จิตแพทย์โพสต์เฟซบุ๊ก แนะวิธีรับมือกับวัยรุ่นขู่ฆ่าตัวตายผ่านโซเชียล

จากกรณีที่โลกโซเชียลพากันรุมวิพากษ์วิจารณ์เด็กหญิงโพสต์ภาพฆ่าตัวตาย จนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเด็กหญิงคนดังกล่าวเสียชีวิตขึ้นมาจริง ๆ 

ล่าสุด วันที่ 26 มีนาคม เฟซบุ๊กเพจ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยบทความจากนายแพทย์ วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ที่มีต่อประเด็นดังกล่าว โดยระบุเนื้อหาดังนี้

#โพสต์เรียกร้องความสนใจหรือต้องการความช่วยเหลือ
บทความโดย นายแพทย์ วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น

"หมอครับ...เราจะแยกยังไงระหว่างคนที่เรียกร้องความสนใจกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ บนโลกโซเชียล ?" นี่เป็นคำถามที่ผมมักถูกถามบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงเมื่อวานนี้ที่เกิดเหตุน่าสลดจากการที่เด็กสาวคนหนึ่งส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านทางเฟซบุ๊กของเธอ และเรื่องจบลงตรงที่ สัญญาณ S.O.S ที่ถูกส่งออกไปนั้น ไม่สามารถส่งความช่วยเหลือกลับมาหาเธอได้ทันเวลา "ไม่ต้องแยกครับ " ...ผมตอบแบบนี้เสมอ ไม่ต้องแยกจริง ๆ เพราะสุดท้ายคนเหล่านี้ คือ คนที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งหมดนั่นแหละ !!

กลุ่มที่ถูกตราหน้าว่าชอบเรียกร้องความสนใจ (Attention-seeker) มักจะถูกมองด้วยความเหยียดหยามจากคนรอบข้าง มักถูกสั่งสอนด้วยคำต่อว่าที่รุนแรงจากคนใกล้ตัว สุดท้ายมักจบลงด้วยคำพูดที่ว่า...

"อย่าเรียกร้องความสนใจ" จบ...จบแค่ตรงนี้เสมอ...จบแบบเจ็บ ๆ น่าแปลก กลับไม่ค่อยมีคนตั้งคำถามต่อไปว่า บุคลิกภาพแบบนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร ?" "มีปมอะไรถูกซ่อนอยู่ ?" "หรือนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของอาการที่รุนแรงในอนาคต ?" เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าเด็กวัยรุ่นที่เอาลิปสติกขีดแขนเป็นปื้นแล้วเขียนสเตตัสว่าอยากตาย ท้ายที่สุดจะไม่พัฒนาเป็นเด็กที่หยิบคัตเตอร์มากรีดข้อมืออย่างเงียบ ๆ จนต้องเข้าไอซียู

ปัญหาทางสุขภาพจิตระยะแรก ๆ มักเป็นแบบนี้แหละครับ ถูกแสดงออกอย่างไม่ตรงไปตรงมาและมักถูกมองข้าม สุดท้ายถูกปัดไว้ไปใต้พรมหรือฝังกลบไว้อยู่ใต้ดิน รอสะสมพลังจนกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ !

และจะแยกไปทำไม ในเมื่อ....คนที่ต้องการความช่วยเหลือ คือคนที่ "สังคม" ตัดสินว่า "เค้าน่าจะทำจริง ๆ" ส่วนคนที่เรียกร้องความสนใจ ก็คือคนที่ "สังคม" ตัดสินว่า "เค้าไม่ทำจริง ๆ หรอก" …เส้นบาง ๆ ตรงกลางที่ถูกขีดขึ้นมาโดย "คนอื่นในสังคม"

เราชอบตัดสินเรื่องของคนอื่น บนพื้นฐานชีวิตของตัวเอง ประสบการณ์ของตัวเอง และความเชื่อของตัวเอง ..... ทั้งที่เป็นคนนอกแท้ ๆ ไม่ได้อยู่กับเขา 24 ชั่วโมง ไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งแต่เกิดซักหน่อยเลย จะทำจริง หรือ ไม่ทำจริง ... เจ้าตัวต่างหากที่รู้ดีที่สุด  โลกเราเปลี่ยนไป...ผู้ใหญ่จากยุคสมัยก่อนอาจมองว่าการเขียนหรือโพสต์อะไรไปในเฟซบุ๊กของเด็กสมัยนี้ คือ การโชว์ออฟ การเรียกร้องความสนใจ การเรียกไลค์ การระบายอารมณ์ หรือแม้กระทั่งการอยากเป็นคนโด่งดังแบบเน็ทไอดอล

นั่นเพราะคนเหล่านั้นขาดความเข้าใจในความสัมพันธ์ของสังคมโซเชียลกับชีวิตเด็กยุคดิจิตอลในปัจจุบัน เด็กรุ่น Generation Me เป็นต้นมา ได้หลอมรวมการสื่อสารในชีวิตประจำวันของตัวเอง ทั้งการรับสื่อมาและการสื่อสารออกไป เข้ากับโลกโซเชียลมีเดียไปหมดแล้ว โซเชียลมีเดียจึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป แต่มันผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเราไปโดยปริยาย

เพราะฉะนั้น การแสดงออกถึงเจตจำนงแห่งความตายผ่านทางโลกโซเชียลในยุคปัจจุบันนี้ จึงมักจะสะท้อนบางอย่างภายใต้จิตใจของคน ๆ หนึ่งได้เสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจทำจริง ๆ หรือไม่ก็ตาม

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าจับตามองและให้ความใส่ใจพอสมควร ดังนั้นหากท่านผู้อ่านพบเรื่องเช่นนี้ผ่านตา ก็ควรเข้าไปช่วยเหลือหรือให้กำลังใจ มากกว่ารุมกันกลั่นแกล้ง รุมวิพากษ์วิจารณ์ ยุแยงให้ลงมือทำ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อทั้งตัวผู้ต้องการความช่วยเหลือและสังคมเลย

จิตแพทย์โพสต์เฟซบุ๊ก แนะวิธีรับมือกับวัยรุ่นขู่ฆ่าตัวตายผ่านโซเชียล

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์