~* เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง ~*

~* เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง ~*

แสงสว่าง' ที่ว่านี้ คือ คุณค่าในชีวิต ที่แต่ละคนมี
แม้ว่าคุณค่านั้นจะเล็กน้อยนักในสายตาใคร หรือสังคมไม่ค่อยเห็นว่ามีคุณค่า
แต่จะมีสักกี่คนที่ค้นหาจนเจอคุณค่าในตัวเอง
แล้วให้คุณค่านั้นเป็นสิ่งนำทางชีวิตตนเองต่อไป
และจะมีสักกี่คนที่มีโอกาสถ่ายทอดคุณค่าเหล่านั้นออกมา
เพื่อกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น ให้เริ่มค้นหาคุณค่าในตัวเองได้ด้วย

การค้นหาและตระหนักถึงคุณค่าของตนเองเกี่ยวข้องกับการมองความเป็นจริงของชีวิต

ผู้ที่มองว่าชีวิตไร้คุณค่า
ก็จะพร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ตนเองไม่ได้มีความน่าสนใจอะไร
คิดเพียงว่าตนเองก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ
เชื่อว่าตัวเองไม่มีความคิดอะไรที่จะบอกกล่าว
ไม่ต้องถึงขั้นลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสังคมหรือโลก
แค่เชื่อว่าสักวันหนึ่งตัวเองต้องหมดอายุขัยและดับสลายไป
ให้ซึ้งในความจริงข้อนี้ก็ยังถือว่ายากเย็น

ส่วนผู้ที่มองว่าชีวิตมีคุณค่า ชีวิตก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำล้วนมีคุณค่าในตัวมันเอง
เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองทำ นั้นแยกไม่ออกกับสิ่งที่ตัวเองเป็น
เพราะทั้งสองเป็นสิ่งเดียวกันอันเกิดมาจากการค้นพบตัวเองและถ่ายเทออกมา

บางกรณี 'แสงสว่าง' เป็นเพียงสิ่งลวงตา
เพราะแสงสว่างที่เห็นอาจเป็นเพียงแสงไฟภายนอกที่ส่องมากระทบเท่านั้น
ไม่ใช่แสงสว่างจากภายใน
เปรียบได้กับความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองกับการหลงในคุณค่าที่คนอื่นมองต่อตัวเอง
เป็นคู่ตรงข้ามของความเชื่อมั่นในตัวเองกับการหลงตัวเอง

ความเชื่อมั่นในตัวเองต่างกับการหลงตัวเองว่ามีของดี
เพราะการหลงตัวเองเหมือนกับการที่ดวงไฟทุกดวงส่องมาที่ตัวเอง
ทำให้ตัวเองดูสว่าง
ทุกสายตาจับจ้องมองเป็นตาเดียว แล้วหลงเชื่อใจว่าตัวเองมีแสงสว่าง
นั่นเป็นแสงสว่างจากภายนอก
ดูเหมือนตัวเองจะมีแสงสว่างแต่เป็นแสงสว่างจากภายนอก
ไม่ใช่แสงสว่างที่เกิดขึ้นจากภายใน
ดังนั้นชีวิตจึงต้องผูกเกี่ยวกับแสงสว่างภายนอกมากจนเชื่อว่านั่นคือแสงสว่างของตัวเอง
ตราบจนเมื่อใดแสงไฟจากภายในปิดลง ก็จะไม่อาจมองเห็นตัวเอง

ตรงข้ามกับความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นการสุกสว่างจากภายใน
และเปล่งแสงออกมาจากข้างในตัวตน
นั่นหมายความว่าคนๆนั้นต้องผ่านกระบวนการค้นหาตัวเองจนพบว่าตัวเองคือใคร
ทำอะไร เพื่ออะไร และมีคุณค่าอะไร
เมื่อค้นพบคุณค่าในตัวเองและคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว
การบอกต่อและเล่าถึงคุณค่าของตัวเองสิ่งที่ตัวเองทำ
นั่นเปรียบเสมือนการขยายคุณค่าของชีวิตตัวเองให้แผ่ไปยังผู้อื่น

หากเราตระหนักว่า 'เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง' แล้ว
เราจะเริ่มค้นหาคุณค่าของชีวิตตัวเอง ตั้งคำถามกับชีวิต
เพื่อตอบตัวเองว่าคุณค่าของตัวเองคืออะไร
สิ่งที่ตัวเองทำมีคุณค่าอะไรต่อชีวิต ต่อคนรอบข้าง ต่อสังคม

หากเราตระหนักว่า 'เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง' แล้ว
กำลังใจ ความสุขและความเชื่อมั่นที่จะดำเนินชีวิตต่อไป
ย่อมเกิดขึ้นได้จากภายในตัวเอง
โดยไม่ต้องหวังพึ่งในวัตถุใดหรือใครมาเสกหรือส่งความสุขให้แก่เรา

หากเราตระหนักว่า 'เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง' แล้ว
เราจะมองเห็นคุณค่าของชีวิตทุกชีวิต
เราจะรู้ว่าคนทุกคนมีศักดิ์ศรีเช่นกัน
เราจะได้มีโอกาสนำคุณค่าของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนกัน
เพื่อก่อให้เกิดดวงตาแห่งความเอื้ออาทร

หากเราตระหนักว่า 'เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง'
เราจะได้พบความจริงของชีวิตเข้าสักวัน

หากสมมติว่าเราเป็นดั่งหิ่งห้อยตัวหนึ่ง
เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ บนโลกใบนี้ ที่มีแสงสว่างในตัวเอง
ลองจินตนาการว่าถ้าเราเป็นหิ่งห้อยจริงๆ
เมื่อเรามองโลกจากห้วงอวกาศเข้ามา
เราจะเห็นโลกใบนี้สว่างไสวไปด้วยแสงเล็กๆ จากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
ถึงแม้จะริบหรี่ ๆ อยู่กันกระจัดกระจาย แต่ก็แลดูสวยงาม
เพราะเป็นแสงสว่างของชีวิตที่แต่ละคนช่วยกันเปล่งแสงออกมา

ที่มา  ::  Oknation


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์