เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทิ้งอาชีพรับราชการหันมาทำนากลางกรุงจัดเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรม ในผืนดินที่มีมูลค่านับพันล้านบาท เผยพอใจที่จะสืบสานอาชีพของบรรพบุรุษ มากกว่าต้องการเม็ดเงินมหาศาล

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

อดีตอาจารย์ประจำศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ผันชีวิตจากการรับราชการ มาทำไร่นาสวนผสมกลางกรุงตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของบรรพบุรุษ ในพื้นที่ที่รายรอบ ด้วยบ้านจัดสรร

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

บ้านเลขที่ 3 ซอยนวลจันทร์ 56 แยก 5 ถนนนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. เมื่อวันที่ 15 ส.ค.พบกับนายสมโภชน์ ทับเจริญ อายุ 59 ปี อดีตอาจารย์ประจำศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ขณะกำลังเดินตรวจวัชพืชในนาข้าวที่ปลูกอยู่บริเวณหน้าบ้านพักและเปิดเผยสาเหตุที่หันหลังจากการรับราชการมาใช้ชีวิตเกษตรกร ว่า อาชีพทำนาเป็นอาชีพที่ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ตั้งแต่ปู่ย่า

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

เมื่อเกิดมาเห็นพ่อแม่ทำไร่ทำนามาตั้งแต่เล็ก ที่บ้านแห่งนี้ ที่เดิมเรียกว่าบ้านบางขวด หลังเรียนจบ ชั้นมัธยมศึกษาก็ได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยเกษตรกรรมเจ้าคุณทหาร หรือสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ในปัจจุบันนี้ แล้วมาศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จากนั้นมารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการเกษตร ไต่เต้าจนกระทั่งได้ซี 8 งานส่วนใหญ่จะสอนหรือ อบรมเกษตรกรและสอนนิสิตเกษตรบ้าง

เพราะงานหลักอยู่ที่ศูนย์วิจัยสุกรแห่งชาติ ช่วงชีวิตในตอนนั้นไม่ได้กลับมาทำนาที่บ้าน เพราะพ่อกับแม่ทำอยู่แล้ว

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

อดีตอาจารย์ ม.เกษตรฯ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่รับราชการนาน 27 ปี พ่อแม่ก็แก่ลงเรื่อยๆ เลยวางแผนคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับที่ดินจำนวน 50 ไร่นี้และต้องทำเกษตรกรรม จึงเริ่มมาวางแผนปรับพื้นที่ปรับหน้าดิน ขุดร่อง ทำบ่อน้ำ กระทั่งปี 2556 แม่เสียชีวิตจึงลาออกกลับมาอยู่บ้านสานความฝัน

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ทำพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นเกษตรเชิงธุรกิจและเชิงท่องเที่ยว อยู่กลางใจเมือง เพราะคิดว่าคนบ้านนอกอยากเข้ามาในเมืองดูแสงสี แต่คนกรุงอยากไปบ้านนอกหาความสงบ จึงมีแนวคิดว่าจะทำกรุงเทพฯให้เป็นบ้านนอก เพื่อให้คนแถวนี้ได้มาเที่ยว มากิน สร้างบรรยากาศบ้านนอกที่อยู่ในเมืองกรุง ได้แบ่งที่ดินจำนวน 50 ไร่เป็น 2 ส่วน โดย 14 ไร่

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ซึ่งอยู่อีกฝั่งถนนตรงข้ามกันทำเป็นย่านธุรกิจใช้ชื่อ “@บางขวด” มีร้านค้า ร้านกาแฟ เน้นขายอาหารโดยนำผลผลิตจากไร่นาที่ทำ ไปขายเป็นหลัก ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง อีกฝั่งที่ติดกับบ้านเนื้อที่ 36 ไร่ ปลูกไม้ยืนต้นให้ร่มเงา

ทำนาข้าวไรซ์เบอร์รี่ เลี้ยงปลา ปลูกพืชผักต่างๆ เช่น จิงจูช่าย มาทำน้ำผักขาย รวมถึงวอเตอร์เครส หรือสลัดน้ำ ทั้งยังปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้คนเข้ามาเรียนรู้

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

นายสมโภชน์กล่าวว่า การเพาะปลูกของตน เน้นที่เกษตรเพื่อชีวิต ไม่ใช่เกษตรเพื่อความตาย ผลไม้ พืชผักต่างๆในสวนนี้ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี แต่ถามว่าเป็นเกษตรอินทรีย์หรือไม่ บอกได้ว่าไม่ใช่ เพราะใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์แต่ใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เกษตรอินทรีย์หรือออแกนิกนั้นจริงๆแล้ว

