กระจ่างชัด!! คลายปมสงสัยทำไม! ชาวจีน สมัยก่อนต้อง โกนศีรษะครึ่งหน้า-ถักเปียไว้หลัง

เป็นปัญหาคาใจของใครหลายๆคนมาช้านานเกี่ยวกับกรณีของชาวจีนในสมัยก่อนที่ต้องโกนศรีษะครึ่งหัวและถักเปียไว้ด้านหลัง ซึ่งคนไทยหลายคนจะคุ้นเคยกันจากการดูซีรีย์ดังของจีนหรือภาพยนตร์ที่นำมาฉายทางจอโทรทัศน์ วันนี้เราจึงมีคำตอบเหล่านั้นมาให้ได้คลายความสงสัยกัน

ทรงผมโกนศีรษะด้านหน้าไว้เปียด้านหลัง เป็นลักษณะร่วมกันของพวกชนเผ่าเร่ร่อนในเอเชีย ที่ทางประเทศจีนเรียกว่า "คนเถื่อนนอกด่าน" อาทิเช่น พวกซยฺงหนู และพวกตงหู ซึ่งเป็นชนเผ่านอกด่าน อาศัยในแถบภาคเหนือและอีสานของจีนมาแต่โบราณอย่างน้อยก็ก่อนคริสต์ศักราชราว 700 ปี อนุชนรุ่นหลังพวกตงหูทุกกลุ่มมักไว้ผมทรงนี้ เช่น ชี่ตาน มองโกล ลักษณะพิเศษร่วมกันคือ การโกนศีรษะส่วนหน้า บางครั้งครึ่งศีรษะ บางครั้งเหลือแค่หย่อมผมท้ายกระหม่อม แล้วถักเปียเป็นสาย บางกลุ่มโกนศีรษะหน้าแล้วเหลือหย่อมผมที่หน้าผาก หรือที่ข้างกระหม่อมเป็นแผงเล็กๆ แล้วไว้เปียด้านหลัง


โดยสาเหตุที่ไว้ทรงนี้ ก็เพราะว่า เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตในท้องทุ่ง ในการควบม้า ยิงธนู ผมเผ้าจะได้ไม้บังหน้าเวลาลมโกรกหน้า

พวกแมนจูจัดเป็นคนเถื่อนนอกด่านเช่นกัน จึงไว้ทรงผมอย่างคนเร่ร่อน คือโกนศีรษะหน้าไว้ผมท้ายกระหม่อมแล้วถักเปียยาว พวกแมนจู ที่ตั้งราชวงศ์ชิง สืบทอดทรงผมแบบนี้มาจากบรรพชนเผ่ารู่เจิน (หรือหนฺวี่เจิน) ซึ่งตั้งราชวงศ์จิน (กิมก๊ก) ส่วนพวกหนี่เจินก็รับทรงนีมาจากบรรพชนเผ่ามั่วเหอ ซึ่งก็ไว้ทรงนี้มาแต่ดึกดำบรรพ์ เพราะอยู่ร่วมสมัยกับพวกตงหู

ไม่เฉพาะแต่พวกแมนจูเท่านั้นที่บังคับคนฮั่นให้โกนหัวไว้เปีย แต่บรรพชนของพวกแมนจู หรือชาวรู่เจินก็เคยทำมาแล้วกับชาวฮั่นสมัยราชวงศ์ซ่ง ตอนที่พวกรู่เจินแห่งกิมก๊กยึดภาคเหนือของจีนไว้ได้ ก็สั่งให้ชาวฮั่นไว้เปียแต่งกายแบบคนนอกด่านในปี 1126 แต่คงไม่ได้ผล เพราะมีการย้ำคำสั่งอีกครั้งในปี 1129 แต่แล้วก็คงไม่ได้ผลอีก เพราะในรัชสมัยขององค์ไห่หลิงหวางทรงผ่อนปรนด้วยการอนุญาตให้คนฮั่นแต่งแบบฮั่นได้

และสาเหตุที่ต้องบังคับชาวฮั่นให้ไว้ทรงผมนี้เหมือนชาวแมนจูก็เพราะว่าต้องการสลายอัตลักษณ์เพื่อผลทางรัฐศาสตร์ เนื่องจากผู้ปกครองมีจำนวนน้อยกว่าผู้ถูกปกครองมาก ทั้งยังมีวัฒนธรรมที่เหนือกว่า จึงต้องต้องใช้วิธีข่มเช่นนี้ แต่จากประวัติศาสตร์สมัยกิมก๊กจะเห็นว่า ไม่ได้ผลเอาเสียเลย

หลายท่านอาจจะสังสัยว่าการบังคับให้ไว้โกนผมเปียช่วยข่มวัฒนธรรมได้จริงหรือไม่!? ในการนี้ก็ต้องดูที่ผลที่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าจินซื่อจง ที่การยกเลิกนโยบายไว้เปียทำให้วัฒธรรมฮั่นไม่ถูกกดทับ จึงกลืนกินวัฒนธรรมที่ด้อยกว่าอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกรู่เจินลืมภาษาพูดกับวัฒนธรรมตัวเอง แม้แต่ราชองครักษ์ชาวรู่เจินในวังหลวงก็พูดภาษาตัวเองไม่ได้ คราวนี้พระเจ้าจินซื่อจงจึงต้องมีโองการสั่งให้ชาวรู่เจินต้องพูดภาษาแม่ของตัวเองเท่านั้น พยายามยับยั้งวัฒนธรรมฮั่นอย่างสุดกำลังถึงกับมีการประดิษฐ์อักขรภาษารู่เจินมาแทนอักษรฮั่น

และในอีก 500 ปีต่อมา อนุชนของพวกรู่เจิน คือหม่านจู๋ (แมนจู) ยึดภาคกลางได้อีกครั้ง มิหนำซ้ำคราวนี้ได้ครองทั้งแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการกลืนกินข่มวัฒนธรรมฮั่นอย่างเข้มงวด เพราะมีประสบการณ์จากยุคก่อนมาแล้ว หลังพิชิตจงหยวนแล้ว สำเร็จราชการแผ่นดินตัวเอ่อร์กุ่นมีคำสั่งให้ชาวฮั่นโกนผมไว้เปียทั้งหมด หากไม่ไว้มีแต่ตายสถานเดียว จนมีคำกล่าวว่า

" ไว้ผมไม่ไว้หัว ไว้หัวไม่ไว้ผม " หมายความว่า หากคิดรักษาหัวให้โกนผมไว้เปีย หากไม่คิดไว้เปียก็เตรียมถูกบั่นศีรษะได้ ครั้งนั้นมีคนตายจากการขัดคำสั่งหลายแสนคน ทั่วแผ่นดินเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ระงม ผสมเคียดแค้นเพราะคำสั่งนี้นั่นเอง

กระจ่างชัด!! คลายปมสงสัยทำไม! ชาวจีน สมัยก่อนต้อง โกนศีรษะครึ่งหน้า-ถักเปียไว้หลัง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์