การพยากรณ์ด้วยตาเปล่า....วิธีดูริ้วเมฆบอกฝน

ช่วงนี้ฝนตกหนักทุกวัน สำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้งไม่ว่าจะเป็นค้าขาย เดินทาง และอื่น ๆ บางส่วนอาจได้ รับผลกระทบ การเตรียมตัว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเอาใจใส่ในภาวะฟ้าฝนกระหน่ำ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยรับมือกับ ฝนที่เกิดขึ้นได้คือ การสังเกตเมฆบนฟ้า ที่เสมือนการเตือนล่วงหน้า

วันนี้ Teenee.com จะแนะนำวิธีการดูเมฆมาฝากนะคะ การดูเมฆไม่ใช่เรื่องยาก แต่อยู่ที่ความชำนาญ ซึ่งสถานที่ในการดูถือเป็นส่วนสำคัญ โดยพื้นที่เหมาะสมต้องอยู่ในพื้นที่โล่ง หรือบนตึกสูง ไม่ควรดูในพื้นที่ซึ่งมีตึกสูงล้อมรอบ เพราะจะทำให้เห็นเมฆบนผืนฟ้าไม่หมด

เมฆฝนที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดคือ
เมฆที่อยู่ในระดับต่ำบนผืนฟ้า ที่จะทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง โดยก่อตัวเป็นก้อนใหญ่ ซึ่งเมฆที่ก่อตัวเป็น แนวตั้ง (เมฆคิวมูโลนิมบัส) มีความอันตรายมากที่สุด เนื่องจากก่อให้เกิดลมกระโชกแรง และฝนตกอย่างหนัก ประกอบกับมีฟ้าผ่าเป็นอันตราย ต่อมนุษย์

เมฆก่อตัวในแนวตั้ง สามารถสังเกตด้วยตาเปล่าได้ โดยจะค่อย ๆ ก่อตัวสูงขึ้นคล้ายกะหล่ำปลี และยิ่งก่อตัวสูงเท่าไหร่จะเกิดฝนฟ้าคะนอง แรงขึ้นเท่านั้น การก่อตัวสูงของเมฆเกิดจากการเคลื่อนตัวของกระแสอากาศภายในเมฆที่ขึ้นและลง ซึ่งหากเมฆก่อตัวได้สูง ๆ จะทำให้เกิดลูกเห็บขนาดใหญ่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้

ช่วงกลางคืนสามารถสังเกตเมฆก่อตัวในแนวตั้งได้ด้วยการดูฟ้าแลบในกลุ่มก้อนเมฆ ถ้าฟ้าแลบในแนวตั้งมากกว่าแนวนอนแสดงว่า กลุ่มเมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาเรา แต่ถ้าฟ้าแลบ ในแนวนอนมากกว่าแนวตั้งแสดงถึงกลุ่มเมฆฝนเหล่านั้นกำลังเคลื่อนตัวไปจากพื้นที่ซึ่งเรายืนอยู่

การก่อตัวของเมฆในแนวตั้งจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง หากประชาชนเห็นการก่อตัวของเมฆเหล่านี้ควรเตรียมตัวเก็บข้าวของที่อยู่กลางแจ้งซึ่งจะเสียหายได้ ตลอดจนเตรียมอยู่ในอาคารหรือที่กำบังต่าง ๆ เพราะเมื่อเกิดฝนจะมีฟ้าผ่าถ้าอยู่กลางแจ้งอาจเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้

ถ้าเกิดฟ้าผ่าควรอยู่ในที่กำบัง เช่น อาคาร ไม่ควรอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งจะเป็นจุดเสี่ยงที่ฟ้าจะผ่า และควรถอดเครื่องประดับที่เป็นสื่อนำ เช่น ทองแดง ออกจากร่างกาย ตลอดจนดึงปลั๊กทีวีและเสาอากาศออก และปิดมือถือเมื่ออยู่กลางแจ้ง

"หากเมฆสูงเป็นริ้วเหมือนหางม้าแสดงว่า อากาศวันนั้นดี แต่ถ้าท้องฟ้าเหลือง แดงลมสงบให้เตรียมตัวเพราะไม่นานจะมีพายุฝนเกิดขึ้น"

การพยากรณ์ด้วยตาเปล่า....วิธีดูริ้วเมฆบอกฝน

ขณะเดียวกันปัจจัยทำให้เกิดฝนที่ไม่สามารถสังเกตด้วยตาเปล่า คือ

1.มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ นำความร้อนจากคาบสมุทรอินเดียมาไทย ส่วนใหญ่ตกในภาคใต้และภาคตะวันออก จะตกในช่วงบ่ายและค่ำ มีโอกาสที่จะก่อตัว เป็นเมฆในแนวตั้ง

2.ร่องมรสุม เกิดจากกระแสลม ฝั่งเหนือและใต้พัดเข้าหากัน จนมีการยกตัวของอากาศ ทำให้ฝนตกทั้งวันทั้งคืน แต่ ไม่มีลมแรง ถ้าเป็นมรสุมแรงจะเกิดฟ้าผ่าได้

3. พายุหมุนเขตร้อน เกิดจากพายุไต้ฝุ่น-ดีเปรสชัน-ไซโคลน ทำให้ฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างหลายจังหวัด ซึ่งถ้ามีการประสานของสองพายุจะทำให้มีความแรงขึ้น

"การดูเมฆเป็นการพยากรณ์อย่างง่าย ๆ ซึ่งเยาวชนควรสนใจ เพราะถ้าเรารู้จักสังเกตและดูปรากฏการณ์ ต่าง ๆ อย่างเข้าใจจะเป็นผลดีต่อตัวเอง เพราะการเดินทางหรือใช้ชีวิตประจำวันท้องฟ้าอากาศเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต ถ้าเรามีความรู้และเข้าใจจะทำให้การดำเนินชีวิตสะดวกขึ้น"

หลายคนมักบอกว่า ปีนี้แล้ง แต่จริงแล้วปริมาณฝนยังเท่าเดิม ปัญหาอยู่ที่การจัดการน้ำ เนื่องจากแต่ละปี ประเทศไทยเก็บน้ำไว้ใช้เพียง 40% ส่วนอีก 60% ปล่อยทิ้งทะเล ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรบริหารจัดการด้วยแนวทางที่ไม่ทำลายทรัพยากร

ฝนฟ้าอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากมีความเข้าใจ และการป้องกันคือวิถีทางหนึ่งที่ช่วยไม่ให้ทรัพย์สินต้องเสียหาย.



ที่มา สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา 
เรียบเรียงโดย ทีมงานทีนี่ดอทคอม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์