ขี่ม้า-ล่องเรือ รอบแก่งกระจาน

ขี่ม้า-ล่องเรือ รอบแก่งกระจาน


ผจญ ภัยในอ้อมกอดขุนเขา-ทะเลสาบ

          อำเภอแก่งกระจาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดเพชรบุรี มีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน จึงมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานา ชนิด อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ไทยด้วย สร้างความรื่นรมย์ให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้เสมอ

          จากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจึงก่อเกิด "หมู่บ้านต้นแบบการเรียนรู้" โดย ศูนย์เรียนรู้ชุมชนอำเภอแก่งกระจาน ณ หมู่บ้านน้ำทรัพย์ นี้ถือเป็นแหล่งรวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่รณรงค์ให้คนในชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทุกคนในชุมชนยังน้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวมาปรับใช้ในการดำรงชีพอยู่อย่างพอเพียง จนได้รับคัดเลือกเป็น "หมู่บ้านท่องเที่ยว OVC" (OTOP VILLAGE CHAMPION)

          นอกจากศูนย์ชุมชนบ้านน้ำทรัพย์แห่งนี้จะเป็นหมู่บ้านต้นแบบแห่งการเรียนรู้ ในด้านต่าง ๆ แล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย ให้เราเพลิดเพลินด้วยการขี่ม้ารอบ หมู่บ้านและชมความงามท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ สูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายรอบเขื่อนแก่ง กระจาน ชูชาติ วรรณขำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านน้ำทรัพย์ บอกว่า ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวจะขี่ม้าไม่เป็นก็ตาม แต่สามารถฝึก  ได้เพียงใช้เวลาไม่นาน โดยม้าที่

          จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวขี่ชมธรรมชาติ และตามฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ มีทั้งหมด 12 ตัวเป็นม้าของศูนย์ฯ และของชาวบ้านที่นำมาฝึกให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นพาหนะ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในการประหยัดน้ำมันและสร้าง รายได้ ให้แก่ชาวบ้านในชุมชน หากใครสนใจอยากทดลองขี่ม้ามีเจ้าหน้าที่คอยสอนให้ตั้งแต่วิธีการขึ้นขี่ วิธีบังคับม้า จนกระทั่งขี่เป็นและขี่ออกไปชื่นชมธรรมชาติได้ คิดชั่วโมงละ 500 บาท เชื่อว่าใช้เวลาในการฝึกไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถขี่ม้าออกไปชมธรรมชาติรอบ ๆ แก่งได้อย่างสนุกสนานแล้วเพราะม้าที่นำมาให้บริการเป็นม้าที่ฝึกฝนมาอย่างดี และเชื่องมาก

          "เจ้าอ้อ" เป็นม้าที่เชื่องมากทีเดียว เพราะเราใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถขี่บังคับเจ้าอ้อฉายเดี่ยวได้อย่าง สบายโดยที่เด็กฝึกไม่ต้องเดินตามมาคอยบังคับให้ เพียงดึงเชือก 2 เส้น ที่คล้องม้าอยู่แล้วกระตุกพร้อมกันเป็นสัญญาณบอกให้ม้าหยุดเดิน แต่ถ้าอยากให้ม้าเดินก็ใช้ส้นเท้าสองข้างกระแทกข้างลำตัวม้าพร้อม ๆ กัน ม้าก็จะพาเดินไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงทางเลี้ยวซ้าย-ขวา ก็กระตุกเชือกข้างนั้น ม้าก็จะพาเลี้ยวไปตามทาง รู้สึกว่าง่ายกว่าขับรถเสียอีก แต่บังเอิญเราตื่นเต้นมากไปหน่อยกระตุกเชือกไม่หยุด (มือสั่น) เจ้าอ้อเลยพาเดินวนซะเวียนหัว
 

      


ขี่ม้า-ล่องเรือ รอบแก่งกระจาน




หลังจากขี่ม้ากันจนเหนื่อยแล้วมา "ล่องเรือในทะเลสาบ" ชมกระชังเลี้ยงปลาของชาวบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูสัตว์น้ำหน้าบ้านของบ้านน้ำทรัพย์ สำหรับอ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่า 30,250 ไร่ เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขาจนกลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยกลางผืนน้ำกว้างใหญ่ที่โอบ ล้อมด้วยธรรมชาติของทิวเขา จึงเหมาะแก่การนั่งเรือเที่ยวชมเกาะแก่งและทิวทัศน์ท่ามกลางแสงรำไร สีส้มอมฟ้า บรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดงได้อย่างงดงาม

