การใช้ชีวิตเมื่อคุณอายุ 50 ปี

        เอาล่ะ ขอบอกก่อนว่านี่คือวัยเตรียมเกษียณ มันถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเปลี่ยนความคิดและการกระทำ..เพื่อเกษียณและมีความสุข

มาคุยเรื่องงานกันก่อน ซึ่งสิ่งที่อยากจะบอกก็คือ"ลดการทำงานหนักได้แล้ว" เพราะถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน การทำงานจนอายุ 50 ถ้าไม่ได้เป็นผู้บริหาร แสดงว่าเจ้านาย"ไม่เห็น"คุณ อย่าเสียสุขภาพไปกับการทำงานหนักอีกเลย ใช้เวลาดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นดีกว่า เพราะถ้าคุณทำงาน"เข้าตา"เจ้านาย คุณไม่นั่งตำแหน่งธรรมดาจนถึงวันนี้หรอกถึงวันนี้ ไม่ต้่องทำงานหนักมาหรอก คุณเป็นอะไรไป บริษัทเสียพนักงานแก่ๆไป 1 คนแต่ครอบครัวคุณ..สูญเสียอะไรมากมายแต่หากคุณเป็นคนที่เจ้านาย"เห็น"และกลายเป็น"ผู้บริหาร" คุณอาจจะต้องคิดอีกแบบ ทำอีกอย่าง

สำคัญที่สุดคือ"จัดสรรเวลา" เพราะหน้าที่คุณคือ"แก้ปัญหา" ดังนั้น จึงต้อง"คิด"แล้ว"มอบหมาย"ให้คนอื่นไปทำ ...ส่วนคุณน่ะ เอาเวลาไปให้กับครอบครัวและสุขภาพตัวคุณเองเข้าใจว่าเป็นผู้บริหารอาจจะเลี่ยงงานเลี้ยงไม่ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าจนเลิกงาน ...ทุกงานส่วนใครที่เป็นเจ้าของกิจการ ก็ลองคุยกับลูกๆ ว่าอยากรับ"มรดก"และเป็ร"เจ้าของธุรกิจ"ของคุณไหม ถ้าเขาอยากทำต่อก็สอนและมอบงานให้เขา ถ้าเขาไม่ชอบ คุณก็หาผู้ช่วยหรือมือขวาที่ไว้ใจได้ เพื่อให้มันเป็นเครื่องผลิตรายได้ให้คุณต่อไป อย่าไปคาดหวังหรือบังคับให้ลูกเป็นคนรับภาระนี้ ให้เขาเลือกทางเดินชีวิตเขาเองจะดีทั้งเขาและคุณ..เมื่อลูกหรือลูกน้องรับไม้ต่อ ...คุณก็ทำงานให้น้อยลง...หยุดใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยและคิดถึงการเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณขอบอกตามตรงนะ ..ถ้าเพิ่งคิดตอน 50 นี่มันสายไปแล้วล่ะ ..อืมมม....ถ้ามองในแง่ดีก็ต้องบอกว่า ก็ยังดีที่คิดได้แต่ในวัย 50 หยุดลังเลเกี่ยวกับเรื่องงานได้แล้ว เพราะมาถึงวันนี้ แสดงว่าคุณ(น่าจะ)มีงานที่มั่นคง และเป็นงานที่คุณรักจริงๆ เพราะถ้าคุณไม่รักมัน คุณคงไม่ทนทำจนถึง 50 ที่สำคัญ วัย 50 นี่มันคงช้าเกินไปที่จะหางานใหม่ ..ยกเว้นงานที่คุณอยากทำจริงๆ ไว้ทำหลังเกษียณ

