ที่ไหนได้ เธอเสพติดแบรนด์เนม เธอชอบชวนไปซื้อของsaleที่ห้าง เธอบอกว่าคุณภาพมันดีกว่า เนื้อผ้าเหมาะกับหน้าที่การงานเธอ เธอเป็นคนรูดบัตร ( บัตรของเธอเอง แต่ ...... ผมเป็นคนจ่าย ) ^_^ จากเครื่องสำอางค์ ธรรมดาๆ ผมพาเธอไป shop lancome เพราะผมใช้ผมว่ามันดี จากกระเป๋า ธรรมดาๆ
 
 
 
 
( พวกกระเป๋าตามห้างทั่วๆไป ) เธอขยับเวลด้วย coach สาเหตุมาจาก พี่ชายผมอยู่ที่อเมริกา จะบินกลับ เธอบอกเธอฝากซื้อ ผมเลยสั่งให้ แต่พอดีมันได้ตรงกับช่วงวันเกิดเธอ ประกอบกับเธอบ่นเงินเดือนน้อย ไม่พอใช้ ผมเลยบอกไม่เป็นไร ผมซื้อให้เป็นของขวัญ อยู่กันมา3 ปีกว่า ผมไม่เคยดูบัญชีเงินเดือนเธอ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเงินเธอเลยแม้แต่บาทเดียว เธอเริ่มบ่นนุ่น นี่ นั่น ที่ทำงานไม่ดี อีกหลายอย่าง หน้าที่แฟน ผมเลยบอกว่าออกมาทำร้านด้วยกันไหม เธอก็จะเงียบหายไป บ่นบ้างเป็นช่วงๆ หลังจากนั้น เธอก็ตัดสินใจอยากมีบ้าน ผมเลยบอกไปว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนิ เช่า 5,000-. จะไปอยากครอบครองทำไม เธอบอกผมว่า ถึงไม่ได้คบผม เธอก็จะกู้ซื้อบ้านอยู่แล้ว เรื่องจีงเกิดขึ้น คือกว่าเธอจะขอกู้ผ่าน ผมต้องเป็นคนผ่อนดาวน์ที่ดินเปล่าๆ เดือนละ 15,500-. เพราะเธอไม่มีเงินก้อน
เลยกลายเป็นที่มาว่าต้องซื้อบ้านชื่อเธอ แต่ผมเป็นคนผ่อน ทุกครั้งที่เราไปไหนมาไหน เธอจะไม่ให้ผมอัพเดทสเตตัสหรือเช็คอินสถานที่ต่างๆ และห้ามผมtagรูปกับเธอเด็ดขาด เธอบอกว่าเดี๋ยวพ่อแม่ผมจะหาว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย ( สร้างภาพสุดพลัง !!" แต่ตอนนั้นผมก็เชื่อฟังเธอนะ ฮ่าาา ) เธออยากได้แหวนคู่ ผมเลยซื้อแหวนเพชรให้เธอ ราวๆ 30,000-. กว่าบาท ผมขายของได้ผมก็ให้เธอ เธอขอผมว่าเธออยากจัดฟันอีกครั้ง ( เริ่มขอ ขอ ขอ มากขึ้นเว้ย แต่ก็ได้แค่คิดในใจอ่ะนะ ฮ่าาา ) ผมถามทำไมต้องจัด ก็สวยอยู่แล้ว เธอบอกหน้าเธอผิดแบบ
 
หน้าบานกรามใหญ่ หน้าเป็นสี่เหลี่ยมคือสรุปสั้นๆเรียวว่าหน้าฟ้องแบบชัดเจนว่าเกิดอีสาน เลยต้องจัดใหม่ ผมบอกมีเงินก็ทำไป แต่ในที่สุด เธอรูดบัตร ผมจ่ายอีกเช่นเคยครับ !!" ผมไม่เคยมองหรือดูบิลว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ผมมีหน้าที่ดูยอดเต็มแล้วไปจ่าย ผมไม่รู้ว่าเรามาถึงขั้นนี้ได้ยังไง ค่าทำฟันทุกเดือน 2,000-. รวมทั้งค่าน้ำมัน ค่าของใช้ทุกๆสิ่งอย่างที่เธอรูดคือผมจ่ายทั้งหมด เวลาไปหาพ่อแม่ซื้อของเข้าบ้านตัวเอง คือทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ที่เธอรูดบัตรเป็นผมจ่ายเองทั้งหมด นานๆไปเธออยากทำประกันชีวิตให้พ่อแม่เธอ เธอรูด ผมจ่ายเช่นเดิม
 
พอมาถึงวันที่เราอยู่บ้าน เงินเดือนเธอ 30,000-. มีผ่อนบ้าน 10,000-. รถ 10,000-. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเธออีก ไม่พอใช้ ผมเลยให้เงินผมยืมไป 1 แสนบาท เพื่อเอาไปปิดรถ เธอจะได้ไม่ต้องผ่อน ( ป๋ามากครับพี่น้อง !!" ฮ่าาา ทอม สปอร์ต ใจดีสุดๆ ^_^ ) ภาระจะได้เบาบางลง ผมบอกมีเมื่อไหร่ค่อยคืน ผมไม่เดือดร้อน อยู่ๆกันไป เริ่มเห็นสันดานกันมากขึ้น
 
