กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่ง

กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่ง


            อจจยนติ อโหรตตา         วันคืนผ่านไป

            ชีวิตํ อุปรุชฌติ                ชีวิตวัยก็ร่นเข้ามา

            อายุ ขียติ มจจานํ            อายุใกล้สุดสิ้น

            กุนนทีนํว อุทกํ                ดุจชลสินธุ์ในกุนนที

วันเวลาล่วงไปตามลำดับ

จากวินาทีเป็นนาที จากนาทีเป็นชั่วโมงจากชั่วโมงเป็นวัน จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปีไม่มีสิ่งใดอยู่นอกเหนือกาลเวลา ดังพุทธวจนะตรัสไว้ว่า “กาลเวลาย่อมกลืนกินทุกสิ่งสรรพ์ รวมทั้งตัวมันเองด้วย”

ชีวิตและอายุของสัตว์ทั้งหลายก็เสื่อมสิ้นไป

ตั้งแต่วินาทีแรกที่ถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา พรางตาให้คนหลงไปว่าเป็นการเจริญเติบโต แต่ผู้รู้เรียกอาการอย่างนี้ว่า “วัย” หมายความว่า เสื่อมสิ้นไป

ที่เข้าใจกันว่าเรากำลังเจริญวัยนั้น แท้ที่จริงเรากำลังเสื่อม

เรากำลังก้าวเดินไปสู่ความตายทีละก้าวๆ ในที่สุดก็จะถึงจุดดับสลาย ประดุจสายน้ำน้อยนิด ถูกแสงอาทิตย์แผดเผา ค่อยๆ เหือดแห้งไปในที่สุด

 พระพุทธองค์ตรัสว่า

ชีวิตนั้นสั้นนิด ทุกชีวิตเกิดมาแล้วต้องตายหนุ่มก็ตาย แก่ก็ตาย โง่ก็ตาย ฉลาดก็ตาย รวยก็ตาย จนก็ตาย ทุกคนล้วนต้องตาย จะตายวันตายพรุ่ง ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า

                   เห็นหน้าอยู่เมื่อเช้า        สายตาย

                   สายอยู่สุขสบาย           บ่ายม้วย

                   บ่ายรื่นชื่นรวยราย         เย็นดับ ชีพนอ

                   เย็นเล่นกับลูกด้วย        ค่ำม้วยอาสัญ 
               

สัจจะแห่งชีวิตเป็นเช่นนี้

พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เข้าใจตามเป็นจริงจึงไม่ควรนิ่งมัวประมาท รีบทำกิจที่ควรทำด้วยความสามารถเสียแต่บัดนี้ก่อนที่จะไม่มีเวลา
  รู้ว่าชีวิตนี้น้อยนิด แล้วคิดทำแต่สิ่งชั่ว เกลือกกลั้ว แต่สิ่งเลวทรามคนเช่นนี้เขาประณามว่า “โง่เขลา”  รู้ตัวว่ามีเวลาอยู่ในโลกนี้ไม่มาก บากบั่นสร้างสรรค์ แต่คุณงามความดี คนเช่นนี้เรียกว่า “คนฉลาด” โปรดรำลึกไว้เสมอว่า “เกิดมาทั้งที ทำดีให้ได้ จะตายทั้งที ทำดีฝากไว้”

จาก “สัมผัสพระพุทธเจ้าด้วยใจ ใน...สายธารธรรม”
โดย รศ.เสฐียรพงษ์  วรรณปก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์