กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน







โรคร้ายคร่าชีวิตคนไทยทุกชั่วโมง!!

ในทุก ๆ 1 ชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คนด้วย “โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” และจะมีสถิติเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหัวใจเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักที่สุดตลอดทั้งชีวิต การปั๊มเลือดที่มีสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและอวัยวะสำคัญ   ทั่วร่างกายต้องอาศัยกล้ามเนื้อ   และหลอดเลือดหัวใจที่แข็งแรง เมื่อหลอดเลือดอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและทำงานลดลง อาจนำไปสู่ขั้นเสียชีวิตได้  
   
สาเหตุของการเกิดโรคร้ายแรงนี้ นายแพทย์ระพินทร์ กุก  เรยา หัวหน้าอายุรแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ให้ความรู้ว่า อาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันมีสาเหตุมาจากการตีบตัน แคบลงของหลอดเลือดแดง เนื่องจากมีไขมันและคอเลสเตอรอลไปเกาะที่ผนัง  ของหลอดเลือด โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกเมื่อมีการตีบตันมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ในลักษณะเจ็บแน่นหน้าอกเวลาออกแรงมาก ๆ เครียด หรือหลังจากทานอาหารมื้อหนัก ส่วนมาก 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยจะเจ็บบริเวณกลางหน้าอก คล้ายมีอะไรบีบรัดหรือกดทับและอาจร้าวไปที่คอ กราม ไหล่ซ้าย หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก หน้ามืด อาเจียน ซึ่งอาการเจ็บดังกล่าวหากนั่งพักจะหายไปเอง
   
แต่อาการที่น่ากลัวคือ กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการทำให้เสียชีวิตกะทันหัน เช่น เล่นกีฬาแล้วเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายวัยทำงานที่ร่างกายแข็งแรงดีไม่เคยมีโรค จึงต้องเฝ้าระวังเพราะคนที่มีอาการจะทราบและดูแลตัวเองดี แต่คนที่ไม่มีอาการจะไม่ค่อยสังเกตตัวเองจึงเสียชีวิตอย่างกะทันหัน โดย ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคนี้ได้แก่ ผู้ที่มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ เครียด ขาดการออกกำลังกาย   อย่างสม่ำเสมอ ผู้ชายอายุ 40 ปี ขึ้นไปแต่ปัจจุบัน     35 ปีขึ้นไปก็เริ่มเสี่ยงแล้ว เพราะมีปัจจัยแวดล้อมเสริม เช่น กินเหล้า สูบบุหรี่ อดนอน กินอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีไขมันมาก ส่วนผู้หญิงจะมีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้น ไปเนื่องจากดูแลตัวเองดีเลือก กินอาหารเพราะกลัวอ้วนและมีฮอร์โมนเพศหญิงช่วยคุมไขมัน
   
การสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือดเกิดขึ้นตั้งแต่ วัยเด็กเป็นปื้นสีเหลืองและจะมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเรายังคงมีพฤติกรรมรับประทานอาหารที่ มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง จึงสะสมเพิ่มจนกลายเป็นแอ่งไขมันในผนังมีเปลือกหุ้มไว้บาง ๆ เมื่อเปลือกหุ้มไขมันนี้ปริแตกออกทำให้ไขมันข้างใต้ออกมาสัมผัสเม็ดเลือดแดงและจับกันเป็นกลุ่มเกิดการ อุดตันหลอดเลือดทันที ทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ดังนั้นหากมีอาการแน่นหน้าอกเวลาออกแรง พักแล้วหาย ออกแรงใหม่ก็เป็นใหม่ เหนื่อยเร็วกว่าปกติควรรีบมาพบแพทย์ทันทีเพื่อรักษา
   
การรักษาที่ดีที่สุดคือ การใช้ลูกโป่งขยายหลอดเลือด  ซึ่งที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพมีห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและมีทีมงานพร้อมแพทย์ผู้ชำนาญจะใช้  ลวดเล็ก ๆ สอดผ่านหลอดเลือดที่ตันและทำการขยายหลอดเลือดด้วยลูกโป่ง วิธีนี้พบว่าสามารถเปิดหลอดเลือดได้สำเร็จ 90 เปอร์เซ็นต์และมีประโยชน์มากกับผู้ป่วยที่หัวใจขาดเลือดจนช็อก ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการไม่ตีบตันมากจะใช้วิธีการรักษาโดยการทานยาซึ่งไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่มีอาการตีบตันช้าลง ช่วยให้ไขมันที่เกาะทรงตัวได้ดีไม่ปริแตกรวมทั้งลดขนาดไขมันบางชนิด
   
นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรและเครื่องมือในการรักษา และ เชื่อมั่นว่า ทางโรงพยาบาลฯ มีความพร้อมที่จะรักษาผู้ป่วยได้เพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือคน  ไทยให้ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ผู้มีสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ผู้ป่วยบัตรทอง) สามารถเข้ารับการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึง 30 เมษายน 2553 ที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
   
วิธีการรักษาจะให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือทำการสวนหัวใจขยายหลอดเลือดที่อุดตันด้วยลูกโป่ง และมักจะใส่ขดลวดให้กับผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกจากการขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยเฉียบพลัน ซึ่งผู้ป่วยสามารถขอรับการรักษาได้เองและต้องมีบัตรทองที่ระบุโรงพยาบาลต้นสังกัดหรืออาจมาจากการส่งต่อ แต่ต้องมีใบส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นสังกัด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1719
   
โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเป็นโรคร้ายแรงมีอัตราการเสีย ชีวิตสูง นายแพทย์ระพินทร์ จึงแนะนำว่าวิธีการรักษาต่าง ๆ เป็นแค่การรักษาเบื้องต้นเท่านั้นแต่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันก่อนที่โรคจะเกิดขึ้นหรือการเป็นซ้ำเพราะเส้นเลือดไม่มีการหยุดนิ่งอยู่กับที่ บางทีรักษาตรงนี้หายแต่อาจจะไปอุดตันที่บริเวณจุดอื่น จึงควรลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะการควบคุมไขมันจากอาหาร เบาหวาน ความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และเจาะเลือดตรวจไขมันเป็นประจำ รวมทั้งกินผักผลไม้ให้มากขึ้นด้วยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.

สรรหามาบอก
   
- โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ขอเชิญผู้สนใจที่มีอายุย่าง 40 ปี และผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยทอง เข้ารับฟังการสัมมนาเรื่อง “รับมือกับเมตาบอลิกซินโดรมในวัยทอง” เพื่อเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อเข้าสู่วัยทอง การปฏิบัติตัวของคนวัยทองและสาระดี ๆ ของแพทย์แผนไทยกับวัยทอง โดยศาสตราจารย์กิตติคุณแพทย์หญิง คุณหญิงกอบจิตต์ ลิมปพะยอม และศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์  วีระสิงห์ เมืองมั่น ใน วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2552 เวลา 12.30-16.00 น. ณ ห้องประชุมวิชัยยุทธ ชั้น 22 อาคารศูนย์การแพทย์วิชัยยุทธ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) สำรองที่นั่งได้ที่โทร. 0-2265-7777, 0-2618-6200 ต่อ 31941-43
   
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ขอเชิญประชาชนผู้สนใจร่วมงาน “A Healthy Date for Healthy Living” มหกรรมสุขภาพสำหรับทุกคนในครอบครัว ภายในงานชมนิทรรศการข้อมูลสุขภาพในหัวข้อ “สะท้อนกระจกเงาเรื่องเล่าสุขภาพ” พร้อมร่วมกิจกรรมเกมสันทนาการวัดระดับสมาธิ ทดสอบพลังคลื่นสมองกับเกมมายด์ บอล ประลองความเร็ว ฝึกทักษะการรับรู้กับเกมผีเสื้อแสนสวย ฯลฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้-  9 สิงหาคม 2552 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. บริเวณชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือรับ  คำปรึกษาด้านสุขภาพได้ที่ Contact Center โทร. 1719   
   
- โรงพยาบาลศิครินทร์ ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์และผู้สนใจทุกท่าน ร่วมฟังบรรยายเชิงวิชาการ เรื่อง “ครรภ์คุณภาพ” โดย รศ.ลาวัณย์ ผลสมภพ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์- นรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2552 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารศิครินทร์ 1 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมรับของที่ระลึก สอบถามเพิ่มเติมที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1728 หรือ 0-2366-9900 ต่อ 1145-6.