เงินเธอจะไม่ให้ออกจากร่างเธอเลย เนื่องจากเราใช้เงินแบบนี้ตลอด เพราะผมหาคนเดียว จ่ายคนเดียว ทำให้ผมหมุนเวียนไม่ทัน ผมเลยจำเป็นต้องขายรถผม เพื่อไปซื้อคันใหม่ จะได้มีเงินมาหมุน แต่แค่นี้ยังไม่พอ เธอบอกว่าให้ผมไปยิมยืมเงินแม่ผมมาสิ เธอวางแผนวางหมากพูดโน้มน้าวจิตใจให้แม่ผมเชื่อว่าผมสามารถทำงานได้ดี แม่จึงให้ผมยืมมา 300,000 บาท ผมก็เอามาใช้จ่ายกับเธอหมด หลังจากนั้นไม่นาน เธออยากมีนาฬิกาดีดีสักเรือน ซึ่งตอนนั้นผมมีของผมอยู่แล้ว ผมบอกเธอเสมอ ชีวิตผมผมซื้อหมดที่ผมอยากได้ ผมพอแล้ว เหลือแต่เธอเถอะ ผมเลยพาเธอไปซื้อ tag และเหมือนเดิมอีกเช่นเคย
 
เธอรูด ผมผ่อนจ่าย หลังจากนั้นไม่นาน ป้าๆน้าๆผมไปเที่ยวฝรั่งเศส ซื้อกระเป๋า หลุยส์ เกินมา 1 ใบ นางเห็นในกลุ่มแชทครอบครัวญาติพี่น้อง นางอยากได้ ผมเลยถามนางมีเงินหรอ แค่นี้ก็พอแล้ว กระเป๋า coach ซื้อมาไม่ได้ใช้เลย ท้ายที่สุดนางก็พูดคือยังไงก็จะเอาจนได้ เลยเป็นใบเริ่มต้นสู่สังเวียน แบรนด์เนมของเธอ หลังจากนั้น ต้องมีกระเป๋าสตางค์คู่กัน เธอเลยสอย Louis zippy มาอีก1 ใบ
 
ไม่ต้องสงสัยว่าเงินใคร ตามเดิมครับผมคือคนจ่าย !! ^_^" ต่อมาด้วย speedy 30 แบบสะพาย ผมฝากเพื่อนซื้อให้จากฝรั่งเศส เธอกลับจังหวัดใต้ไปกับผม ( ผมเป็นหนุ่มใต้ครับ ) ไปเห็นพี่สะใภ้ผมใช้ Louis alma bb เธออยากได้อีกเช่นเคย เลยบอให้ผมไปขอซื้อกับพี่สะใภ้มาอีกใบ สรุปเธอก็สอยมาได้อีก 1 ใบสมตามต้องใจที่ปรารถนา ตามด้วยเพื่อนผมมาหาผม เมียมันสะพาย บาลองมา เธอก็พาผมไปซื้อแบบเดียวกัน ( สรุปความคันอยากอัพตัวให้เหมือนและเทียบเท่าคนอื่นๆเริ่มอีกแล้วครับ ก็ไม่พ้นผมอีกเช่นเคย ) *_*" ผมบอกพอเถอะกับกระเป๋าใช้ไม่หมดแล้ว ไม่สาแก่ใจอีกหรอ ? เธอเห็นพี่สะใภ้ผมใช้ Louis pallas เธออยากได้อีก ( เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย มันมาอีกแล้วครับ !!!! V_V"
 
ความคัน ความอยากได้อยากมี อยากอัพตัวเองให้เทียบเท่าคนอื่นเค้า มันมาอีกแล้ว แต่มาเร็วไปมั้ย ?" ) ผมก็ต้องจัดให้เหมือนเดิม ( คือถ้าไม่ได้เธอจะไม่ยอมและไม่จบ ) เธอเริ่มไต่สูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึนเรื่อยๆ พอเราไต่ขึ้นที่สูง ก็ยากที่จะลงมา ( ซึ่งมีผผมเป็นบรรได และเป็นสะพานเหล็กทองคำฝังเพชรอีกเช่นเคยครับท่าน ฮ่าาา ) เธออยากได้ chanel ซึ่งไม่พ้นผม ถอย chanel classic ให้เธออีกเช่นเคยครับ ( พิมพ์ไปอ่านไป อยากมอบโล่ความ ... ให้ตัวเองจริงจริ๊งงงง TT_TT ) และในที่สุด เธออยากได้ hermes และนั่นเป็นใบสุดท้ายที่ผมซื้อให้พร้อมกับกระเป๋าตัง chanel ( ต้องอธิบายก่อนว่า ไม่ใช่ผมให้เธอง่ายๆ แต่ที่เล่ามา มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ) เดี๋ยวผมมาเล่าต่อ ว่า ทำไม เกิดอะไรขึ้น
 
