คำถามที่จะช่วยให้ การทำงานดีขึ้น

คำถามที่จะช่วยให้ การทำงานดีขึ้น

9 ข้อต่อจากนี้ คือ สิ่งที่คุณควร (กล้า) ถามหัวหน้างานเพื่อให้โอกาสในการทำงานของคุณเปิดกว้างและขับเคลื่อนไปได้โดยสะดวก แต่แนะนำว่าอย่าถามคำถามทั้ง 9 ข้อในเวลาเดียวกัน (เพราะเจ้านายอาจไม่มีเวลาตอบได้หมด)

 1. เจ้านายวัดความสำเร็จของการทำงานจากอะไรและอย่างไร


         บ่อยครั้งที่พนักงานหรือลูกน้องหลงลืมไปว่า ผลงานของตัวเองจะถูกประเมินหรือวัดความสำเร็จจากอะไร ทางที่ดีควรเตือนตัวเองเป็นระยะ รวมถึงไม่รีรอที่จะถามเจ้านาย เพื่อคุณจะได้จัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ตลอดจนเลือกวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดที่จะทำต่อไปได้อย่างถูกต้อง



 2. ถ้าอยากจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คุณต้องพัฒนาขอบข่ายงานส่วนไหนบ้าง


         เพราะคงปฎิเสธไม่ได้ว่าเจ้านายหรือหัวหน้างานเป็นผู้กำอนาคตส่วนหนึ่งของคุณอยู่ คุณควรทำความเข้าใจกับเจ้านายให้ชัดเจนว่าเป้าหมายที่เจ้านายคาดหวัง ขณะเดียวกันถ้าคุณมีเป้าหมายของตนเองก็ควรนำมาปรึกษาคุณคืออะไร เจ้านายคงพอจะให้คำตอบแก่คุณได้ว่าขอบข่ายการทำงานในส่วนใดบ้าง ที่จะทำให้คุณไปถึงฝั่งฝัน



 3. เจ้านายพอใจหรือต้องการให้คุณแก้ไขการทำงานอย่างไรบ้าง


         อย่ากังวลกับจุดด้อยของตัวเองจนเกินไป หันมามองจุดแข็งที่คุณมีแล้วพยายามทำให้เป็นจุดเด่น จนกลบข้อด้อยไปเลยก็ยิ่งดี บางทีเจ้านายอาจมีมุมมองและความคิดเห็นที่แตกต่างจากคุณก็ได้ อีกอย่างคำถามข้อนี้ยังเป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เจ้านายของคุณเห็นว่า คุณมีความตั้งใจมุ่งมั่นในการทำงานขนาดไหน



 4. มีการประเมินผลงานของพนักงาน (เช่นคุณ) บ่อยครั้งแค่ไหน และใครเป็นคนประเมิน


         คำถามที่ดูแสนจะธรรมดาแต่สำคัญนักเชียว เพราะคำตอบจะทำให้คุณเห็นภาพว่ากลวิธีไหนที่สำคัญสุดในการทำโปรเจคท์งานแต่ละอย่าง รวมถึงสามารถวางเป้าหมายการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการประเมินงานของผู้ประเมิน ให้คุณทำงานในแต่ละวันได้อย่างสมดุลและคุ้มค่าเหนื่อยด้วย



 5. ปัจจัยที่จะทำให้คุณมีโอกาสก้าวหน้าในบริษัทนี้ ประกอบด้วยอะไรบ้าง


         เมื่อทำงานไปได้สัก 2-3 ปี การกลับมาตั้งคำถามนี้อีกครั้งกับเจ้านายนั้นถือเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างของบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลง คุณก็ควรจะปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายมากขึ้น



 6. ย้อนถามตัวเองว่าเข้าใจงานที่ทำถูกต้องแล้วหรือไม่  


         โดยเฉพาะเวลาทำงานที่ต้องประสานงานกับหลายๆ ฝ่าย ควรมั่นใจว่าคุณเข้าใจโปรเจคต์นั้นๆ อย่างถ่องแท้ รวมถึงควรเช็คความเข้าใจในเรื่องนี้กับเจ้านายด้วย แต่มีข้อควรระวังอยู่เหมือนกันว่า : อย่าใช้คำถามเชิงลบเช่น "ผม/ดิฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้" หรือ "ผม/ดิฉันคิดว่าวิธีการทำงานส่วนนี้ยังไม่ชัดเจน" ฯลฯ ควรใช้ความอดทนอดกลั้นกับคำถามนี้ เพราะอาจทำให้เจ้านายรู้สึกว่าคุณกำลังต่อว่าวิธีมอบหมายงานให้ลูกน้องของเขา ทางที่ดีควรถามไปในทำนองว่า "ที่ดิฉัน/ผมทำมานี้ถูกต้องตามที่เจ้านายต้องการหรือไม่" หรือ "เจ้านายอยากให้เพิ่มเติมอะไรอีกหรือเปล่า" จะดีกว่า



 7. เจ้านายต้องการให้คุณช่วยเรื่องใดหรือไม่


         แม้ว่าบางครั้งคุณอาจช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่เจ้านายจะระลึกถึงความเป็นคนมีน้ำใจของคุณไว้เสมอ เพราะตำแหน่งหัวหน้าอาจทำให้เจ้านายต้องโดดเดี่ยวและไม่ยอมสุงสิงกับลูกน้องง่ายๆ เพื่อป้องกันเสียงครหาว่าลำเอียง ฉะนั้นเมื่อใดที่คุณถามคำถามนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณอาจเป็นคนแรกๆ ที่เจ้านายจะนึกถึง ข้อควรระวังคือ อย่าถามพร่ำเพรื่อจนเกินงาม มิฉะนั้นคุณอาจโดนเพ่งเล็งว่ากำลังเลียขาเก้าอี้เจ้านายได้



 8.  สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ...


         พนักงานบางคนไม่กล้าถามคำถามนี้ เพราะอาจทำให้ดูเหมือนไม่รู้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำก่อนหลัง แต่ในทางตรงข้าม นี่เป็นคำถามที่จะสะท้อนถึงความใส่ใจและความรับผิดชอบต่องานของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณมีงานอยู่ในมือหลายโปรเจคท์และหัวหน้างานยังคิดจะมอบหมายงานอีกชิ้นให้คุณ แต่เชื่อเถอะว่าเจ้านายยินดีจะฟังเสียงสะท้อนจากลูกน้อง เพื่อให้งานลื่นไหลและประสบผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด



 9.  ผม/ดิฉันของเสนอตัวรับงานนี้จะได้ไหม


         บางครั้งเจ้านายก็มีตารางงานที่วุ่นวายจนลืมนึกถึงเรื่องของลูกน้อง ฉะนั้นอนาคตจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องไขว่คว้าด้วยตัวเอง ทั้งการมองหางานใหม่ๆ ที่จะเสริมทักษะด้านต่างๆ ที่คุณยังขาดอยู่ การเสนอตัวช่วยงานเจ้านาย ก็เป็นอีกวิธีที่จะเพิ่มประสบการณ์ให้กับตัวคุณเองได้เร็วและดีที่สุด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์