ความดีเขียนไว้ในที่มืด ยังมีคุณค่ายิ่ง

มองบุญที่ใจตัวเองให้ออก แล้วจะเป็นสุขมองบุญที่ใจตัวเองให้ออก แล้วจะเป็นสุข


ความดีเขียนไว้ในที่มืด ยังมีคุณค่ายิ่ง

         
ชีวิตเราทุกคนมีทั้งดีและชั่วอย่างปุถุชนคนทั่วไปเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่เราทำความดี “จะอยู่ในที่มืดหรือสว่าง” ก็คงเป็นความดีอยู่นั่นเอง เมื่อใดเรายอมรับได้ว่า “ความดีที่ทำในที่มืดมีคุณค่ายิ่ง” เมื่อนั้นเราทำดีอย่างไม่ต้องรอให้ใครสรรเสริญได้แล้ว ความประเสริฐในใจมันเกิดขึ้นเหนือความดีทั้งหมด หากเราเคยทำผิดพลาดมาในอดีต มีสติ..มีความรู้สึกตัว พยายามปรับปรุงแก้ไขตนเอง เราก็ได้ชื่อว่า “เป็นผู้กลับตัวกลับใจ.. ใฝ่ดีได้” นี่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการทำความดี

         
วันนี้ (๐๗-๒๕๕๓) ผู้เขียนได้คุยกับคุณผู้หญิงคนหนึ่งจบปริญญาเอก เรียนเก่งมาก เพราะพอทำงานกลับขาดความอดทน สู้งานไม่ได้ พอเวลาใช้ชีวิตจริงกลับไม่เหมือนในตำรา ไม่ประสบความสำเร็จ ตรงนี้ทำให้เตือนสติได้ว่า อันว่า ยึดติดนี้ ไม่มีใครแก้ให้กันได้ แต่ลดลงได้... แล้วตนเองต้องแก้ด้วยตนเองเพราะคนที่ยึดติดในความรู้ร่ำเรียนมามากมาย แล้วก็แบกมันไปทุกที มันเหนื่อยจริงๆ

         
หากใจเราละเลยความจริงบางสิ่งไป ขาดสติ ปล่อยจิตใจไปตามทิศทางต่างๆ พลาดท่าเสียทีกระทำความชั่วแล้วไม่ปรับปรุงแก้ไขใจตนเอง ปล่อยเลย..ตามเลย แล้วเราจะเห็นความดีได้อย่างไร เหมือนที่ผู้รู้บอกว่า ปลาทะเลทำไมสีสันถึงสวยงามมาก เหตุผลหลักเพราะท้องทะเลมันมืด ทำให้สิ่งมีชีวิตต้องดิ้นรน เพื่อเอาตัวรอด เฉกเช่นผู้บำเพ็ญธรรม พึงอดทน เรียนรู้ ทดสอบมีไว้เพื่อสร้างพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบ้าน นี่คือ ธรรมะที่เรียนรู้ในธรรมชาติ” นี่เอง ที่ทำคนเรียนรู้ให้เข้าใจ

         
ชีวิตเราลองคิดดีๆ ว่า ความชั่วที่เราทำ แม้ไม่มีใครรู้..ไม่มีใครเห็น จะทำไว้ที่ไหน จะเขียนไว้ที่ใด ในที่มืด ในที่สว่าง ที่ไม่มีใครรู้..ไม่มีใครเห็น แต่เราสามารถรับรู้และสัมผัสได้ด้วยใจตนเอง โกหกตัวเองไม่ได้ ลองคิดเสียใหม่ว่า “ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ ไม่ต้องการฟังเขาก็ชอบ แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก”นี่เป็นธรรมชาติของคนธรรมดา

          อุปมาเหมือนกับการที่เรานั่งเขียนความดี – ชั่วไว้ ในท่ามกลางแห่งความมืดของจิตใจ.. จิตใจของผู้กระทำนั้น ย่อมรู้ดีว่า เราเขียนความดีไว้ที่หัวใจแห่งความสว่างไสวที่งดงามด้วยคุณธรรม หรือเขียนความชั่วไว้ที่หัวใจแห่งความมืดมน..ที่ปราศจากแสงสว่างแห่งคุณธรรม


ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า

         
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า.. เหนื่อยก็หยุดพัก แต่อย่าเดินกลับหลัง เพียงมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง เราจะกล้าอย่างมั่นใจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ได้ตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจยอมรับทั้งด้านบวกและลบ ของโลก พร้อมหมุนตัวเองไปพร้อมกับโลก อย่างมีความสุข พิจารณาให้ดีว่า “ชีวิตนี้สั้นนักจงเลือกที่จะเก็บดอกไม้ที่สวยงาม ดีกว่าเก็บขยะ เพราะชีวิตของเราสั้นนิดเดียวเองจะเสียเวลาไปเก็บขยะข้างทางอยู่ทำไม” น่าคิดใหม่ให้ดีๆ

         
เมื่อมีความกล้า สิ่งที่ตามมาคือ “กล้าทำความดีได้” ให้ก้าวไปข้างหน้า เมื่อหัวใจเปิดรับ ความคิดจะเปิดกว้าง เปิดโอกาสให้เรียนรู้อย่างแท้จริง สิ่งดีๆ ก็จะเข้าถึงใจ เมื่อความกลัวหายไป หัวใจจะเป็นสุข เราจะกล้าก้าวไปได้ไกลแค่ไหน พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ

         
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “การฝึกรักษาจิตอย่างอริยะเหมือนการประคองบาตรที่มีน้ำมันเต็มเปี่ยม” ถ้าไม่ตั้งสติระมัดระวังให้อย่างสมบูรณ์ ย่อมมีโอกาสที่น้ำมันจะหกออกนอกบาตร ทำความสกปรกเลอะเทอะให้เกิดในใจของคนอื่นได้ จึงต้องรักษาจิตให้ปกติมีสติดูแลใจทุกขณะ ถ้าไม่รักษาจิตให้ดี กิเลสย่อมทำความเสียหายเกินกว่าบุญที่จะได้

กราบขอบพระคุณที่มา  ::  ท่าน ว.ปัญญาวชิโร


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์