จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


หลายคนคงจะรู้จัก สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่ต่อสู้กับผู้บุกรุก และปกป้องพื้นป่า รวมไปถึงพืชพันธุ์ไม้ สัตว์ป่าต่างๆ ให้ยังคงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เส้นทางชีวิตของเค้าจบลงในวันที่ 1 กันยายน 2533 ทางเฟซบุ๊ค มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จึงได้มีการนำเรื่องราวบางส่วนของเค้าออกมาเผยแพร่..เพื่อเป็นการระลึกถึง สืบ นาคะเสถียร

สืบรู้ตัวดีว่า สักวันหนึ่งเขาอาจจะถูกยิงตายจากการบงการของผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย
สืบรู้ตัวดีว่า สักวันหนึ่งลูกน้องของเขาซึ่งเขาเป็นคนส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ ต้องถูกยิงตายอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีใครสนใจ สืบไม่ใช้คนกลัวตาย แต่ทนไม่ได้ที่ลูกน้องเขาต้องตายไปต่อหน้า โดยที่เขาไม่อาจทำอะไรได้

สืบมีความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้สัตว์ป่าและป่าไม้ในป่าห้วยขาแข้งอยู่รอด

เมื่อความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อห้วยขาแข้งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากระบบราชการและผู้มีอำนาจในเมืองไทย ที่ไม่เคยสนใจปัญหาการทำลายธรรมชาติอย่างจริงจัง
เขาเคยปรึกษาแม่ว่าจะลาออกและไปบวช แต่เขาก็ไม่ลาออก การลาออกเป็นการทรยศต่อตัวเอง ทรยศต่อห้วยขาแข้งและทรยศต่อลูกทีมของเขา

แต่การมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่สามารถทำให้ความมุ่งมั่น ความเชื่อของเขาเป็นจริงได้
สืบ นาคะเสถียร เป็นคนไม่เคยทรยศต่อหลักการและความมุ่งมั่นของตัวเอง
บางทีการตั้งใจฆ่าตัวตายอาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่ทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมาได้


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


ประวัติส่วนตัวของ สืบ นาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียร ชื่อเดิมว่า สืบยศ เกิดเมื่อวัน เสาร์ ที่ 31 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2492 จังหวัดปราจีนบุรี พ่อชื่อ นายสลับ แม่ชื่อ นางบุญเยี่ยม มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน สืบ เป็นลูกคนโต มีน้องชาาย 1 คน และน้องสาว 1 คน สืบ นาคะเสถียร มีลูกสาว 1 คน ชื่อ ชินรัตน์

สืบ มีนิสัยส่วนตัว คือ เมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ เวลาว่างในวัยเด็ก สืบ ชอบท่องเที่ยว โดยมีหนังสติ๊กคู่ใจ รวมเดินทางด้วย

การศึกษา

จบชั้นประถม 4 ที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ปเรียนต่อที่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 5 และได้เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2511 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2514 และต่อมาได้ทำงานที่ส่วนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2517 ศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518

เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 สืบ ได้รับทุนการศึกษาจากบริติชเคาน์ซิลเรียนต่อในระดับปริญญาโทอีกครั้ง สาขาอนุรักษ์วิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษและ จบการศึกษาในปี พ.ศ. 2524

 


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


หน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่า

พ.ศ. 2531 สืบได้พยายามเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และป่าห้วยขาแข้ง มีฐานะเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ จากองค์การสหประชาชาติ โดยเล็งเห็นว่าฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกันสำคัญ ที่จะคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้อย่างถาวร ปลายปี พ.ศ. 2532 สืบได้รับทุนเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่อังกฤษ พร้อมกับได้รับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความสำคัญมากไม่แพ้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในปี พ.ศ. 2533 สืบ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ได้เป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาสและสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเน้นเรื่อง "การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง" และ "การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน" เขาได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่มุ่งมั่นที่จะรักษาผืนป่านี้เอาไว้ "ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน"

การดูแลผืนป่าขนาดมากกว่าหนึ่งล้านไร่ ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด รวมถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย และมากกว่านั้นปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์ ได้ว่าจ้างชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้ และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์

การเสียสละที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต

1 กันยายน พ.ศ. 2533 สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง สืบได้สั่งเสียลูกน้องคนสนิทและเขียนจดหมายสั่งเสีย 6 ฉบับ ชำระสะสางภาระรับผิดชอบ และทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง รวมถึงมอบหมาย เครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตั้งศาลเพื่อแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพลีชีพรักษาป่าห้วยขาแข้ง แล้วสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจสงบ เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งในราวป่าลึก ที่ห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร ได้จบชีวิตของเขาลง และเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกายและใจ"

 


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


จะไม่มีใครต้องตายในเขตฯห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม


ขอบคุณที่มา :::: facebook ::  มูลนิธิสืบนาคะเสถียร




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์