เชื่อว่าใครๆก็ต้องเคยช่ะป่ะกับการใช้นิ้วแคะขี้มูก(ถ้าไม่ใช่นิ้วจะให้ใช้ไรล่ะ) ขี้มูกคือสิ่งที่ร่างกายขับถ่ายออกมา เนื้อเยื่อจมูกของคนจะมีเมือกบางๆปกคลุมไว้ เรียกว่าเยื่อเมือก เมือกนี้จะเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดเวลา ขี้มูกก็คือเยื่อเมือกเก่าที่แห้งแล้ว ในขี้มูกนอกจากจะมีส่วนผสมของเยื่อเมือกแล้ว ยังมีจุลินทรีย์และฝุ่นละอองปนอยู่ด้วย นี่เป็นเหตุให้ขี้มูกมักจะมีสีขุ่นเข้ม
จุลินทรีย์ในขี้มูกปกติแล้วจะไม่ก่อให้เกิดโรคต่อร่างกายเรา นอกจากความต้านทานจะลดลงจึงทำให้เกิดโรคได้ ดังนั้นคนเรามักจะชอบแคะขี้มูกออกมา ทำความสะอาดจมูกของตัวเอง เพื่อไม่ให้ขี้มูกแข็งๆติดอยู่บนเนื้อเยื่อโพรงจมูกอันชุ่มชื้นของเรา แต่การแคะขี้มูกจะดีสำหรับร่างกายของมนุษย์จริงเหรอ
ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นทางวิทยาศาสตร์หรือการทดลองจริงๆ พบว่ายิ่งแคะขี้มูกมากจะยิ่งเกิดโรคง่ายขึ้น โพรงจมูกบนใบหน้าของมนุษย์ถือว่าอยู่ในพื้นที่ "สามเหลี่ยมอันตราย" เมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในโพรงจมูกจะก่อให้เกิดการติดเชื้อ และผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่กะโหลกศีรษะของเราได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อในสมองที่ยากจะควบคุม ถ้ามือของคุณไม่ได้ทำความสะอาด และมาแคะขี้มูก ก็จะนำแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายอย่างง่ายดาย
นักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปได้ยืนยันว่าคนที่ชอบแคะขี้มูก มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ Staphylococcus aureus และถ้ามือของคุณได้ไปแตะเชื้อไข้หวัด แล้วนำมือนั้นไปแคะขี้มูก เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดไข้หวัดได้ การแคะขี้มูกไม่เพียงจะนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยังเป็นการทำลายขนจมูกอีกด้วย ยิ่งถ้าคนที่อยู่ภายใต้มลพิษ ขนจมูกเป็นเกราะป้องกันชั้นสุดท้ายที่จะไม่ให้ฝุ่นเข้าสู่ร่างกายของคน ขนจมูกสามารถหยุดฝุ่นละอองในอากาศได้ ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่โพรงจมูก