ข้าวตอกพระร่วง ของศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงอธิษฐานจากพระร่วงเจ้า

ข้าวตอกพระร่วง ของศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงอธิษฐานจากพระร่วงเจ้า


ข้าวตอกพระร่วง ข้าวสารพระร่วง ของศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงอธิษฐานจากปากพระร่วงเจ้าท่านใดมีไว้จะเจริญด้วยโภคทรัพย์ทั้งปวง มีกินมีใช้ไม่อด ติดตัวไปซี้อง่ายขายคล่อง บูชาไว้ที่บ้านเป็นศิริมงคลแก่ตนและครอบครัว

"ข้าวตอกพระร่วง และ ข้าวสารพระร่วง"เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มีความแข็งคล้ายหิน มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส และผืนผ้าเป็นทรงเลขาคณิตเกิดขึ้นเองโดยตามธรรมชาติ มีสีดำ สีดำปนน้ำตาล สีดำปนเงิน สีดำปนทองฝังอยู่หิน หรือมีลักษณะเป็นเม็ดข้าวสารอัดกันเรียงตัวอยู่ในหิน เมื่อนำมาเจียรนัยเป็นเครื่องประดับจะมีเงามันสวยงาม มักจะพบบริเวณเขาพระบาทใหญ่ จ.สุโขทัย และเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่ขุดพบข้าวตอกพระร่วง


"ข้าวตอกพระร่วง หรือ ข้าวสารพระร่วง"ชาวสุโขทัยเชื่อว่าเป็นสิ่งของที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากแรงอธิษฐานของพระร่วงเจ้า ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งเมืองสุโขทัย คือพระร่วงเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อท่านนั้นได้เปล่งวาจาสิ่งใดออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ครั้งหนึ่งได้มีขอมมาตามหาพระร่วง ขณะนั้นพระร่วงได้ทำการกวาดใบไม้แห้งอยู่ที่ลานวัดพอดีขอมได้โผล่ขึ้นมาแล้วถามถึงพระร่วง ขอมผู้นั้นไม่ทราบว่ากำลังพูดอยู่กับพระร่วง พระร่วงจึงได้เอยวาจาว่า เจ้าจงอยู่ที่นี่เถอะจากนั้นขอมผู้นั้นกลายเป็นหินอยู่ตรงนั้น นี่เป็นคำวาจาศักดิ์สิทธิ์ของพระร่วงที่เชื่อกันมาจนถึงปัจจุบันพระร่วง ในขณะนั้นได้ทรงออกผนวชเป็นพระภิกษุ และได้ออกบิณฑบาตในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว เมื่อท่านได้ฉันภัตรหารเสร็จและยังเหลือข้าวอยู่ที่ก้นบาตรพร้อมด้วยข้าวตอกดอกไม้ พระร่วงท่านจึงได้นำไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วได้ทรงอธิษฐานว่า"ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่งและมีอายุยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครนำไปบูชาขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและแคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง"เมื่ออธิฐานเสร็จพระร่วงจึงทำการหว่านลงบริเวณลานวัด ทันใดนั้นเองอาหารและเครื่องสักการะเหล่านั้นได้กลายเป็นหินเม็ดสี่เหลี่ยมเล็กบ้างใหญ่บ้างจมลงบนพื้นดินอานุภาพของข้าวตอกพระร่วงและข้าวสารพระร่วงเด่นในทางด้านโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย


ผู้เชี่ยวชาญในทางด้านธรณีวิทยา ได้ตรวจสอบและพบว่าเป็นแร่มีชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า"แร่ไพไรต"และยังมีลักษณะคล้ายกันมีข้าวสารที่กลายเป็นหินฝังอยู่ เรียกว่า"ข้าวสารพระร่วง"หินทั้งสองชนิดนี้เล่าลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ และยังหินไปฝนกับแผ่นกระเบื้องบดหยาบๆนำน้ำฝนหยดลงจากนั้นนำมาทาบริเวณที่ถูกสัตว์มีพิษต่อย ก็จะหานจากอาการเจ็บป่วย ผู้เฒ่าผู้แก่ยังมีความเชื่อในเรื่องของความเมตตา มหานิยม โดยเอามาบดผสมกับสีผึ้งทาปาก เรียกติดปากว่า"อมกัน"นิยมกันมากว่ามีเมตตามหานิยมมากยิ่งขึ้น

หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี2518 และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ เมตามหานิยม แคล้วคลาด และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์