จิตแพทย์เตือนอย่าอินการเมืองจนตัดพ่อ-แม่-ลูกแนะวิธีรับมือความเห็นต่างการเมืองในครอบครัว


ปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มัวแต่กังวลกับการทำหน้าที่พลเมือง จนลืมหน้าที่และความรับผิดชอบต่อคนในครอบครัว ละเลยการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ละเลยการดูแลความรู้สึกของกันและกัน เพียงเพราะความคิดเห็นแตกต่างกันจนเกิดภาวะลืมสถานะตนเองฉับพลัน พ่อลืมลูก ลูกลืมแม่ แม่ลืมลูก ลูกลืมพ่อ พี่ลืมน้อง น้องลืมพี่ เพื่อนลืมเพื่อน สามีลืมภรรยา ภรรยาลืมสามี ฯลฯ

นำมาสู่ความแตกแยกที่ร้าวลึกนับตั้งแต่ประเทศไทยเกิดวิกฤตแบ่งแยกสีทางการเมืองชัดเจน จนเกิดเป็นความคิดเห็นแตกต่างคนละขั้ว และความพยายามที่ยัดเยียดให้อีกฝ่ายคิดเหมือนตัวเอง คือปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญ



น.พ.ทวี ตั้งเสรี ผู้ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เซ็กชั่นดีไลฟ์ถึงกรณีความแตกแยกในสังคมว่า หากศึกษาจากประวัติศาสตร์ของสังคมไทยจะเห็นว่าตอนนี้เกิดจุดแตกหักมาสักระยะหนึ่งแล้ว และเมื่อทุกอย่างแตกจนถึงที่สุดมันก็จะกลับมาหลอมกันใหม่ได้ ในวันที่ทุกคนเห็นตรงกันแล้วว่าประเทศเละเทะจนต้องช่วยกันฟื้นฟู

"สิ่งที่ต้องระวังคือ จุดแตกหักที่เกิดขึ้นต้องไม่ใช่การแตกหักในครอบครัว แต่ให้เป็นจุดแตกหักทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาครอบครัว ดังนั้นคนในครอบครัวต้องเปิดใจกว้าง หากคิดต่างกันก็เลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น เพราะคนเราเห็นต่างกันได้ ขอแนะนำให้เอาตัวเองออกจากข่าวสารสักระยะแล้วค่อยกลับไปใหม่"

น.พ.ทวียังแนะทางออกสำหรับคนที่มืดแปดด้านไม่มีใครให้ปรึกษารับฟังโดนรุม ถูกถล่มมา สามารถโทร.มาระบายได้ที่สายด่วนรับฟังทุกเรื่องที่ 1323 จะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยให้ผ่อนคลาย



จิตแพทย์เตือนอย่าอินการเมืองจนตัดพ่อ-แม่-ลูกแนะวิธีรับมือความเห็นต่างการเมืองในครอบครัว


ขณะที่ น.พ.อภิชาติ จริยาวิลาศ (หมอท็อป) จิตแพทย์ชำนาญการประจำ ร.พ.ศรีธัญญา เล่าถึงวิกฤตการเมืองระลอกนี้ที่เกิดต่อเนื่องมา 6-7 ปีมาแล้ว ตั้งแต่มีการแบ่งแยกสีเสื้อเหลืองกับแดง เคสที่พบมากที่สุดคือความเห็นต่างนำมาสู่การแยกทางของคู่รักทั้งที่แต่งงานและยังไม่ได้แต่งงาน

"ยิ่งช่วงปีแรกพบปัญหานี้เยอะมาก เช่น บางคนเป็นแฟนกันแต่อยู่คนละสี หรืออยู่บ้านเดียวกันคนหนึ่งเปิดทีวีช่องแดง อีกคนดูช่องเหลือง เมื่อมาคุยกันแล้วก็ทะเลาะกันรุนแรง เมื่อก่อนอาจแค่เห็นไม่ตรงกันทางการเมือง แต่สถานการณ์ตอนนี้ถึงขนาดตัดขาดกันทางความสัมพันธ์ระหว่างกันเลย ความรุนแรงไม่ใช่แค่ทางกาย แต่เป็นความรุนแรงที่เกิดจากวาจา สีหน้า หรือการประชดประชันระหว่างกัน เพราะความเห็นไม่ตรงกันทางการเมือง"



