เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น

...วันหนึ่งขณะพระพี่เลี้ยงกำลังปรุงอาหาร ในหลวงรัชกาลที่9ขณะทรงพระเยาว์ได้ตรัสกับพระพี่เลี้ยงว่า
"แน๋น ขอทำด้วยซี"
ท้าวอินทรสุริยาก็ให้พระองค์ทรงช่วยคั้นน้ำกระทิ
"ตอนนั้นดิฉันอดขันไม่ได้ น้ำกระทิกระเด็นเปื้อนตามพระพักตร์และพระวรกายจนเลอะไปหมด กระทั่งน้ำกระทิก็หร่อยหรอจนเกือบหมดภาชนะ... พระองค์ลองได้สนใจอะไรแล้ว ดิฉันเป็นปล่อยให้ทำทันที เพื่อพระองค์จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร... ดิฉันอยู่ใกล้ชิดพระองค์มา ไม่เคยมีความลับอะไรอยู่ในพระองค์ แม้ว่าจะเคยทำภาชนะเสียหาย ต้องมาบอกดิฉันก่อนทุกครั้ง"

....เมื่อครั้งเสด็จกลับมาเมืองไทย... รัชกาลที่8และรัชกาล9ได้มีการงุบงิบนัดหมายเพื่อจะออกไปเดินเล่นที่วัดโพธิ์ซึ่งมีงาน ทั้งสองพระองค์แต่งอย่างธรรมดาเข้าร้านหนึ่ง เจ้าของร้านเกิดจำได้เลยตะโกนบอกทั่วว่าในหลวงเสด็จ... ทั้งสองพระองค์ก็เลยรีบเสด็จออกมาจากงานวัดทันที มีประชาชนห้อมล้อมตามมาส่งถึงประตูวิเศษไชยชาญ และทรงตอบกับประชาชนว่า"ขอบใจ"
รัชกาลที่9ก็มาบอกกับดิฉันว่า "แน๋น สนุกกันใหญ่เชียว"

อีกคราวหนึ่งเสด็จเที่ยวตลาดสำเพ็งกันตามลำพัง จนแขกคนหนึ่งจำได้เลยถามว่า " คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรือ" รัชกาลที่9ทรงตอบว่า "ไม่ได้มาด้วยจ้ะ" ดิฉันเองอดขันไม่ได้ บางครั้งพระราชชนนีก็กริ้วกับดิฉันและตรัสว่า "นี่ก็ลูกของฉันเหมือนกัน"

...เมื่อคราวประทับที่พระราชวังไกลกังวล ในหลวงรัชกาลที่9ทรงเล่นสกีน้ำ เผอิญสกีฟาดเอาตรงที่พระเพลา กระดูกร้าว พระองค์ไม่ให้ใครช่วยพยุง พยายามพาพระองค์กลับไปที่ตำหนัก ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ตอนพระองค์อยู่กับดิฉัน ดิฉันถามว่าเจ็บไหม พระองค์เปิดเผยว่า "เจ็บซีแน๋น" ครานั้นถึงกับต้องเข้าเฝือกกันทีเดียว

เมื่อเสด็จเยี่ยมราษฎรจังหวัดต่างๆ ทรงกลับมาเล่าว่า " แน๋น ที่ไปนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมื่อเห็นประชาชนแล้ว สงสารเหลือเกิน เขามาต้อนรับฉัน ฉันเห็นแล้วอดเมตตาสงสารเขาไม่ได้"

....ดิฉันเคยทูลลาหลายครั้ง ขอให้แน๋นไปพักผ่อนเถอะ แต่ท่านเฉยไม่ตอบอะไร ดิฉันไปวัดทุกวันพระท่านก็ทรงอนุญาต

จนเมื่อพระองค์เสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุดและคืนสู่กรุงเทพแล้ว วันหนึ่งตรงกับต้นปี2505 ขณะพระองค์กำลังทรงพระบรรทม อุบาสิกาท้าวอินทรสุริยาฯ ก็ถือดอกไม้ค่อยหมอบไปใกล้พระองค์ แล้วนำช่อดอกไม้ใส่อุ้งพระหัตถ์ทันที พระองค์สดุ้งขึ้นนิดหนึ่งตรัสออกมาคำเดียว "อื้อ"
ท้าวอินทรสุริยาจึงกราบบังคมทูลว่า
"ทูลลา..."
ท่านลุกขึ้นนั่ง มอง และไม่ตรัสว่าอะไร
"ถ้าท่านไม่อนุญาตให้แน๋นไป แน๋นจะต้องไปโกนหัวละ"
ที่สุดพระองค์จึงตรัสว่า
"นี่แน๋นจะไปจริงๆหรือ"
"ไปจริงๆซิ" อุบาสิกาท้าวสุริยาฯทูลตอบ

พระองค์ให้ศีลให้พรอยู่นาน ทรงขอคำสัญญาอีกว่า ถ้าจะไปอยู่ที่ใดต้องการสิ่งใด ป่วยไข้ขึ้นมา จะต้องให้รีบกราบทูลบอกตลอดระยะเวลา
"พระองค์ทรงเป็นห่วง ดิฉันซาบซึ้งตื้นตันไปหมด ถ้าวันไหนดิฉันยังตัดโลกไม่ขาดจะนึกถึงพระองค์ทุกครั้งไป" อุบาสิกากล่าวด้วยน้ำเสียงเครือ
"เป็นบุญของคนไทยแล้ว ที่มีพระมหากษัตริย์เปี่ยมด้วยน้ำพระทัยสูงสุด มีน้ำพระทัยเมตตาต่อคนทุกคน..."

อุบาสิกาท้าวอินทรสุริยาสรรพาหารพิจาริณี (10ธันวาคม 2428-16ตุลาคม2517)
นามเดิมคือเนื่อง จินตดุลย์ เป็นพระสหายนักเรียนพยาบาลรุ่นพี่1ปีกับสมเด็จพระราชชนนีที่ศิริราช เคยสัญญากับสมเด็จย่าก่อนที่พระพี่นางจะประสูติว่าจะทำหน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยงให้ อยู่ในราชสำนักเป็นพระพี่เลี้ยงและราชการอื่นๆร่วม40ปี รวมถึงเป็นพระพี่เลี้ยงของเจ้าฟ้าชายและเจ้าฟ้าหญิงทุกพระองค์
จนอายุ75ปี จึงได้กราบทูลลา มาเป็นชีบำเพ็ญกุศล วันที่ให้สัมภาษณ์ท้าวสุริยาฯอายุได้ 78ปีแล้ว


เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น


เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น


เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น


เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น


เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น

Cr.จากหนังสือ สี่เจ้าฟ้า ฉบับสมบูรณ์
โดย ลาวัณย์ โชตามระ
พ.ศ. 2512

เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง ร.8และร.9 จาก พระพี่เลี้ยง แน๋น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์