การรับประทานยาคุมกำเนิด

วิธีรับประทานยาคุมกำเนิด
ให้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดหลังจากเริ่มมีประจำเดือนไม่เกินวันที่ 5 ยิ่งเริ่มเร็วยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ก็ยิ่งเร็วขึ้น แพทย์มักแนะนำให้เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกภายในวันที่ 2-5 ของรอบประจำเดือน (ไม่แนะนำเริ่มในวันแรก เพราะวันแรกที่เลือดออกไม่แน่ใจว่าจะเป็นเลือดประจำเดือนจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นวันที่ 2-3 ก็มั่นใจ) โดยรับประทานยาวันละ 1 เม็ด เวลาใดก็ได้เป็นประจำ และควรเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกันในแต่ละวันเพื่อให้ความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดสม่ำเสมอ

ในกรณีที่รับประทานยาอยู่แล้วเกิดลืม ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ เช่น ถ้าลืมรับประทานยาตอนก่อนนอนนึกขึ้นได้  ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นให้รีบรับประทานยาทันที แล้วกลางคืนก็ให้รับประทานยาเม็ดต่อไป ถ้านึกขึ้นได้ตอนกลางคืนก็ให้รับประทานควบกันไปเป็น 2 เม็ด     

ถ้าลืมรับประทาน 2 วัน ก็ให้รับประทานควบกันเป็น 3 เม็ด หรือคืนละ 2 เม็ด 2 คืนติดกันแล้วคืนต่อไปก็รับประทานยาตามปกติ แต่ช่วง 4-5 วันหลังจากที่ลืมนี้ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อความมั่นใจประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดของยา   แต่ถ้าลืมเกิน 3 วัน ผลของยาคุมกำเนิดจะไม่ดี และมักจะทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติ จึงแนะนำว่าให้รับประทานวันละ 2 เม็ด ควรชดเชยไปจนครบที่ลืม อาจจะแบ่งรับประทานเช้า 1 เม็ด และ ก่อนนอน 1 เม็ด หรือก่อนนอน 2 เม็ด และในรอบนั้น ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย

บางคนเมื่อลืมรับประทานเกิน 3 วัน จะมีเลือดออกด้วย แนะนำให้รับประทานยาต่อไปจนหมดแผงในกรณีที่ยาเหลือไม่กี่เม็ดแล้วก็เริ่มแผงใหม่ตามปกติ แต่ถ้าเป็นกลางแผงแนะนำให้หยุดยา 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ระหว่างที่หยุดยาและรับประทานยาแผงใหม่ยังไม่ครบ 7 วันให้คุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย

สำหรับชนิดที่เป็นแบบแผงละ 21 เม็ดก็เริ่มรับประทานเรียงกันไปจนครบ 21 วัน ก็เว้นอีก 7 วัน พอวันที่ 8 ก็เริ่มรับประทานใหม่  วิธีสังเกต คือ ถ้าเราเริ่มรับประทานแผงแรกที่วันไหน เช่น เริ่มต้นที่วันพุธ แผงต่อไปก็จะเริ่มที่วันพุธเหมือนกัน ระหว่างช่วงที่เว้นรับประทานยา 7 วันนั้นจะมีประจำเดือนมา (มักจะเริ่มมาหลังจากหยุดยาแล้ว 3-4 วัน)

ถ้าเริ่มรับประทานแบบแผงละ 28 เม็ด ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดยา 7 วันเหมือนแบบชนิดแผงละ 21 เม็ด เมื่อรับประทานไปจนถึงส่วนที่เป็นยาหลอก 7 เม็ด จะมีประจำเดือนมาก็ให้รับประทานยาไปเรื่อยๆจนครบแผง แล้วก็เริ่มแผงใหม่ในวันต่อมาเลย

ยาทั้ง 2 ชนิดจะให้ประสิทธิภาพเท่ากัน เพียงแต่ชนิดแผงละ 28 เม็ดต้องรับประทานทุกวันเพื่อจะไม่ลืมรับประทานแผงใหม่หลังจากเว้นแผงเก่า ในระหว่างรับประทานยาคุมกำเนิดประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอและมาน้อยลง คนที่เคยมีอาการปวดประจำเดือนอาจจะทุเลาลง หรือหายปวดได้  ถ้ารับประทานยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องจะสามารถคุมกำเนิดได้เกือบ 100% มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.4% ต่อปี เมื่อรับประทานยาตามที่แนะนำมาดังกล่าวแล้วจะมีเพศสัมพันธ์กันวันไหนก็เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสตั้งครรภ์

ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด

ผลค้างเคียงของยาคุมกำเนิดที่พบบ่อย คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ไม่สบายเนื้อสบายตัว บวม น้ำหนักขึ้น เจ็บหน้าอก (อาการอื่นๆ ปลีกย่อยให้ดูในเอกสารกำกับยา) มักจะเป็นในระยะแรกๆ ของการเริ่มรับประทานยา (3 แผงแรก) ถ้าทนได้หลังจากนั้นก็จะคุ้นเคยกับยามากขึ้นไม่มีอาการอะไร

ผลเสียของยาคุมกำเนิด

1. อาจทำให้มีความผิดปกติของไขมันในเลือด 
2. การแข็งตัวของเลือดง่ายกว่าปกติ ไม่ดีสำหรับคนที่มีประวัติเคยมีเส้นเลือดดำอุดตัน
3. คนที่เป็นเนื้องอกมดลูก เนื้องอกเต้านม จะให้เป็นมากขึ้น
4. ยานี้จะถูกทำลายที่ตับ ถ้ามีโรคตับอยู่จะทำให้ตับอักเสบขึ้นได้

คนที่ไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิด

1. มีไขมันในเลือดสูง มีความดันโลหิตสูง
2. มีประวัติเส้นเลือดอุดตันในเส้นเลือดดำ
3. มีก้อนที่เต้านมไม่ทราบสาเหตุ เป็นมะเร็งเต้านม
4. เนื้องอกมดลูก
5. เป็นโรคตับ ตับทำงานไม่ดี
6. อายุมากเกิน 45 ปีขึ้นไป

การรับประทานยาคุมกำเนิด

ขอบคุณที่มาจากเว็บ : tinyzone


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์