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ต้องเริ่มตั้งแต่อาหารที่มาหล่อเลี้ยงพืชต้องออแกนิกด้วย เลี้ยงสัตว์แล้วนำมูลมาทำปุ๋ย คือทุกอย่างจะต้องผ่านขั้นตอนออแกนิกมาก่อนแล้วจึงนำมาใช้ปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ออแกนิกจริงๆ ในเมืองไทยมีไม่กี่แห่ง ตนเน้นเรื่องเกษตรปลอดภัยมากกว่า

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ผู้สื่อข่าวถามว่า รายได้จากการปลูกข้าวมีจำนวนเท่าไหร่ นายสมโภชน์กล่าวว่า พื้นที่ปลูกข้าวแบ่งไว้ 3 ไร่ ทำไว้กินและเหลือขายบ้างเล็กน้อย ไม่ปลูกพร้อมๆกัน เพื่อให้คนมาเที่ยวชมแปลงนาข้าว ได้เห็นทุกระยะการเจริญเติบโตของข้าว ตั้งแต่ปักดำ ตั้งท้อง เก็บเกี่ยวและเพื่อป้องกันนกมากินข้าว เช่น นกกระติ๊บขี้หมู นกกระจาบ

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

ซึ่งคนนิยมนำมาปล่อยทำบุญ เลยต้องกางมุ้งคลุมนาข้าวในระยะที่กำลังออกรวง ผลผลิตตก ใช้ระยะเวลาปลูก 120 วันหรือประมาณ 4 เดือน มีต้นทุนปลูก 4-5 พันบาทต่อไร่ ในหนึ่งไร่จะได้ผลผลิต 500 กิโลกรัม

เก็บไว้กินเอง 50 กิโลกรัม ทำพันธุ์ 50 กิโลกรัม นำไปขายที่ร้าน @ บางขวด กิโลกรัมละ 90 บาท หักค่าแรง ค่าเก็บเกี่ยวซึ่งใช้วิธีลงแขกให้ญาติพี่น้องมาช่วยกัน ค่าน้ำมัน ที่เหลือเป็นกำไรตกไร่ละกว่าหนึ่งหมื่นบาท

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

เมื่อถามว่า ที่ดินมีราคาสูงแล้วนำมาทำนาข้าวคุ้มกันหรือไม่ อดีตอาจารย์ ม.เกษตรฯกำแพงแสน กล่าวว่า อย่างแรกคุ้มต่อสภาพจิตใจ อย่าไปคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นตัวเงิน มีคนเข้ามาขอซื้อสร้างบ้านจัดสรรเกือบทุกวัน แต่ไม่ขาย ราคาขณะนี้อยู่ในราวไร่ละ 16-20 ล้าน ตนมี 50 ไร่ เป็นมรดกจากปู่ตกมาถึงพ่อ

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

จนมาถึงตนซึ่งจะต้องสืบทอดอาชีพชาวนาของบรรพบุรุษไว้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวบ้านในละแวกนี้ มองอาจารย์เพี้ยนหรือไม่ ทำไมต้องมาตากแดดทำนา ทั้งๆที่ดินราคาสูง ขายได้ราคา

นายสมโภชน์ กล่าวว่า ลงทุนปรับพื้นที่ทำการเกษตรเพื่อการค้าขายและท่องเที่ยว มันอาจจะไม่คุ้ม ที่ดินราคาไร่ละ 20 ล้านบาท มาทำไร่ทำไม ได้เงินแค่เดือนนึงไม่กี่หมื่นบาท ขายที่ได้เงินก้อนโตไม่ดีกว่าหรือ แต่ตนคิดว่ามันไม่ใช่ ที่ดินตรงนี้ขึ้นราคาทุกนาที

เห็นราคาแล้วถึงกับอึ้ง!! ใครๆก็หาว่าบ้าทำนากลางกรุง

เพราะอยู่ในเมืองหลวง ถือเป็นดอกดินที่บานออก ในหนึ่งปีราคาจะสูงขึ้น 5 แสนบาทต่อไร่ โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ทำนาได้เดือนละไม่กี่หมื่นบาท แต่ดอกดินในแต่ละปีมันขึ้นราคาด้วยตัวของมันเองอยู่โดยอัตโนมัติ แล้วจะขายไปทำไม เรามีความสุขกับการทำให้คนอื่นมีความสุข คนมาเที่ยวสบายใจ กินอาหารอร่อย สุขภาพดี ก็ดีใจแล้ว


ที่มา amfinegroup


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์