ส่วนคุณที่เป็นข้าราชการ วัย 50 ถ้าคุณเป็นข้าราชการธรรมดา ก็แสดงว่าคุณมีความมั่นคงและมีเวลาว่างพอสมควรแล้ว เลิกคิดเรื่อง"เลื่อนตำแหน่ง"ดีกว่า เพราะถ้าคุณอยู่ใน"สายตาผู้ใหญ่" คุณขึ้นลิฟท์ในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุ 40 แล้ว ไม่ใช่เดินขึ้นบันไดทีละขึ้นมาจนอายุ 50 แต่ถ้าคุณเป็นข้าราชการระดับสูง สิ่งแรกที่ต้องคิดก็คือ"สุจริต" เพราะตำแหน่งหน้าที่ในวัยนี้มันมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจมากมาย อย่าให้ต้องไปใช้ชีวิตวัยเกษียณในคุกหรือเดินขึ้นโรงขึ้นศาลเลย...มันไม่สนุกจริงๆ เชื่อเถอะ ถึงผมไม่มีประสบการณ์ แต่อ่านข่าวก็รู้  งั้น 50 คืออะไร คำตอบของผมก็คือ นี่คือวัยเอาใจใส่ดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับคนวัย 50 ก็เป็น 2 อ. คืออาหารและออกกำลังกาย

ผมเขียนไว้เสมอ 2 อย่าง คือกินอาหารให้เป็นยา จะได้ไม่ต้องกินยาเป็นอาหาร แล้วก็ สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง นั่นหมายถึง คุณต้องหยุด"ทำร้ายตัวเอง" ไม่ว่าจะเป็นการเมาค้าง สูบบุหรี่ อดนอน กินอาหารขยะ แม้แต่ขับรถเร็ว ..เลิกซะ แล้วหันมาดูแลร่างกายด้วยการออกกำลังกาย ถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกายมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาวแล้ว วันนี้ก็อย่าปฏิเสธการออกกำลังกายอีกต่อไป ร่างกายคุณมันร่วงโรยแล้ว ควรหันมาใส่ใจกับการออกกำลังกายจริงจังเสียที จะเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน เข้าฟิตเนสส์..เลือกตามความถนัด ความชอบและความเหมาะสม

มีเวลาว่างก็เดินทางท่องเที่ยวบ้าง อย่ารอจนแก่เกินเดินแล้วอยากไป อันนั้นเป็นภาระคนอื่นไม่ดีแน่ๆที่สำคัญ คือเลิกสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ไอ้เรื่องผมหงอก ผมบาง สายตายาว ตีนกา หรือรอยย่นทั้งหลาย มันบอกทุกคนว่าคุณผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน จงภูมิใจและยอมรับมัน เพื่อรับความแก่อย่างสง่างาม เพราะในวัยนี้ เด็กรุ่นใหม่ที่มาทำงานร่วมกับคุณ จะเรียกคุณว่าลุงหรือป้า ถ้ากลับบ้าน เด็กๆแถวบ้านอาจจะเรียกคุณตาคุณยาย..ส่วนชีวิตประจำวัน ก็จงใช้เวลาในโลกจริงมากกว่าโลกเสมือนจริงหรือ Social Network ที่ควรจะเหลือแค่ใช้ติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆผ่าน FB หรือ Line และหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์

ใช่ครับ อย่าหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่คุณอาจจะพลาดมาเพราะทำงาน(หนัก) อายุขึ้นเลข 5 ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ลองคบหาสมาคมและเป็นเพื่อนกับเด็กรุ่นใหม่บ้าง จะเป็นคนที่เจอในสวนสาธรณะที่คุณไปวิ่ง เส้นทางจักรยานที่คุณไปปั่น หรือโรงยิมฯที่คุณไปเล่นฟิตเนสส์ เพราะทำให้คุณเข้าใจสังคมปัจจุบันมากขึ้นใครที่มีครอบครัว ก็ใส่ใจดูแลคู่ชีวิตและลูกของคุณให้มากขึ้น พวกเขาคือคนที่หวังดีกับคุณโดยไม่มีเงื่อนไข ส่วนคนโสด วัยนี้ไม่ง่ายที่จะหาคู่ชีวิตที่รักตัวคุณมากกว่าเงินในกระเป๋าของคุณ


วัย 50 ไม่ใช่วัยที่จะมานั่งคิดถึงความล้มเหลวที่ผ่านมา มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายโดยคิดเสมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณ แต่ลงมือทำราวกับคุณจะยังมีอายุยืนยาวถึงแปดสิบ 
กราบขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณพี่น้อง ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย...ที่ทำให้ทุกวันและทุกวัยมีความหมาย

เขียนโดยแรงบันดลใจจาก@ติดปีกชีวิต พิชิตความสำเร็จ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Fuckyou


การใช้ชีวิตเมื่อคุณอายุ 50 ปี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์