รู้ไว้บ้างก็ดีนะ ก่อนคิดจะซื้อถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย รู้ไว้ใกล้ตัว

ถุงยางอนามัย (condom) มาจากภาษาลาติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน และเอดส์ได้ ประวัติของถุงยางอนามัย มีหลักฐานการใช้ถุงยางอนามัยครั้งแรกในประวัติศาสตร์อย่างน้อยเมื่อ 400 ปีที่แล้ว โดยปรากฏหลักฐานว่าเริ่มมีการใช้ถุงยางอนามัยในแถบยุโรป ปีค.ศ. 1861 ได้มีโฆษณาเกี่ยวกับถุงยางอนามัยเกิดขึ้นครั้งแรกทางหนังสือพิมพ์ The New York Time ในสหรัฐอเมริกา และได้มีการต่อสู้เพื่อยกเลิกข้อห้าม การใช้ถุงยางอนามัยในปี ค.ศ. 1900 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่2 ทหารในสหรัฐอเมริกากว่า 70% ติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจึงเริ่มรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1960 กลับพบเยาวชนนิยมมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย จนกระทั่ง 20 ปีต่อมา พบการระบาดของเชื้อ HIV หรือเรียกกันว่าโรค AIDS ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์จึงเริ่มตระหนัก และหันมานิยมใช้ถุงยางอนามัยอีกครั้งหนึ่ง จวบจนถึงปัจจุบัน มีการผลิตและพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมากในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งมีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่นและรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน

 


รู้ไว้บ้างก็ดีนะ ก่อนคิดจะซื้อถุงยางอนามัย

การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี

ผู้ที่ใช้ต้องใส่และถอดให้ถูกวิธี โดยให้ใส่เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น บีบปลายกะเปาะไล่ลม แล้วสวมลงบนอวัยวะเพศรูดลงมาจนสุด เมื่อเสร็จการร่วมเพศ ต้องรีบดึงอวัยวะเพศออกขณะยังแข็งตัวอยู่ มิฉะนั้นถุงยางอาจจะหลุดอยู่ในช่องคลอดได้ และต้องดึงออกโดยไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาอยู่บริเวณอวัยวะเพศหญิง เรามักพบปัญหาที่พบเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้อง ทำให้ถุงยางแตกหรือลื่นหลุด ไม่ใช้ถุงยางใหม่แกะกล่อง ตัดสินใจถอดถุงยางทิ้งกลางคัน และใส่ถุงยางผิดด้านและนำกลับมาใช้ใหม่

รู้ไว้บ้างก็ดีนะ ก่อนคิดจะซื้อถุงยางอนามัย

ชนิดของถุงยางอนามัย

ที่มีการผลิตจำหน่ายในโลกมี 3 ชนิด โดยแบ่งตามวัสดุที่ใช้ได้แก่ 

1.ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (Skin Condom) วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นส่วนของลำไส้ส่วนล่างของแกะ ที่เรียกว่า caecum มีความหนา 0.15 มิลลิเมตร มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 62-80 มิลลิเมตร สวนใส่ไม่รัดรูป แต่ไม่สามารถยืดตัวได้ ทำให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดีในขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะเชื่อว่าวัสดุจากลำไส้สัตว์ สามารถสื่อผ่านความอบอุ่นของร่างกายสู่กันได้ แต่ในเมืองไทยไม่มีการผลิตจำหน่าย เนื่องจากมีราคาสูง

2.ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom) ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติที่มีราคาถูก มีความบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่าแบบทำจากลำไส้สัตว์ ขนาดความกว้างจึงน้อยกว่า เวลาสวมใส่ทำให้ร็สึกกระชับรัดแนบเนื้อ 

3.ชนิดที่ทำจาก Polyurethane (ถุงยางพลาสติก) ปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาผลิตเป็นถุงยางอนามัยด้วย เช่น สาร Polyurethane ถุงยางชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่ดี และคงทนกว่าแบบที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้เท่าที่มีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา


ขนาดของถุงยางอนามัย

ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขปี 2535 คือ ขนาดความกว้างตั้งแต่ 44 มิลลิเมตร จนถึงขนาด 56 มิลลิเมตร และความยาววัดจากปลายเปิดจนถึงปลายปิดไม่รวมส่วนที่เป็นติ่งหรือกระเปาะ ต้องไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร ซึ่งกำหนดตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ปีค.ศ. 1990

สำหรับในเมืองไทยมีอยู่ 2 ขนาด ได้แก่ 

1. ขนาดใหญ่ คือ ขนาดที่มีความกว้าง 49 มิลลิเมตร และขนาดความยาวที่ไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร ขนาดนี้เหมาะกับคนไทยมากที่สุด 
2.ขนาดยักษ์ หรือขนาด 52 มิลลิเมตร เช่น ขนาดที่มีความกว้า 52 มิลลิเมตร และมีขนาดความกว้างเท่ากับ 180 มิลลิเมตร เป็นต้น


ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย

1.ประสิทธิภาพการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คือ ป้องกันโรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี หูดหงอนไก่ หนองในเทียม หนองในแท้ พยาธิในช่องคลอด ซิฟิลิส โรคเริม แผลริมอ่อน เป็นต้น 

2.ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด การใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ดี เพราะมีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ หากเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่ได้มาตรฐาน ไม่เสื่อม ไม่รั่ว ไม่ซึม ใช้อย่างถูกวิธี ฉะนั้น เพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพ ควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะมีกิจกรรมรัก

ถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ มีกฎหมายรับรองและได้รับการประกาศมาตรฐานการผลิตจากกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ. 2535 เพื่อการคุมกำเนิด หรือเพื่อป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์


ที่มา: variety corner นิตยสาร @rama ฉบับที่ 17


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์