จิตแพทย์ ร.พ.ศรีธัญญา ฉายภาพให้ชัดเจนขึ้นไปอีกว่า บางคนอินกับการเมืองเกินไป จนหลงลืมคนในครอบครัว หลงลืมคนที่รักกัน หลงว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน บางกรณีหนักถึงขนาดเลิกรากัน หรือหย่าขาดจากกันไปหลายคู่ เนื่องจากความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน เช่น บางคนแต่งงานกันมาเกือบ 30 ปีไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่มาทะเลาะกันหนัก เพราะประเด็นทางการเมือง

"ช่วงนี้ก็มีคนทะเลาะแล้วเข้ามาปรึกษาหมอกันเยอะ บางกรณีที่ลูกคุยกับพ่อแม่ไม่ได้แล้วเพราะการเมือง ยกตัวอย่างเคสนึงพ่อแม่อยู่สีหนึ่ง แต่ลูกเขยอยู่คนละสี พ่อแม่ก็คิดหนักว่าจะให้แต่งงานกับลูกสาวด้วยดีไหม เป็นถึงขนาดนั้น ปัญหานี้ฟังดูแล้วไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทย แต่กลับเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะในช่วง 6-7 ปีหลัง"

ดังนั้นสิ่งที่หมอท็อปแนะนำคนที่เข้ามาปรึกษาเพราะหาทางออกกับวิกฤตนี้ไม่ได้ อันดับแรก ตั้งสติก่อนว่า ข้อมูลด้านหนึ่งที่รับมาไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา สิ่งสำคัญคือความสัมพันธ์ในครอบครัว อันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ จากนั้นทำความเข้าใจ

"ต้องทำความเข้าใจว่า ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ อย่าลืมว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ย่อมอนุญาตให้คนเราเห็นแตกต่างกันได้ การเห็นต่างเป็นเรื่องปกติในสังคม เมื่อเป็นคนไทยด้วยกัน ยิ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็ไม่ควรเอาเป็นเอาตาย ถ้าเกิดมีคนอื่นเห็นแตกต่างกับเราไปบ้าง

ฉะนั้นต้องใช้ความเข้าใจเยอะ ๆ และการยอมรับความเห็นซึ่งกันและกันเป็นที่ตั้งสำคัญในความสัมพันธ์ของแต่ละครอบครัว"

ทางออกในความขัดแย้งครั้งนี้ น.พ.ทวี ตั้งเสรี แนะนำให้ถอยกันคนละก้าว ใครจะถอยก่อนก็ได้ เพื่อคนในครอบครัวจะได้กลับมาสื่อสารกันได้ใหม่

ส่วนวิธีการกลับมาสื่อสารกันใหม่นั้น น.พ.อภิชาติมีวิธีมาแนะนำกรณีที่เกิดกับลูกและพ่อแม่ ถ้าเป็นลูกที่ค่อนข้างโตแล้วระดับหนึ่ง จนมีความเห็นเป็นของตัวเอง หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนในการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว ถ้ารู้ว่าสมาชิกในครอบครัวคนใดมีความคิดทางการเมืองที่เข้มข้น มีความเชื่อที่สุดขั้ว

พ่อแม่เองก็ต้องตั้งสติ แล้วสำรวจกับตัวเองก่อนว่า เรามีความคิดที่สุดขั้วด้วยหรือเปล่า เพราะบางกรณีพ่อแม่สุดขั้ว ฝ่ายลูกก็สุดขั้วเช่นกัน ดังนั้นเราต้องหาจุดยืนของเราให้ได้ก่อนว่าคืออะไร ต้องเข้าใจตัวเองก่อน

