พันธุกรรมอาจมีอิทธิพลต่อความเป็นผู้นำในที่ทำงาน

พันธุกรรมที่ดีนั้นอาจจะช่วยให้คุณกลายเป็นประธานหรือกรรมการบริหารขององค์กรคนต่อไปก็เป็นได้ ในพันธุกรรมตัวเดียวกันนี้เองก็อาจเป็นอุปสรรค์ต่อเส้นทางการเป็นผู้นำของคุณก็เป็นได้ ซึ่งเป็นคำอ้างอิงจากงานวิจัยด้านจิตวิทยาของ Kansas State University



Wendong Li ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์จิตวิทยาและเพื่อนร่วมงานของเขาได้พบกับ “พรผสม” สำหรับคนทำงานที่ถือตำแหน่งผู้นำต่างๆ ในสถานที่ทำงานของตน ตั้งแต่ผู้นำอย่างเป็นทางการอย่างเช่น กรรมการบริหาร หรือตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มทั่วๆไป ซึ่งงานวิจัยของพวกเขานั้นได้ให้ความสำคัญกับพันธุกรรมที่ทำหน้าที่ขนย้ายโดพามีนที่เรียกว่า DAT1 ซึ่งสามารถมีอิทธิพลต่อความเป็นผู้นำและมีความสำคัญสำหรับระบบการให้รางวัลตัวเองและแรงกระตุ้นในมนุษย์อีกด้วย

“มันเหมือนกับพรที่ผสมกัน เพราะพันธุกรรมตัวนี้สามารถมีผลกระทบในทางบวกและทางลบกับความเป็นผู้นำได้” Li กล่าว “หมายความว่า มันขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสภาพแวดล้อมที่จะตัดสินว่าโดยรวมแล้วพันธุกรรมดังกล่าวส่งผลในทางบวกหรือทางลบ”

ในด้านบวกนั้น นักวิจัยได้พบว่า ผู้ที่มี DAT1 ในตัวขนส่งโดพามีนนั้นจะมีแนวโน้มสูงที่สุดในการมีพฤติกรรมแหกกฏในระดับอ่อนในช่วงวัยรุ่น ซึ่ง Li บอกว่ามีความเกี่ยวข้องในทางบวกกับความเป็นผู้นำ แม้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นอาจจะรวมไปถึงการโดดเรียนก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่พฤติกรรมผิดแปลกร้ายแรงอย่างการยิงกันแต่อย่างใด

“การแหกกฏแบบอ่อนนั้นมักจะมีความสัมพันธ์ในทางบวกกับโอกาสที่คุณจะกลายเป็นผู้นำเมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่” Li กล่าว “พฤติกรรมเหล่านี้สามารถมอบข้อได้เปรียบให้กับคุณได้เพราะว่า มันช่วยให้วัยรุ่นนั้นสำรวจขอบเขตต่างๆ และเรียนรู้อะไรใหม่ๆด้วย”

สำหรับในทางลบนั้น นักวิจัยได้พบว่า ผู้ที่มีพันธุกรรมดังกล่าวสามารถทำคะแนนด้านบุคคลิคการควบคุมสถานการณ์ได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีในการงานและสำคัญต่อการพัฒนาความเป็นผู้นำด้วย

“ผู้คนเหล่านี้มีแนวโน้มน้อยกว่าที่จะควบคุมพฤติกรรมของตนเองและสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางบวก” Li กล่าว “มันสามารถเป็นเรื่องที่ยากมากในการที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางบวกเพราะว่า มันเกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรเพื่อแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งคนเหล่านี้จะไม่ค่อยเก่งนักในการควบคุมพฤติกรรมต่างๆ อย่างเช่น ความดื้อดึง เป็นต้น”

สิ่งที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้คืออะไร? การที่จะเป็นผู้นำและเป็นผู้นำที่ดีนั้นเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง - พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม- ทำงานร่วมกัน  ซึ่งปัจจัยทางสภาพแวดล้อมบางอย่างที่สามารถส่งผลได้แม้ว่าจะยังไม่ได้ถูกศึกษาในงานวิจัยครั้งนี้นั้น สามารถรวมการเลี้ยงดูบุตรอย่างเป็นประชาธิปไตย การมีครอบครัวที่สนับสนุน และสถานที่ทำงานที่ท้าทายและส่งเสริมการพัฒนา

ผู้จัดการไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่า การเปลี่ยนแง่มุมหนึ่งของสภาพแวดล้อมของงานจะส่งผลดีต่อทุกๆ คน Li กล่าว นั่นก็เป็นเพราะว่าพนักงานได้นำเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างๆ มาสู่องค์กร ความแตกต่างของแต่ละคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้เพราะว่ามันหยั่งรากอยู่ในโครงสร้างพันธุกรรมและช่วยเพิ่มโอกาสที่คนแต่ละคนจะมีส่วนร่วมในพฤติกรรมบางชนิดได้  ไม่ว่าจะเป็นในทางบวกหรือทางลบก็ตาม

“ในระยะยาว เราสนับสนุนวิธีการบริหารจัดการที่เน้นเจาะจงรายบุคคลมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คนสามารถเลือกสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมกับบุคคลิคของตนเองได้” Li กล่าว “การปรับข้อกำหนดต่างๆ ในสถานที่ทำงานนั้นเป็นผลดีต่อการเรียนรู้ของพนักงาน การพัฒนา และโอกาสของความเป็นผู้นำ และท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับประสิทธิภาพของพนักงานและชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพขององค์กรเพิ่มมากขึ้นด้วย

งานวิจัยชิ้นนี้ได้ใช้ข้อมูลสองชุดในงานวิจัย ซึ่งมีจำนวนคนอยู่ที่ 309 คน และ 13,000 คนตามลำดับ ซึ่งข้อมูลทั้งสองชุดได้ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน Li กล่าว




ที่มา : vcharkarn.com

พันธุกรรมอาจมีอิทธิพลต่อความเป็นผู้นำในที่ทำงาน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์