ระหว่างผมกับเธอ กว่าผมจะถึงบางอ้อ ผมต้องเจออะไรมาบ้าง หมดไปเท่าไหร่ และเธอร้ายกาจขนาดไหน ถึงขนาดต้องแต่งเรื่องราวมากมายเพื่อมาโกหกผม หลอกลวงผม แอบบินไปนอนกับผู้ชายคนอื่น และอีกมามายทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะมีใครคิดและค้าดถึงว่าอะไรมันจะขนาดนั้นเลยหรอ ??????????? ผมเล่าให้ใครฟังมีแต่คนอึ้ง อึ้ง และอึ้ง !!!!" คือเธอมาเหนือเมฆมากครับผมขอบอก .................... ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังใหม่ ผมไปสวดมนต์ไหว้พระก่อนนะครับ ฝากดันกระทู้และปักหมุดรอได้เล๊ยยยยยยยยย >_< รอบต่อไปอาจมีรูปเด็ดๆมาให้ดูกันแบบชัดๆ เต็มๆจอ !!"

 
ก่อนอื่นผมต้องแจงก่อนนะครับว่า ที่ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ผมไม่ได้ห่วงว่าใครจะว่าผมโง่ หรือเอาอดีตมาแฉ แต่ผมแค่อยากจะแชร์ให้ได้ทราาบ ถึงมุมมองและกรณีทอมโง่เพราะรัก เป็นวิทยาทานแก่คนที่ได้อ่าน เรื่องราวดำเนินมาถึง หลังจากนั้นเธอก็ได้ย้ายงานไปอยู่ต่างสาขา สาเหตุที่ไปก็ไม่ได้มีอะไรมาก เงินเดือนเยอะมากขึ้น ทำให้ผมและเธอห่างกัน ประมาณ 1 ปี และเธอก็เริ่มแสดง นิสัยออกมาเรื่อยๆ ผมเกริ่นไปแล้วว่าผมทำร้านมือถือ เพราะฉะนั้นมือถือใหม่ๆทุกรุ่นที่นางได้ใช้ ก็ไม่พ้นฝีมือผม ตอนเธอมาเธอมาจาก iPhone 4 และจบลงที่iphone 6 64 gb แม้วันสุดท้ายที่เลิกกัน เธอยังคงโทรมาให้ผมส่งกล่องไปให้ (ผมนี่ อึ้งเลย กล่องยังเอา)หัวเราะ iPhone 4 ---iPhone 4s--iphone5--iphone5s------iphone6 (ปัจจุบันก่อนเลิกกันไป) และมีiphone5c เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่เธอไป ช่วงแรกๆเธอก็กลับมาหาผมปกติ ทุกอาทิตย์ หลังจากนั้นไม่นาน 2 อาทิตย์ครั้ง แล้วก็เป็นเดือนละครั้ง คำที่ผมมักได้ยินคือ งานยุ่ง ทำไม่ทัน ไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจแบบเมิง เวลาโทรไปหา มีสาระอะไรรีบพูดมา เอางานอ้างตลอด แต่เธอออนเฟสบุคชนิด นาทีต่อนาที ผมก็เอ๊ะ ไม่ว่างคุยแต่ตอบเฟส คือไร งง!!! 
 
และด้วยความใจดีของผมอีกเช่นเคย ผมเลยทำการติด gasที่รถผม ให้เธอไปใช้ เธอจะได้ประหยัดขับสบาย รถเธอ Honda city รถผม Nissan sylphy เธอบอกรถผมขับไม่เหนื่อย ทุกครั้งที่มา จะมาศุกร์ แต่พอนานไปมาเสาร์เย็น แวะมาหาผม เพื่อไปทำเล็บ และอีกเช่นเคย ทำเสร็จโทรตามผมไปจ่าย( ผมเลย โทดนะ ไม่คิดจะกดตังติดตัวเลยหรือไง) แล้วเข้าไปทำเล็บได้ไง อ่อลืมบอก เธอจะติดตัวอยู่แค่ 500 บาท ใช้ 1 อาทิตย์ เธอสามารถมาก ค่าทำเล็บ 1500 บาททุกอาทิตย์ ที่เธอกลับมา และตอนกลับในเช้าวันจันทร์ จะขอตังติดตัวจากผมกลับไป 1000 บาท เป็นอย่างนี้เสมอๆ (น้ำมัน เดินทาง รูดบัตรผมจ่าย ) กลับมาถึงด้านมือถือ เธอเริ่มพก 2 เครื่องงานรัดตัว เครื่องเก่าgbไม่พอ เบอโทรเธอจดทะเบียนรายเดือนชื่อผม ผมเลยสามารถเชคประวัติโทรออก โทรเข้าได้ เรื่องเริ่มดำเนินมาถึง
 
