งาขาว-งาดำ ต่างกันอย่างไร

งาขาว-งาดำ ต่างกันอย่างไร



งาขาวกับงาดำเป็นพืชล้มลุกชนิดเดียวกัน มีสรรพคุณใกล้เคียงกัน แหล่งที่ปลูกงามากอยู่ที่จีน อินเดีย ไปจนถึงเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา
 
งาเป็นต้นไม้ขนาดเล็กสูง 1-2 เมตร มีใบบอบบาง ดอกสีขาวหรือชมพู เมื่อผลแก่จัด จะได้เมล็ดงาจำนวนมากในฝักนั้น

งามีคุณค่าอาหารสูงมาก ชาวจีนถึงกับเปรียบไว้ว่า "กินงามีคุณค่าเปรียบได้ดั่งกินหยก"

เมล็ดงามีน้ำ มันสูงถึง 35-57% น้ำมันที่สกัดได้เป็นน้ำมันที่ดีเยี่ยม มีกรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ช่วยลดความดันเลือด ป้องกันการเกิดเกล็ดเลือดที่เกาะตัวกันเป็นลิ่ม ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันโรค น้ำมันงาเก็บไว้ได้นาน ไม่เหม็นหืนง่ายเหมือนน้ำมันชนิดอื่น และไม่จับแข็งเป็นก้อน

งามีผลในการระบายท้อง จิบเพียง 1 ช้อนชาก่อนนอน อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูก แต่อย่าใช้ขณะท้องร่วง น้ำมันงาใช้ลดการหมักหมมในช่องท้อง โดยทานน้ำมันงาดิบๆ 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะ ขณะท้องว่าง เพื่อให้ลำไส้ขับสิ่งที่หมักหมมอยู่ออกไป

มาถึงโปรตีนบ้าง งามีโปรตีนมากถึง 20% โปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ต้องอาศัยจากการกินอาหารมีอยู่ 9 ชนิด ซึ่งมีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน จะขาดแต่กรดอะมิโนจำเป็นตัวหนึ่ง ชื่อ เมทไธโอนีน ที่มีอยู่น้อยไม่พอเพียงแต่กลับมีมากในเมล็ดงา ดังนั้น ถ้ากินถั่วพร้อมกับงาก็จะได้โปรตีนครบถ้วน

งามีแร่ธาตุมากราว 4.1-6.5% ที่สำคัญคือ ธาตุเหล็ก ไอโอ ดีน สังกะสี แคลเซียม ฟอสฟอรัส โดยธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด ธาตุไอโอดีนป้องกันโรคคอพอก ธาตุสังกะสี บำรุงผิวหนัง แคลเซียม และฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟัน และทำให้ไม่เป็นตะคริวง่าย ซึ่งงามีแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไป 40 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าพืชผักทั่วไป 20 เท่า

อุดมด้วยวิตามินบี ทั้ง บี 1 บี 2 บี 3 และบี 5 บี 6 บี 9 ไบโอติน โคลิน ไอโนสิตอล กรดพาราอะมิโนเบนโซอิก ซึ่งช่วยบำรุงประสาท เรียกว่ามีวิตามินบีเกือบครบ ขาดไปชนิดเดียวคือ บี 12 (มีในถั่วหมัก ซีอิ๊ว และเต้าเจี้ยว) ดังนั้น หากมีอาการไม่สบายต่างๆ ที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขนขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ควรหันมากินงาเป็นประจำ

นอกจากนี้ งายังเป็นอาหารต้านมะเร็งด้วย นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า สารเซซามอลที่มีอยู่ในงา ป้องกันมะเร็งได้ และงามีวิตามินอี ซึ่งเป็นอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่มสาวและแก่ช้าลง และมีเลซิติน ที่มีความสำคัญมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย เพราะเลซิตินเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท สมอง หัวใจ ไต และต่อมไร้ท่อ


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์