มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?


มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?

"ถ้าอยากสุขภาพดีต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ"

นี่เป็นองค์ความรู้ที่คนไทยส่วนใหญ่ล้วนได้รับการสั่งสอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่กลับปฏิบัติตามได้ยากแสนยาก ด้วยพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตอันเร่งรีบ อะไรๆ ก็ขอเน้นเร็วไว้ก่อน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกิน ผลที่ตามมาคือการทำงานของร่างกายที่ดูจะห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่า ‘สุขภาพดี' เข้าไปทุกที




มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?

โดยปกติเรามักได้รับสารอาหารอย่าง ‘วิตามินและแร่ธาตุ' จากการทานผักผลไม้ให้ครบทุกสี แต่การจะทานให้ได้เช่นนั้นทุกมื้อ ก็ดันกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณค่าทางอาหารในผักผลไม้ในปัจจุบันต่างก็ถูกลดทอนจากกระบวนการปรุงอาหารอย่างการทอด หรือต้ม นี่ยังไม่นับสารเคมีตกค้างที่อาจติดมาด้วยอีก ไม่แปลกใจเลยที่เทรนด์การบริโภควิตามินเสริมจะกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือวิตามินต่างๆ ที่มีวางจำหน่ายให้เห็นได้ทั่วทุกที่ในท้องตลาด

 

มากไปอันตราย น้อยไปไม่เห็นผล

อย่างที่กล่าวไปว่าเดี๋ยวนี้เราสามารถซื้อหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือวิตามินต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อก็มีให้เลือกสรรมากมายเต็มไปหมด จัดแบ่งเป็นเม็ดแคปซูลเล็กๆ ทานง่าย เรียกได้ว่าสะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์มนุษย์เร่งรีบอย่างเราๆ เป็นที่สุด




มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?

แต่คำถามคือ คุณรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายต้องการวิตามินชนิดไหน และปริมาณเท่าไหร่ ?

วิตามินถ้าได้รับปริมาณที่เพียงพอจะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ถ้าได้รับอย่างขาดๆ เกินๆ ก็อาจส่งผลเสียได้ วิตามินหลายชนิดถ้ารับประทานเข้าไปมาก จะเกิดการสะสมในร่างกายและเป็นอันตรายต่อตับ บางชนิดมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะจะรับประทานในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือทานร่วมกับตัวยาบางอย่าง และบางชนิดมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ

หลายคนอาจมองว่าหากทานเป็นวิตามินที่เราเคยเรียนมาว่าจำเป็นต่อร่างกาย ในปริมาณที่หลายบริษัทผลิตมาให้ก็น่าจะพอ แต่ที่จริงแล้วคุณอาจเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียงทั้งจากการได้รับแร่ธาตุชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป หรือแม้แต่ได้รับไม่เพียงพอเพราะร่างกายเราต้องการมากกว่านั้นก็เป็นได้




มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?

รู้จักร่างกายตัวเองให้มากพอ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปริมาณวิตามินในผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกซื้อเพียงพอ หรือเกินความต้องการ ? คำตอบก็ไม่ยาก คุณเพียงแค่ต้องทำความรู้จักกับร่างกายของตัวเองให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออะไรมารับประทาน เพราะ ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่าง การสูบบุหรี่ การขาดการพักผ่อน ความเครียด หรือโรคประจำตัวต่างๆ ก็ล้วนมีผลทำให้แม้จะเป็นวิตามิน หรือแร่ธาตุเสริมชนิดเดียวกัน แต่เมื่อเป็นต่างคนใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างกันไปด้วย

ดังนั้น เราจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพ และศึกษากระบวนการทำงานของร่างกาย เพื่อที่จะได้รู้ว่าร่างกายเรากำลังอยากได้อะไรเพิ่ม หรือต้องปรับลดอะไรลง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของสุขภาพตามที่เราต้องการ




มากไปเป็นภัย น้อยไปไม่เห็นผล ‘วิตามิน’ ต้องกินอย่างไร ?

วิตามินเฉพาะบุคคล

สำหรับใครที่อาจยังสงสัยว่าตรวจสุขภาพมาแล้วอย่างไร รู้ไว้แล้วต้องทำอะไรต่อ อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือการนำไปใช้วิเคราะห์กับการแพทย์ทางเลือกที่เรียกว่า "วิตามินปรุงเฉพาะบุคคล" (Personalized Supplements) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะรับสารอาหารอย่างถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของร่างกายอย่างแท้จริง



ที่ Vitaboost วิตามินเฉพาะบุคคล จะถูกปรุงขึ้นตามสูตรที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำหนด ตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging science) โดยแพทย์จะทำการเจาะเลือดของแต่ละคน เพื่อนำไปตรวจวัดระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วจึงนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบกับข้อมูลประวัติสุขภาพ เพื่อคำนวณหาปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดที่บุคคลนั้นควรได้รับ ก่อนจะชั่งตวงวิตามิน แร่ธาตุ และสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ บรรจุลงแคปซูลที่พร้อมสำหรับทาน

โดยในกระบวนการผลิตทั้งหมดนี้ ทุกขั้นตอนทำในห้องปลอดเชื้อที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งจะควบคุมฝุ่นละออง ความชื้นและการปนเปื้อนตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าวิตามินเฉพาะบุคคลจะมีประสิทธิภาพสูงที่สุด และปราศจากอันตรายต่อร่างกาย



การเลือกใช้วิตามินปรุงเฉพาะบุคคลเช่นนี้ เป็นการดูแลสุขภาพเชิงบูรณาการ และเป็นศาสตร์แพทย์ทางเลือกที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างสูงในปัจจุบัน เพราะสามารถสร้างสมดุลในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ร่างกายจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้มีส่วนเกินที่จะต้องขับทิ้งน้อย ส่งผลให้ตับและไตไม่ต้องทำงานหนัก ความเสี่ยงที่จะได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุเกินความจำเป็นจนอาจเป็นพิษก็ยิ่งน้อยลง ทั้งยังทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นโดยไม่ต้องเดาว่าเราควรรับประทานวิตามินตัวไหนในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเพียงพออีกด้วย



เครดิตแหล่งข้อมูล : workpointnews





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์