 ผมเห็นเบอแปลก คุยกันเป็นระยะเวลานาน ทีละ1-2 ชม ผมเลยจัดการเอาเบอมาเชคดู และได้ทราบทีหลังว่าเป็นลูกค้า ฐานะดีของนาง ผมก็เลยถามแค่โทดนะ งานต้องคุยทีเป็นชม แล้วแถม ตอน5 โมงเย็นอีกหรอ สิ่งที่ผมได้รับ คือ กรุณราให้เกียรติกันนิดนึง อย่ามายุ่งเกี่ยวเรื่องหน้าที่การงาน ผมก้โอเค (เก็บไว้ในใจ) ค่าโทรผมเดือนนึง3000-4000 เวลาเธอโทรมาผมจะกดตัด แล้วโทรกลับตลอด ง่ายๆคือเธอไม่น่าจะโทรเยอะ แต่บิลที่ผมจ่าย 1500-2500 ทุกเดือน ผมเลยถามโทรหาก็น้อย โทรอะไรหนักหนา หลังจากผมเชค ชีวิตเราก็เริ่มสั่นคลอน แต่ผมก็ให้เกีรยติเธอด้วยการไม่ยุ่ง เพราะผมถือว่า ใครทำอะไรไม่ดี เดี๋ยวก็เข้าตัวเอง ตัวคนอื่นผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือ ผมไม่เคยนอกใจเธอ ทั้งๆที่มีโอกาสตลอด เธอเริ้มบอกผมว่า ที่ทำงานจะจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ ให้ผมแจ้งเปลี่ยนชื่อให้เป็นเบอร์ของเธอหน่อย ผมก็ทำตาม (หลังจากนั้นเลยเชคไม่ได้ว่าเธอทำอะไร) เธอบอกผมว่า เธอจะไปสอบสัมภาษณ์งานใหม่ที่กทม ให้ผมจองตั๋วให้หน่อย ผมยุ่งงานผมก็ยังจะวานผมจอง (ตอนแรกไม่เข้าใจตอนนี้เข้าใจแล้ว ก็ผมคนจ่ายไง) และนี่คือจุดเริ่มต้น เธอไปสัมภาษณ์งานบ่อยมากๆ บอกผมงานเดิมเหนื่อย นุ่น นี่ นั่น กุขึ้นมาทั้งนั้น เธอบินไปหาผู้ชายคนใหม่ของเธอ (ผมจับได้ทีหลัง) 
 
ทกครั้งที่บินไปสอบ จะปิดมือถือ ผมเชคพิกัด find my iphone เธอจะเปิดเครื่องก็ต่อเมื่อเธอถึงสนามบิน และบอกผมว่าสอบเลยปิดเครื่อง เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 4-5 ครั้ง ในรอบ 2-3 เดือน เธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เธอเริ่มแต่งตัว ซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ (อยู่กับผมไม่แต่งนะ) เอาไว้ไปแต่งตอนอยู่ห่างกัน เธอเริ่ม เซลฟี่ โพสเฟสมากมาย มือถือเอาไว้ที่หัวเตียง สอดไปในเก๊ะ ผมรู้นะว่ามีสัญญาณเตือนแล้ว แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเรายังมีบ้านที่ผ่อนด้วยกัน ตื่นเช้ามาผมถามตัวเองว่า พร้อมจะเจอกับปัญหาหรือยัง ไม่พร้อมก็ยอมอยู่ต่อไป จนกระทั่งผมพาครอบครัวเธอไปเที่ยวเชียงใหม่ เราเปิดห้องนอน 2 ห้อง เธอขอไปอยู่กับพ่อแม่ เพราะนานๆทีจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน ผมไม่ว่าอะไร ผมเป็นไข้นอนป่วยอยู่ เธอไม่มาแม้แต่จะสนใจ(คนมีคนอื่น ก็เป็นแบบนี้แระคับ)
 
 เราเที่ยวด้วยกันเป็นทริปสุดท้าย พอกลับมาผมบอกเลิกเธอเพราะผมทนไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอบอกกกกกผมว่าเธอขอเวลาาา ขอห่างกัน เพื่อไปปรับนิสัย เธอรู้ว่าเธอนิสัยแย่ มีแต่ผมที่อยู่กับเธอได้ ทุกครั้งจะไปผมก็สงสาร ตัดกันไม่ขาดสักที แต่หนนี้ เธอเอาจริง เธอบินกลับไปเชียงใหม่ หลังจากที่เราเพิ่งกลับมา ผมไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เธอบอกผมว่าเธอบนบานไว้ที่ครูบาศรีวิชัย เลยต้องกลับไปแก้ ผมบอก บนไกลไปป่ะ ถึงกับงง ตอนนี้เป็นตอนที่เธอพูดอะไรผมเชื่อหมด เชื่อมาตลอด จนกระทั่งผม หันไปเจอเจ้าแม่กวนอิมที่ผมนับถือ ผมบอกท่านว่า อะไรที่ผมควรรู้ ขอให้ผมได้รู้ ผมอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ หลังจากขอเสร็จ สมองผมก็สั่งการให้ไปหยิบคอมพิวเตอรื มา log in line อีเมลเธอ ไม่ปรากฎข้อความอันใด ในตอนนั้น แต่ผมเปิดออนทิ้งไว้ และในที่สุดดดด......
 
 
แล้วในที่สุดสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง ต้องอธิบายก่อนว่า ผมระแคะระคายตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่เธอมักจะพูดเสมอว่า ใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น อย่าใช้ความไว้ใจมาทำร้ายคนที่เรารัก เธอนะไม่มีวันนอกใจผมหรอก แต่....สิ่งที่ผมเจอหลังจากที่ log in email line ของเธอ นั่นคือ....
 