"มะนาว" มีประโยชน์มากกว่าความเปรี้ยว

มะนาว เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เมื่อพูดถึงแล้ว ใคร ๆ หลายคนคงนึกถึงรสชาติที่เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน แต่ขณะเดียวกัน หาก นึกถึงคุณประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของมะนาวอาจพบว่ามีมากมาย โดยนอกจากคุณแม่บ้านจะมีไว้ติดครัวเพื่อปรุงรสต้มยำหรือสารพัด ยำให้แซบถูกปากแล้ว ในสรรพคุณทางยา “มะนาว” ยังสามารถใช้รักษาโรคต่าง ๆ รวมทั้งเป็นเครื่องประทินความงามได้อย่างดีอีกด้วย
   
ลักษณะทั่วไปของมะนาวเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทรงพุ่ม ตัวใบรูปร่างกลมรี ขอบใบหยักเล็กน้อย ปลายและ โคนใบมน ดอกเล็กสีขาวอมเหลือง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลกลมเปลือกบางเรียบ มีน้ำชุ่มมาก รสเปรี้ยว เปลือกผลมีน้ำมัน กลิ่นหอม รสขม สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิดโดยเฉพาะดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี ควรปลูกในฤดูฝน ช่วงที่ปลูกใหม่ ๆ ต้องรดน้ำทุกวันและไม่ควรโดนแดดมาก โดยมีความเชื่อตามตำราพรหมชาติฉบับหลวงกล่าวไว้ว่า มะนาวเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่ควรปลูกไว้ในบริเวณบ้าน กำหนดปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) เพื่อผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านจะได้มีความสุขสวัสดี
       
มะนาวเป็นผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์หลาย ชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค วิตามินซี ซึ่งได้จากน้ำมะนาว ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาว มีไวตามินเอและซี รวมทั้งมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาว มีสรรพคุณทางยาคือ เปลือกผล มีรสขม ช่วยขับลม รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด วิธีทำยา นำเอาเปลือกของผลสดประมาณครึ่งผล คลึงหรือทุบเล็กน้อยพอให้น้ำมันออก ชงน้ำร้อนดื่มเวลามีอาการ ส่วน น้ำมะนาว รักษาอาการไอและขับเสมหะ โดยใช้ผลสดคั้นน้ำจะได้น้ำมะนาวเข้มข้น ใส่เกลือเล็กน้อยจิบบ่อย ๆ หรือจะทำเป็นน้ำมะนาวใส่เกลือและน้ำตาล ปรุงให้รสเข้มข้นพอควร ดื่มบ่อย ๆ หรือนำน้ำมะนาวผสมดินสอพองใช้ทาบริเวณ   หัวโน จะทำให้เย็นและยุบลงเร็ว

ประโยชน์ของน้ำมะนาวซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นที่รู้จักกันดีคือ มีวิตามินซีสูงมาก รักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ดี นอกจากนี้ยังมี ประโยชน์ด้านความงามโดยเอาเปลือกที่บีบเอาน้ำออกแล้ว นำมาทา   บริเวณข้อศอก คาง เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า จะช่วยให้ส่วนเหล่านั้นนุ่มนวลได้อย่างดี สำหรับใบหน้าสามารถแก้สิวฝ้าได้ในกรณีที่สิวไม่มีการอักเสบติดเชื้อเป็นหนอง ซึ่งมะนาวจะช่วยรักษาสิวให้ลดน้อยลงได้เพราะน้ำมะนาวมีสภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ จะทำให้เนื้อเยื่อที่ตายแล้วหลุดออกไป ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน ช่วยกำจัดเชื้อโรคและไขมันได้ด้วย การใช้แป้งดินสอพองกับน้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนทุกวัน สิวจะค่อย ๆ ยุบหายไปในที่สุด ส่งผลให้ใบหน้าสวยใส   
   
มะนาวจึงถือเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยามากมาย ดังนั้นอย่าลืมหาซื้อมะนาวหรือปลูกเองติดบ้านไว้ใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพและความงามนอกเหนือจากไว้ปรุงรสอาหารนะคะ.
 










 








ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์