ช่วยด้วย!!! ฉันเครียดจนต้องไปหาหมอโรคจิต...

 

“เครียด” ใครๆ ก็เป็นได้ทั้งนั้น
 
คงไม่มีใครที่จะมีความสุข ร่าเริงได้ตลอดเวลา ยิ่งปัญหาการบ้าน การเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคงปลอดภัย รุมเร้าน่าปวดหัวขนาดนี้ บางคนเจอเรื่องเครียดๆ มามากถึงขนาดจิตตกเป็นโรคเครียด ต้องวิ่งไปหาจิตแพทย์ช่วยกันเลยทีเดียว


สำหรับสังคมไทยการตกที่นั่งผู้ป่วยที่ต้องไปพบจิตแพทย์เป็นประจำคงไม่ใช่เรื่องปกติสักเท่าใดนัก
 
ต้องปิดๆ บังๆ ไม่ให้ใครรู้ มิเช่นนั้นอาจจะถูกโยนตำแหน่งอันไม่ทรงเกียรติและถูกแบน ในฐานะ “คนโรคจิตหรือเป็นบ้า” ได้ แต่คุณรู้มั้ยว่าตามประเทศที่เค้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ที่เจริญแล้ว การไปพบหรือปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยานับเป็นเรื่องปกติและควรทำมากๆ ยิ่งในประเทศของเราคนที่มักจะต้องไปหาจิตแพทย์บ่อยๆ บางทีก็เป็นคนเก่ง มีฐานะ หน้าที่การงานทางสังคมทั้งนั้น
คราวนี้เรามาดูกันสิว่าคุณเครียดระดับที่ควรจะไปหาจิตแพทย์แล้วหรือยัง?


ช่วยด้วย!!! ฉันเครียดจนต้องไปหาหมอโรคจิต...

เครียดแค่ไหนถึงเกินลิมิตต้องให้หมอช่วย

ลองสังเกตดูนะ ถ้าคุณเริ่มมีอาการหัวใจเต้นเร็ว หายใจได้ช่วงสั้นๆ ถี่ๆ มักปวดหัว เหงื่อออกมากตามมือและเท้า ท้องอืดอาหารไม่ย่อย นอนไม่หลับหรือไม่ก็อ่อนล้าต้องการนอนมากเกินไป คลื่นไส้ ปวดตึงกล้ามเนื้อ หลงๆ ลืมๆ ขาดสมาธิ สับสนและลังเลในการตัดสินใจ ซ้ำยังหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน บางครั้งถึงขั้นวิตกจริต กังวลโน้นนี่ ซึมเศร้า ไม่ร่าเริง มองชีวิตในแง่ลบไปหมด แถมยังรู้สึกตัวเองอ่อนไหวและชิงชังง่ายๆ อย่างนี้ล่ะก็คุณรีบไปหาหมอด้านจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้เลย ยิ่งถ้าคุณเฉยชา เมินต่อสิ่งรอบข้าง แทบจะใช้ชีวิตปกติไม่ได้เลยล่ะก็ หาหมอด่วน


การที่เราๆ ท่านๆ จะท้อแท้หมดหวังกับชีวิตบางเป็นบางครั้งมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าคุณนึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตเป็นเวลานานๆ สัก 2 อาทิตย์ขึ้นไป แบบใครเฮใครฮา ตลกใส่แต่คุณไม่ขำด้วยเนี่ยนี่น่าคิดนะคะคุณ ว่าคุณเกิดภาวะผิดปกติทางอารมณ์รึเปล่า คิดดูสิจ๊ะว่าถ้าคุณวันๆ นั่งๆ แต่คิดชีวิตนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว อยากจะตายเสียซะให้ได้ แถมยังเอาเวลาว่างมานั่งขบคิดวิธีการตายเล่นซะอีก น้ำหนักก็ลดเอาๆ หรือไม่ก็เพิ่มขึ้นทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย แบบพลังชีวิตหดหายเนี่ย ถ้าคุณปล่อยแบบนี้ต่อไปคุณต้องเกิดปัญหาแน่ๆ ทั้งกับสภาวะจิตใจของคุณเองและกับความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง


6 เดือนแล้วฉันยังวิตกกังวลทุกเรื่องโดยหาสาเหตุไม่ได้

ถ้าคุณเป็นแบบนี้รับรองได้ว่าจิตเสื่อมแน่ๆ การที่คนเรามีความวิตกกังวลมากเกินไปต้องเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตแน่นอน เช่นกลัวออกจากบ้านแล้วแผ่นดินจะไหว ฟ้าจะถล่ม กลัวจะเป็นโรคโน้นโรคนี้ กลัวแฟนจะมีชู้ คนที่บ้านจะไม่รัก โดยที่ไม่มีสาเหตุแรงจูงใจอะไรเลย พาลไปถึงทำให้เป็นโรคนอนไม่หลับเพราะคิดมาก จนเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อ่อนล้า ภายใน 6 เดือนถ้าคุณยังไม่หายอาการเหล่านี้ คุณคงเข้าข่ายพบแพทย์แล้วล่ะ


รู้จัก “ไบโพลาร์ดิสออร์เดอร์” มั้ย

คุณๆ รู้มั้ยว่าการที่เครียดหนักถึงขั้นมีอาการซึมเศร้าสลับคลุ้มคลั่ง เป็นอาการของ “ไบโพลาร์ดิสออร์เดอร์” คือมีอาการของโรคซึมเศร้าสลับกับอาการมีความมั่นใจในตัวเองสูงถึงขั้นหลงตัวเอง ประมาณว่าฉันเก่งที่สุดอ่ะ ต้องเชิดๆ หยิ่งๆ แถมนกแก้วเข้าสิง พูดได้ทั้งวันไม่รู้จักเหนื่อย อยากนอนหลับขั้นโอเว่อร์ หงุดหงิดวีนแตกแม้กระทั่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง แถมไฮเปอร์ ใจร้อนสุดๆ แบบอยากจะขึ้นแท่นท็อปทุกเรื่องตั้งแต่การงานจนถึงเรื่องบนเตียง ซ้ำร้ายยังบ้าบิ่นทำเรื่องเสี่ยงแบบไม่น่าเชื่อได้อีกด้วย ใครที่เป็นแบบนี้มักไม่รู้ตัวหรอกจนกว่าคนรอบข้างจะมาบอก เพราะฉะนั้นก็รับฟังคำตักเตือนคนอื่นเสียบ้างล่ะ


ปัจจุบันนี้คนที่ควรมาพบหรือได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามี 2 ประเภท คือ

คนที่มีอาการทางจิตขั้นรุนแรง กับอีกกลุ่มเป็นพวกที่มีปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้า การย้ำคิดย้ำทำ หรือภาวะทางจิตอ่อนๆ ซึ่งล้วนแต่เกิดจากสาเหตุของความเครียด โดยมักจะแสดงอาการออกมาให้สังเกตทางกายและสภาพจิตใจ นำมาซึ่งปัญหาต่อการดำเนินชีวิต การปรับตัวกับคนรอบข้าง ทั้งเพื่อนร่วมงานและครอบครัว ทางออกที่ดีที่สุดคือการได้พูดคุยกับแพทย์หรือนักจิตวิทยา เพื่อหาแนวทางจัดการชีวิต จะทำให้คนที่มีอาการเหล่านี้รู้สึกดีขึ้น รู้อย่างนี้จะช้าอยู่ไย หากมีปัญหาเข้าข่ายอาการที่เล่ามาก็พบหมอดีกว่า เพราะนั่นคือการดูแลสุขภาพอีกด้านหนึ่งด้วยนะจ๊ะ

ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์