ข้อความที่เค้าสองคนคุยกัน มันทำให้ผมรู้สึกว่า ขอบคุณเจ้าแม่กวนอิมที่ผมนับถือ ทำให้ผมตาสว่าง หมดทุกข์ หมดโศก เป็นข้อความเขา ที่คุยกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายท่านนึง ลักษณะประมาณอยากไปอยู่ดูแลพี่แล้ว ทานข้าวยังค่ะ สีเล็บหนูสวยมั๊ย ( ก็เป็นเงินทำเล็บที่ผมจ่ายแต่ละครั้ง 1,500 บาท ) ลุงทำอะไรอยู่ เป็นต้น และย้ำความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นรูปโอบกอดของคน 2คน ประหนึ่ง jack กับ rose ที่ยืนตรงหน้าเรือ ไททานิค ฮ่าๆๆ(ความจริง คือ ที่ดอยอินทนนท์) ( นี่ใช่ไหม ที่ไปแก้บนซะไกล ) -_-" ด้วยความรู้สึกตอนนั้น เหมือนคนโดนตบอยู่กลางสี่แยกไฟแดง หน้าชา ไร้ความรู้สึก สมองผมสั่งเพียงแค่ อ่าน ข้อความเขาต่อไปสิ ...
ข้อความที่อ่าน ณ โรงแรมแห่งนึงในเมืองหลวง (บอกผมไปประชุม) ผู้ชายได้ออกจากโรงแรมไปทำงานแล้ว
ผู้ชาย: พี่วางเงินไว้ให้ที่หัวเตียงแล้วนะ เป็นค่าใช้จ่ายที่เดินทางมา
ผู้หญิง : อย่ามาดูถูกหนูนะ คิดว่าหนูเห็นแก่เงินหรอ
ผู้ชาย : อย่าตีเจตนาพี่ผิด พี่แค่อยากช่วยเรื่องค่าเดินทาง
ผู้หญิง:พี่ทำแบบนี้หนูจะไม่คุยกับพี่อีก
และขณะนั้น ผมก็แทรก บทสนทนา ไป เบา เบา ว่า.....( .... กันเสร็จแล้วยัง) 
?.@#%^4 ข้อความมาไม่เป็นภาษาเลยครับพี่น้อง ฮ่าาา
ผู้หญิง: พี่ .... เค้ารู้ได้ยังไง .... พี่เอาเรื่องเราไปเล่าให้เค้าฟังหรอ !?" รู้เรื่องเราได้ยังไง !?"
ผู้ชาย : ใจเย็นๆ พี่ไม่ได้พูดอะไรเลย เข้าใจอะไรพี่ผิดไปหรือเปล่า
ผู้หญิง: คุณทำลายฉัน ฉันจะไม่คุยกับคุณอีก 
------------------------- นาง end chat ---- ไป ..... ...................................................
 
 
 
----หลังจากนั้น ผมก็โทรศัพท์เข้าไปหาเธอ ได้ยินเพียงความเงียบ ไม่มีคำพูดใดใด แม้แต่คำขอโทษ ผมเป็นฝ่ายชิงพูดก่อนว่า .... ผมอโหสิกรรมให้คุณ ผมไม่โกรธแค้นในสิ่งที่คุณทำ ( ตอนนั้นนึกว่าตัวเองเป็นพระเอก series เกาหลี ฮ่าาาา >_< ) 
 
ด้วยความมีจิตสำนึกของเธอ เธอเลยบอกผมว่า คุณ .... เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม คุณเป็นเพื่อนฉันได้ไหม ฉันมีเพื่อนน้อย ไม่มีใครดีกับฉันเท่าคุณ ( ความรู้สึกเป็นเพื่อนกันมาเต็ม ณ ตอนนั้นก็คิดๆๆ ) 
ขอร้องให้ผมเป็นเพื่อน ผมว่าบ้ามาก แต่ .... ผมบ้ากว่าผมยอมครับ !!" *_* ให้ผมอยู่ในฐานะอะไรผมก็ยอมเพราะ ณ ตอนนั้นความรักมาเต็มครับ *_*" 
 
เธอจึงเริ่มเรื่องนิยาย ภาคต่อให้ผมฟัง ( คือยังไม่จบ และมาเต็มกว่าเดิมอี๊กกกกก มาเต็มมาล้นนนน ) คุณ คือว่าเค้าขอฉันแต่งงาน คุณเชื่อมั้ยว่าไม่เคยมีใครขอฉันเลย ฉันกำลังจะแต่งงาน .... (สตั้นไป 30 วินาที) 
 