ต้องเข้าใจว่า ความเห็นที่แตกต่าง เป็นความปกติของมนุษย์ เราเห็นต่างกันได้ และก็มีวิธีการพูดคุยระหว่างกันหลายอย่าง แต่ที่สำคัญอย่าหลงลืมว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน

"ที่สำคัญเราต้องมีบทสนทนาของคนที่เป็นครอบครัวด้วย เช่น ถาม

สารทุกข์สุกดิบ ให้ความห่วงใยระหว่างกัน ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง ถ้าเราเกิดหลงลืมตรงนี้ไป สถาบันครอบครัวพัง ย่อมทำให้ประเทศพังตามไปด้วย ตอนนี้กลายเป็นว่า เราเพ่งแต่เรื่องการเมือง จนหลงลืมรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว"

หมอท็อปยกตัวอย่างเคสที่เข้ามาปรึกษาบ่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นคู่ครองที่ต่างมีมุมมองสุดขั้วทางการเมือง ขนาดไปร่วมคนละเวที หรือกรณีแม่ขึ้นเวทีแดง ลูกขึ้นเวทีเหลือง

"แต่ครอบครัวที่อยู่กันได้ ไม่ใช่ว่ามีทรรศนะการเมืองแบบใด เพราะหลายบ้านที่อยู่กันได้ แม้จะมีจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่พอกลับมาอยู่ในบ้าน ก็ไม่ลืมว่าอยู่ในฐานะและทำหน้าที่อะไรในครอบครัว แม่ทำหน้าที่แม่ ลูกทำหน้าที่ของลูก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองในครอบครัว

เราต้องระลึกเสมอว่า หน้าที่ที่เราต้องทำคู่กันเสมอ นั่นคือ หน้าที่พลเมือง และยังต้องทำหน้าที่ในครอบครัวด้วย เพราะชาติของเรายืนอยู่ได้ ต้องมีสถาบันทางครอบครัวเข้มแข็งด้วย"

ส่วนกรณีที่ทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นหย่าร้างกัน หรือตัดพ่อตัดลูก เพราะความคิดทางการเมืองต่างกัน การทำให้สิ้นสุดความเป็นครอบครัวเป็นเรื่องที่รุนแรงมากที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย

สิ่งที่หมอท็อปย้ำคือ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะเห็นอะไรที่เหมือนกัน เมื่อเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เราจำเป็นต้องให้เกียรติและเคารพในความคิดของคนอื่น แต่เมื่อใดที่เราบังคับให้คนอื่นคิดตามเรา โดยใช้กำลัง วาจา หรือวิธีการใด ๆ ก็ตามที่เป็นการบังคับ นั่นก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่ระบบครอบครัวอีกต่อไป

ถ้าเกิดความเห็นที่แตกต่างกัน ต้องมีสติ และต้องประคับประคองความเป็นครอบครัวไว้ก่อน ต้องประเมินคนในครอบครัวมีความสามารถในการเปิดรับได้มากน้อยแค่ไหน อย่ายัดเยียดให้อีกฝ่ายยอมรับโดยไม่สมัครใจ ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ คุย


เมื่อใดเริ่มมีอารมณ์เกิดขึ้นต้องหยุดพูดถึงเรื่องการเมืองทันที ให้เปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพราะการพูดคุยที่มีอารมณ์เกิดขึ้นจะไม่ใช่การพูดคุยแล้ว แต่เป็นการโต้เถียงกันแทน เราต้องรู้ให้เท่าทันก่อนทะเลาะกัน

เราต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน และอย่าไปยัดเยียดความคิดให้อีกฝ่ายหนึ่ง


ที่สุดแล้วการทะเลาะทางการเมืองไม่มีทางจบ แต่เราจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไรคือสิ่งสำคัญ




ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์