ข้อคิดธรรมะ


บางคนมีชีวิตขึ้นกับสายตาของคนอื่น
ไม่เชื่อมั่นในวิจารณญาณของตนเอง
มักคิดเสมอว่า...ถ้าเราพูดเช่นนี้ ทำอย่างนี้
ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้ คบเพื่อนคนนี้ ใช้ของยี่ห้อนี้
แล้วคนอื่นจะมองเราอย่างไร
คนประเภทนี้ ทั้งชีวิตแทบไม่มีช่องว่างให้ความสุข
ได้เล็ดลอดเข้ามาในผืนแผ่นดินใจเลย เพราะ...
ใช้ชีวิตตามที่สังคมคาดหวัง...
เกรงว่าถ้าไม่แสดงตนอย่างที่คนทั่วไปคาดหวัง..
จะถูกลดความสำคัญลง
สายตาของคนอื่นจะคอยจับเราเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนสูญเสียความเป็นตัวเอง
วีธีที่จะเอาชนะความทุกข์นี้คือหัดลดความสำคัญกับสายตาของคนอื่น
ควรรู้จักพูดว่า "ช่างมันฉันไม่แคร์" ในบางเวลา ในบางสถานการณ์


คนที่ทุกข์เพราะทำงานแล้วเจ้านายไม่เห็นคุณค่า
ต้องนึกถึงความไม่เที่ยง
วันนี้เขาไม่เห็นคุณค่า..แต่พรุ่งนี้อาจไม่ใช่
ส่วนคนที่ได้รับคำชมเชย
จำไว้มันไม่เที่ยง
คนที่ชมเราวันนี้อาจเป็นคนเดียวกับคนที่ตำหนิเราวันหน้า


ไฟที่เกิดจากกองเพลิงธรรมดา
ไหม้ได้อย่างดีสุดก็แค่ชั่วฟีนหมด
แต่ไฟแห่งความริษยาที่เราก่อขึ้นในใจ
ถ้าไม่ได้น้ำแห่งธรรมะมาดับ
บางทีล่วงลับข้ามภพไปยังดับไม่ได้
ก่อนนอนทุกคืน.... คุณโยมควรปลดสลักความรุนแรงในใจเรา
เราริษยาใคร.. โกรธใคร.. เราแค้นใคร... แผ่เมตตาให้เขาซะ

เพราะถ้าเรายังโกรธ ยังริษยา เมื่อนั้นมันคือระเบิดเวลา
ที่จะทำลายโมงยามแห่งความสุขทุกคืนวันไม่จบไม่สิ้น

สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย
ไม่ได้เป็นไปตามที่บนบานศาลกล่าว
หากโลกนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้คนสมปรารถนา
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง โลกนี้จะเหลือใครบ้างที่เป็นคนผิดหวัง
หลักของความจริงสากลมีอยู่ว่า..
ทุกสิ่งทุกอย่างไหลไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
ทางพระเรียกอนิจจัง
ถ้าเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง..
ซึ่งถือว่าเป็นกฏธรรมชาติ
เราถึงได้เป็นทุกข์


จาก ธรรมะโมบาย โดย ว. วชิรเมธี


ข้อคิดธรรมะ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์