เอ่อออออออออออ ขั้นไหน ? คุยกันตอนไหน ? ถึงขั้นแต่งงาน ( นี่เห็นเราเป็นอะไร ?!" ความเป็นเพื่อนมาเต็ม มาเร็วมากกกก ควายล้วนๆไม่มีวัวผสม ผมนี่ นิ่งไปเลย ) 
แล้วเธอก็สาธยายความดีของพี่เขาให้ผมฟังในฐานะเพื่อน ยกตัวอย่างเช่น คุณๆพี่เค้าใส่ patek ด้วยแหละ กระเป๋าตังค์ hermes ใส่เสื้อยี่ห้อ ดูภูมิฐาน และที่สำคัญ ฉันเช็คเงินในบัญชีเค้าเรียบร้อยแล้ว เค้ามีตังค์ว่ะ เค้ารวยมากกกก มีเงินในบัญชี ( ของเค้าหรือของแม่เค้าผมก็จำไม่ได้ เพราะ ณ ตอนนั้นผมยังเงิบอยู่ *_*" ) 
 
เธอก็เล่าๆและเล่าต่อ ว่าพี่เค้ามีเงินมากเพียงไร เธอตาลุกวาวกับตัวเลขของยอดเงิน 200,000,000 บาทในบัญชี เอ่ออออ .... คืออะไร ?!?!?! ผมงง ?!?!?! 
หลังจากนั้นเธอก็พูดเรื่องของเราขึ้นมาต่อว่า นี่คุณๆ คุณไม่ต้องเอาของๆฉันออกจากห้องของคุณหรอกนะ ฉันแค่ไปแต่งงานแป็บเดียว เดี๋ยวก็กลับมาละ เฮ้ยๆๆๆ ?_? อารายยยยอ่ะ ผมนี่มึนเลยครับ !!" 
( ระหว่างนั้นผมก็อ้อนวอน ถามตลอดว่าผมไม่ดีตรงไหน ? ทำอะไรผิดหรือ ? ทำไมถึงนอกใจผม ? ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ? ไม่มีสัญญาณอะไรในเรื่องพวกนี้เลย เธอยังชวนผมไปเที่ยวในฐานะเพื่อน บอกผมว่าอยากมีความทรงจำสุดท้ายกับผม เธอเลือกไปพักที่โรงแรมหรูแห่งนึงที่ เขาใหญ่ ราคาคืนนึงก็ตก 10,000 กว่าบาท เธอบอกผมว่าเดี๋ยวครั้งนี้เธอจะเป็นคนจ่ายเอง ( ณ ตอนนั้นผมยังคงไม่เข้าใจนะ คือทั้งงง ทั้งเงิบ มันมาเร็ว ไปเร็วมากครับ ) 
 
สุดท้ายผมก็ไป แต่หลังจากกลับมาจากที่เที่ยวที่พักผ่อนแล้ว เธอต้องการเดินทางไปหาผู้ชายของเธอ เธอให้ผมขับรถไปส่ง ผมและเธอเดินทางระยะทางยาวไกล 800 กว่ากิโล เพื่อพาเธอไปพบกับชาย ( ชู้ เพราะผมเป็นแฟนกับเธอก่อนพี่เค้า ) ( ผมจะพระเอกไปไหนนนน ?!?!?! ฮ่าาา ) 
และเราก็ได้ไปเจอหน้ากัน ( เรา 3 คน ) เธอหันมาถามวผมว่า คุณๆ คุณว่าฉันกับพี่เค้าจะไปกันรอดไหม ?" ( โอ้โหยยยยย ไม่นึกถึงจิตใจผมเลยยย เต็มๆ ) ผมเงียบ ไม่ตอบคำถามเธอ เธอยิ้ม จากนั้น เธอก็เดินขึ้นคอนโดพี่เขาไป .... ทิ้งผมไว้กลางทางแถวนั้น ( เฮ้ยยยย เข้ากับเพลงดังตอนนี้เลยครับโผมมมม " ทิ้งไว้กลางทาง " ) 
 
ผมนอนร้องไห้ อยู่ในโรงแรม ผมนอนไม่หลับ ผมใช้ความคิด คิดในใจตลอดว่า เพราะเหตุใด ? ทำไม ? ชีวิตผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ? ( นี่มันนิยายไปหรือเปล่า *_*" ) 
 
ในที่สุด ผมเลยถามเธอว่า คุณรักพี่เขาไหม เธอตอบผมว่าไม่รัก เธอรักผม ผมเลยถามเธอต่อว่า .... ไม่รักแล้วแต่งงานทำไม ? เธอบอกผมว่า ตอนนี้แม่ฉันป่วยและกำลังจะตาย แม่ฉันขอให้ฉันแต่งงาน ( เอ่ออออ ... โทดนะ คือผมคิดว่าที่ผมเข้าใจมาตลอดว่าแม่ของเธอรับรู้เรื่องของเราอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องขอให้เธอแต่งงาน เพราะผมกับเธอก็คบกับเปิดเผอยในฐานะแฟน แต่ทำไมแม่ของเธอยังจะขอให้เธอแต่งงานอยู่อีก ? ) 
 
เธอเลยบอกผมว่าเธอต้องรักษาสัญญาที่ได้พูดไว้กับแม่ ( ต้องบอกก่อน ผมเป็นคนรักษาคำพูด คำมั่น สัญญา ความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เธอจะรู้จุดอ่อนของผมตรงนี้เป็นอย่างดี เธอจึงเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคำมั่นสัญญามาล้อเล่นกับผมเสมอ ) 
  
แต่ความพยายามของผมก็ไม่ลดละ เธอก็ยังคงบอกผม เพื่อให้ผมเข้าใจ บอกผมว่าที่ต้องแต่งงานก็เพราะแม่ของเธอขอจริงๆนะ ผมเลยถามเธอว่า ค่าสินสอดเท่าไหร่ ? แค่แม่คุณได้เงินก็คือพอใจแล้วใช่ไหม ? ที่บ้านคุณเรียกค่าสินสอดเขาไปเท่าไหร่ ? 
 
