ครม.อนุมัติงบ 2,650 ล้านช่วยน้ำท่วม

ครม.อนุมัติงบ 2,650 ล้านช่วยน้ำท่วม

         คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินงบประมาณ 2,650 ล้านบาท ช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยเฉพาะหน้า พร้อมกระจายงบประมาณอีก 1,400 ล้านให้กระทรวงต่างๆ รับผิดชอบช่วยเหลือประชาชน แต่คณะรัฐมนตรี ยังไม่มีการพิจารณาการเพิ่มเงินเยียวยาผู้ประสบภัยเพิ่มเติมตามที่มีประชาชนร้องขอ โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษารายละเอียดการเพิ่มเงินเยียวยาผู้ประสบภัยก่อน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาข้อเสนอการปรับเพิ่มอัตราการเยียวยาให้กับผู้ประสบภัยเหนือคันกั้นน้ำ โดยนายกรัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการดำเนินการ สำหรับมติคณะรัฐมนตรีที่ได้อนุมัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไปก่อนหน้านี้ ในกลุ่มของประชาชนทั่วไป นอกจากจะได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 5,000 บาทต่อครัวเรือนแล้ว ยังสามารถขอรับเงินชดเชยเพิ่มเติม โดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จะมอบเงินในกรณีที่บ้านเสียหายทั้งหลังให้อีกไม่เกิน 30,000 บาท บ้านเสียหายบางส่วนไม่เกิน 20,000 บาท

ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพจะได้รับการช่วยเหลือครอบครัวละไม่เกิน 10,000 บาท และกองทุนช่วยเหลือเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะช่วยค่าวัสดุก่อสร้างมูลค่า 240,000 บาทต่อหลัง กรณีบุคคลเสียชีวิตจะได้รับความช่วยเหลือค่าจัดการศพ กรณีบุคคลทั่วไป 25,000 บาท หัวหน้าครอบครัว 50,000 บาท และกองทุนช่วยเหลือเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ยังให้เงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 50,000 บาทต่อราย โดยผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ที่หัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต พิการ หรือบาดเจ็บจะได้รับค่าใช้จ่ายในการหาสิ่งจำเป็น เช่น รถเข็น รถโยก ไม้เท้า วงเงินไม่เกิน 5,000 บาทต่อครอบครัว

ขณะที่นักเรียน นักศึกษา ที่ผู้อุปการะเสียชีวิตจะได้รับค่าอุปกรณ์การเรียน 3,000 บาทต่อคน และค่าใช้จ่ายตามภารกิจประจำวันอีกคนละ 500 บาท แม้ขณะนี้จะยังไม่พิจารณาเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในหลักการที่จะดูแลทุกพื้นที่โดยเฉพาะการฟื้นฟูเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึง

สำหรับมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปัญหาอุทกภัย คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณงบกลางประจำปี 2555 ให้จังหวัดจ่ายเงินช่วยประชาชนที่ ตามหลักเกณฑ์วงเงิน 2,650 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นจังหวัดที่ไปช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม กรุงเทพมหานคร รวม 25 จังหวัด จำนวน 1,250 ล้านบาท และหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนจำนวน 1,400 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังเห็นชอบหลักการฟื้นฟูเยียวยา ตามที่คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย หรือ กฟย.เสนอช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบอุทกภัยทั้ง 58 จังหวัด ในวงเงินงบประมาณจำนวนกว่า 45,400 ล้านบาท โดยเห็นชอบในหลักเกณฑ์ดังนี้ 1.ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วน โดยเน้นไปในส่วนบำรุงซ่อมแซม 2.ไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจพื้นที่ที่ทำไปแล้ว 3.สามารถทำเสร็จได้เร็วภายใน 1 ปี 4.พร้อมทำทันทีตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติ และ 5.ให้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับเป็นหลัก

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้รับทราบผลการดำเนินงานฟื้นฟูและป้องกันนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการ และสวนอุตสาหกรรมจากภาวะน้ำท่วม โดยนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมบางชัน สถานการณ์ได้คลี่คลายไประดับหนึ่ง ระดับน้ำโดยรอบนิคมฯทั้ง 2 แห่งได้ลดลงตามลำดับ โดยภาพรวมแล้วโรงงานส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดดำเนินการได้อีกครั้งปลายเดือนธันวาคม และส่วนน้อยเปิดในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า

ส่วนโรงงานในเขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟ็คตอรี่แลนด์มีโรงงานเปิดดำเนินการแล้ว คิดเป็นร้อยละ 31.2 ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินคาดว่าโรงงานบางส่วน 60-70 รายจากทั้งหมด 90 ราย จะเริ่มประกอบการได้ครึ่งแรกของเดือนธันวาคม และในวันที่ 16 ธันวาคมน่าจะดำเนินการได้ครบทุกราย

ด้านนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า หรือนิคมไฮเทคขณะนี้ยังสูบน้ำอยู่ คาดว่าจะจัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ได้วันที่ 28 พฤศจิกายน และอาจมีบางโรงงานสามารถประกอบกิจการได้ตั้งแต่ 16 ธันวาคม ส่วนเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ในวันที่ 1 ธันวาคม จะเข้าทำความสะอาดได้ และกลางเดือนธันวาคม จะซ่อมแซมสาธารณูปโภค จากนั้นโรงงานบางส่วนจะเริ่มประกอบการได้

ขณะที่สวนอุตสาหกรรมนวนครคาดว่าจะสูบน้ำเสร็จในวันที่ 10 ธันวาคม และเข้าทำความสะอาดโรงงานได้แล้วเสร็จประมาณ 25 ธันวาคม และเข้าซ่อมแซมสาธารณูปโภคได้ 15 มกราคม แต่แม้จะยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ แต่ปัจจุบันมีโรงงาน 2 แห่ง ดำเนินการผลิตแล้ว จากที่มีทั้งหมด 227 ราย

สำหรับสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ระดับน้ำภายในและภายนอกนิคมฯยังสูงอยู่ คาดว่าจะสูบน้ำเสร็จ 8 ธันวาคม และทำความสะอาดโรงงานเสร็จ 13 ธันวาคม ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครยังไม่สามารถสูบน้ำออกจากนิคมได้ เนื่องจากน้ำยังท่วมสูงอยู่ในพื้นที่นิคมฯ 1.56 เมตรและน้ำ ภายนอกนิคมอยู่ที่ 1.86 เมตร

ส่วนการหารือร่วมกันระหว่างนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย นายยงยุทธ ได้ยืนยันถึงการเร่งสำรวจพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร เพื่อมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติม โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือแบบขั้นบันได กรณีที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง 30,000 บาท บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 10,000 บาท ซึ่งคาดว่า จะใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่าไม่มีกรอบเวลาตายตัวในการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือ

ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวเสริมว่า ผู้ประสบภัยไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานภาพถ่ายหรือใบแจ้งความในการเบิกเงินช่วยเหลือ นอกจากกรณีจำเป็น เช่น การอาศัยบ้านเช่า เพื่อลดขั้นตอนให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ กทม.จะพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อยู่เหนือแนวคันกั้นบิ๊กแบ็กเพื่อให้ได้รับเงินเยียวยาเพิ่มเติม