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีพื้นที่กว่า 1 ล้าน 8 แสนไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยอุทยานแห่งนี้จะได้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ในอนาคต ด้วยสภาพผืนป่าที่กว้างใหญ่อากาศเย็นสบายตลอดปี จึงเป็นที่นิยมของนักท่องดูนก ดูผีเสื้อและผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัยมักจะมากางเต็นท์ พักแรมในป่า คืนนี้เราจึงพักกางเต็นท์นอนที่ "หน่วยพิทักษ์แม่ เสลียง (โป่งลึก)" บนอุทยานฯ เมื่อรับประทานอาหารฝีมือชาวบ้านเสร็จแล้วรีบมุดเต็นท์เข้านอนเพราะข้างบน นี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ หากหมดแสงจากเทียนที่จุดไว้แล้วป่านี้ก็จะมืดมิด

ค่ำนี้ขอนอนพักกายหลับตาลงใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ และดวงดาวส่องแสงรำไร เคล้าคลอเสียงสัตว์ร้องและลมพัดผ่านกระทบเต็นท์กระเพื่อมเป็นระยะ ๆ ความเย็นจากลมเล็ดลอดผ่านตามช่องระบายอากาศมากระทบผิวให้โหยหาไออุ่นจากคน นอนข้าง ๆ คืนนี้ช่างแสนยาวนานเสียจริง

เสียงนกร้องยามเช้าออกหาอาหารท่ามกลางหุบเขาปลุกให้เราตื่นขึ้นมาผจญภัยกัน ต่อด้วยการ "ล่องแก่งแม่น้ำเพชร" ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งต้นน้ำจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมล่องแก่งชมธรรมชาติของสองฟากฝั่งแม่น้ำ เพชร เราเริ่มล่องแพไม้ไผ่ด้วยการใช้ไม้ถ่อตามกระแสน้ำไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นแม่น้ำไปจนถึงศูนย์ศิลปาชีพโป่งลึก เพื่อ ชมวิถีชีวิตของชาวกะหร่างบ้านโป่งลึก ที่พักอาศัยอยู่ในป่าลึก มีรายได้เลี้ยงชีพจากการทอผ้าและปักผ้า

โดยสมเด็จพระนาง เจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ในการช่วยเหลือประชาชนบ้านบางกลอยและบ้านโป่งลึกพร้อมพระ ราชทานเงินช่วยเหลือ ทางอำเภอแก่งกระจานจึงได้จัดทำโครงการศูนย์ศิลปาชีพบ้านบางกลอย-โป่งลึกขึ้น มีวัตถุประสงค์ในการฝึกอาชีพทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย และการปักไหมบนผ้าเป็นลวดลายต่าง ๆ ให้กับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อเป็นรายได้อย่างยั่งยืน

การมาท่องเที่ยวครั้งนี้ จึง ได้รับความสนุกสนานหลากหลายรูปแบบอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้า ล่องเรือ เดินป่า ล่องแก่ง พร้อมกับซึมซับวิถีชีวิตของชาวกะหร่างในป่าลึกรวมทั้งทัศนียภาพและบรรยากาศ ที่เราไม่เคยได้สัมผัสเช่นนี้ในเมืองกรุง กลับไปเป็นความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม และพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อชักชวนนักท่องป่าเขาลำเนาไพร ลองไปผจญภัยกันสักครั้งหนึ่งในชีวิต

สีสันรายทาง

การเดินทาง

เส้นทางที่สะดวกและใกล้ที่สุด หากเดินทางด้วยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และอำเภอปากท่อ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปจังหวัดเพชรบุรี รวมระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร หรือจากกรุงเทพฯ ใช้ทาง หลวงหมายเลข 4 ผ่านนครปฐม ราชบุรี ไปยังเพชรบุรี เป็นระยะทาง 166 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งสายใต้ กรุงเทพฯ รถโดยสารธรรมดาออกทุก 25 นาที รถปรับอากาศออกทุก 45 นาที เดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพฯ (สถานีหัวลำโพง) และสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) มีไปเพชรบุรีทุกวัน

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์