เธอตอบ เงินสด 700,000 บาท ทองคำหนัก 10 บาท แต่ด้วยความรักที่ผมยังมีให้เธออยู่ ผมเลยบอกเธอไปว่า .... งั้นเรามากู้เงินร่วมกันมั้ย ? แล้วเอาเงินที่กู้ได้ไปให้แม่ของคุณ ผมขอซื้อคุณจากตรงนั้นเอง แล้วเดี๋ยวผมผ่อนให้ ค่าตัวคุณมีแค่นี้ใช่มั้ยที่แม่คุณต้องการ ? ถึงขนาดต้องขายลูกกินเลยหรือ ? 
( แต่สุดท้ายเมื่อผมมารู้ทีหลัง ว่าทุกอย่างเธอพูดมานั้นคือเรื่องที่เธอแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมด คนในครอบครัวของเธอไม่มีใครเคยพูดแบบนั้น เพราะพี่สาวของเธอเป็นคนโทรมาหาผมและบอกกับผมเอง เพราะตอนแรกพี่สาวของเธอก็งงๆอยู่ ว่าทำไมอยู่น้องสาวของตัวเองถึงบอกจะแต่งงาน ? ) 
ผมเลยเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพียงเพราะบทสนทนาสุดท้าย ที่เธอเป็นคนทิ้งไว้ให้ผม ก่อนที่ผมจะตัดสินใจลา เธอพูดว่า .... " เราต่างคนต่างมากันไกลนะ ต่างคนต่างโมซึ่งกันและกัน ( ความหมายของเธอคือ ปรับปรุงและปรุงแต่งกันและกัน ) 
 
ต่างคนก็ต่างไปหาเป้าหมายใหม่ ที่อยู่กับผมมา 3 ปี มันคือการลงทุน ถ้าจะไม่ให้ฉันได้อะไรเลยมันเป็นไป " ไ ม่ ไ ด้ " นี่คือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน 
 
ผมเลยตอบเธอไปว่า .... คุณไปซะเถอะ ผมดีไม่พอ หรือ คุณเองที่ไม่พอดี อยากได้อะไรจากห้องนี้ ขนไปได้เลย แล้วไม่ต้องกลับมาให้ผมเห็นหน้าอีก .... เชื่อไหมครับว่า .......................นางขนของออกจากห้องผมทั้งหมดเลยจริงๆ เหลือทิ้งไว้ให้แค่ หมอน กับ ผ้าปูที่นอนและเสือผ้าของผม !!!! V_V"
 
***** ผมเขียนกระทู้เป็นครั้งแรก หากข้อความมีเนื้อหาไม่เหมาะสมประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณหลายๆคนที่ติดตามอ่าน และที่มาปักหมุดปูเสื่อรอจนจบถึงตอนนี้นะครับ ขอขอบคุณหลายๆคนที่เป็นกำลังใจ เข้าใจผม ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ขอบคุณเพื่อนๆที่อินบล๊อกเข้ามาทางหลังไมค์ขอรูป แต่อย่างที่บอกไปครับ ผมเพียงต้องการให้เพื่อนๆที่สละเวลาแว่บมาอ่านได้เรียนรู้บทเรียนจากความผิดพลาดของผม .... หวังว่าอานิสงค์ของเรื่องเล่าที่นำมาเป็นวิทยาทานในครั้งนี้ จะช่วยทำให้หลายๆคนมีมุมมองความรัก มีสติ ไม่ผิดพลาดแบบผม ผมหวังว่ากระทู้นี้ คงมีประโยชน์ ต่อใครหลายๆคนที่ได้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อย ความผิดหวัง เป็น บทเรียนสอนให้เราเข้มแข็ง ผมต้องขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย น้องสาว คุณป้า คุณน้า คุณอา ของผม เพื่อนผม ที่อยู่เป็นกำลังใจให้ผม ทุกวันนี้ ขณะที่พิมพ์เรื่องราวนี้ ไม่ได้มีความ โกรธ เกลียด ใดใด เป็นการส่วนตัว มีเพียงความในใจ ที่ได้เล่าไป .... เรื่องทั้งหมดที่ยังคงไม่จบ เพราะหลังจากที่ผมได้บอกกับเธอว่า ขอให้เธอหยุดกุเรื่องต่างๆ และเลิกแต่งเรื่องโกหกต่างๆได้แล้ว แต่สิ่งที่เธอได้ทำนั้คือ การที่เธอได้โทรไปบอกเพื่อนๆของผม ว่าผมค้างเงินเธอ ติดหนี้เธอ ดึงคนอื่นๆเข้ามาเกี่ยว พูดสร้างเรื่องเท็จ ใส่ร้ายผู้อื่นอย่างสนุกปากไม่จบสิ้น การที่เธออันเฟรนด์หรือลบเพื่อนทุกคนในกลุ่มเพื่อนๆและญาติๆของผมออกแล้วนั้น ก็ถือว่าเธอได้รับรู้ข่าวในนี้แล้ว ตามที่เคยบอก ผมให้อภัยเธอและเคยคิดจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก ผมอยากให้เราสิ้นสุดเวรกรรมต่อกันแต่เพียงเท่านั้น แต่เธอเองที่ยังไม่ยอมจบ ยังคงบอกคนอื่นๆว่า ผมทิ้งหนี้สินไว้ให้เธอหลายแสนบาท ( ได้ใช้คำพูดนี้กับเหยื่อรายต่อๆไป ) และตอนนี้เธอลำบากมาก เธอไม่เคยมีใคร กลับเป็นผมเองที่ทิ้งเธอไป ผมนอกใจเธอ ผมมีชู้ และได้ทำร้ายทำลายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ยังคงรอผมอยู่ และให้โอกาสให้อภัยผมอีกครั้งและอีกครั้ง ( เธอพูดเช่นนั้น กับบุคคลอื่นๆและญาติๆของผม เธอได้ฝากความมาถึงผมบ่อยครั้ง *_*" ) เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเธอยังคงแต่งเรื่องขึ้นมาอีกมากมายและสร้างเรื่องเท็จอื่นๆ ดึงคนอื่นๆเข้ามาไม่รู้จักจบสิ้น ว่าคนอื่นๆอีกมากมาย ( แม่แต่เพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน คนที่เธอรู้จักเกือบทุกๆคน )
 
 
 
ย้อนกลับไปก่อนที่เธอจะขนของออกไปจากชีวิตผม ผมได้ซื้อตั๋วไปเกาหลีไว้ไปเที่ยวกับเพื่อนและให้เธอ * 1 * ที่ ผมยังคงจะให้เธอไปเที่ยวในฐานะเพื่อนตามคำขอของเธอ ( ช่วงที่ผมเลิกอย่างเด็ดขาดแต่ยังค้างคาในฐานะเพื่อน ) คือช่วง ธ.ค. 2014 ที่ผ่านมา แต่ผ่านไปนานเกือบจะปี ไม่เคยคิดที่จะพูดอะไร แต่เธอไม่ยอมจบ เลยทำให้ผมอยากที่จะสร้างและเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับหลายๆคนได้อ่าน ....
 
ม.ค. ต้นปีนี้และครับที่เรามีแผนเดินทางช่วง 8-13 ม.ค. เพื่อนผมบอกว่าเลิกกันแล้วจะเอาเธอไปทำไม ผมเลยบอกไม่เป็นไร ไหนๆก็ซื้อไว้แล้ว แต่ติดอย่างเดียวที่ผมเปลี่ยนใจคือ .... เธอบอกว่าเธอมีนัดดูตัวกับแม่ฝ่ายชาย ช่วง 3-6 ม.ค.นี้ มันกะทันหัน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปเกาหลีดีมั้ย ( ใจลึกๆอยากไปใจจะขาด ) เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนทำให้ผมโมโห ผมเลยบอกว่าถ้าปัญหามันเยอะมากคุณก็ไม่ต้องไปก็ได้ ( แต่ให้ผมโอนค่าใช้จ่ายค่ารองเท้าค่าเสื้อโค๊ช แล้วนะ คือเธอซื้อเตรียมตัวไปแบบเต็มที่ ) แต่สุดท้ายผมมานั่งคิดๆดู เลิกก็เลิกเถอะ เค้าจะไปไหนก็ให้เค้าไป จะรั้งไว้ทำไม ( คิด นั่งคุยกับตัวเองในใจ ) ผมเลยเปลี่ยนตั๋ว ให้
 
พ่อผมไปแทน ( ยังดีนะ ที่ผมได้ทำในสิ่งที่ลูกที่ดีควรทีจะทำบ้าง V_V" ) จากนั้นเราก็ไม่ติดต่อกันอีกเพราะผมย้ำเสมอว่า เราเดินคนละทางเดินแล้วนะ ช่วงผมอยู่เกาหลี ( นี่แระคับสาเหตุที่ต้องเขียนกระทู้นี้แบบชัดเจน ) คือเธอโทรไปหาเพื่อนผมที่ใต้ บอกว่าผมเป็นหนี้เธอ 300,000 บาา บอกเพื่อนผมว่าให้คืนแทนผมก่อนได้มั๊ย ? รอผมกลับมาจากเกาหลีแล้วค่อยไปเอา

อุทาหรณ์! หนุ่มอดีตเศรษฐีเงินสี่ล้าน กลับต้องเหลือ 86 บาท เพียงเพราะแบบนี้

ขอบคุณเนื้อหาจาก สมาชิกหมายเลข 2227801 จากเว็บพันทิพดอทคอม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์