จุดอ่อนคืออะไร ทำไมไทยจัดอยู่ในอันดับ 9 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรื่องการท่องเที่ยว


จุดอ่อนคืออะไร ทำไมไทยจัดอยู่ในอันดับ 9 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรื่องการท่องเที่ยว

จุดอ่อนและจุดแข็ง ของการท่องเที่ยวไทย


ดูราวจะเป็นการต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากที่สุดเทศกาลหนึ่งในแต่ละปี

 "โอบีจี" หรือ "ออกซ์ฟอร์ด บิสสิเนส กรุ๊ป" ถึงได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยสภาวการณ์การท่องเที่ยวของไทยออกมาเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา

อ่านเฉยๆ ก็ได้ข้อมูล ได้ความรู้ อ่านไปวิเคราะห์ตาม คิดอ่านตามไปด้วยก็จะได้ข้อคิด ได้ความเห็นอีกหลายๆ เรื่องติดสมองไป

รายงานชิ้นนี้เริ่มต้นด้วยข้อมูลการทำ "สถิติ" ของการท่องเที่ยวไทยเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ด้วยการที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากถึง 22.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้น 15.98 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็เป็นการทำลายสถิติเกิน 22 ล้านได้เป็นครั้งแรก

ซึ่งทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าจะสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปีนี้ ด้วยการเรียกคนมาท่องเที่ยวให้ได้ถึง 24.5 ล้านคน

ข้อมูลน่าสนใจเพิ่มเติมที่ได้จากโอบีจีก็คือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด ไม่ได้มาจากไหนไกลๆ แต่เป็นเพื่อนบ้านในเอเชียเราเอง

เรามีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและจีนเข้ามาชาติละ 2 ล้านคน, ในขณะที่ นักท่องเที่ยวจากเกาหลี, ญี่ปุ่น, อินเดีย, และรัสเซียนั้น ในปีที่แล้วถ้าไม่แตะหลัก 1 ล้านก็เกินชาติละ 1 ล้านคนทั้งหมด

ในจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมาเมื่อปีที่แล้วนั้น มี 6 ล้านคนที่เดินทางเข้ามาจากกลุ่มประเทศอาเซียนอื่นๆ

ในส่วนของประเทศที่มีสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยนั้น มี สหรัฐอเมริกา (1.10 ล้านคน) เพิ่มขึ้น 13.4 เปอร์เซ็นต์, ออสเตรเลีย (931,000 คน) เพิ่มขึ้น 12.1 เปอร์เซ็นต์ อินเดีย 11.03 เปอร์เซ็นต์ และ อังกฤษ 3 เปอร์เซ็นต์

เรารู้กันว่า การท่องเที่ยวนั้นมีบทบาทสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของไทย แต่ข้อมูลของโอบีจีแสดงให้เห็นชัดเจนว่าบทบาทที่ว่านั้นมีมากน้อยอย่างไร โดยอาศัยข้อมูลจากสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (ดับเบิลยูทีทีซี) ที่บอกเอาไว้ว่า ถ้าคิดเฉพาะรายได้ "โดยตรง" ที่เกิดจากการท่องเที่ยวและการเดินทางแล้วจะคิดเป็นสัดส่วน 7.3 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยทั้งหมด แต่ถ้ารวมเอาผลกระทบทั้งในทางตรงและทางอ้อมกับผลพวงที่การเดินทางท่องเที่ยวก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องกับเศรษฐกิจไทยเข้าด้วยกันแล้ว สัดส่วนต่อจีดีพีจะสูงขึ้นเป็น 16.7 เปอร์เซ็นต์

พร้อมกันนั้น การท่องเที่ยวทำให้เกิดการจ้างงานโดยตรง 2 ล้านคน แต่ถ้ารวมตำแหน่งงานโดยรวมจะมีถึง 4.8 ล้านตำแหน่งเมื่อปีที่ผ่านมา แถมยังก่อให้เกิดการลงทุนมากถึง 6.8 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนทั้งหมดของประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน

ดับเบิลยูทีทีซี คาดว่า สัดส่วนของการท่องเที่ยวต่อจีดีพีของไทย จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 6.8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีระหว่างปี 2012-2022 !

ดีหรือไม่? คิดต่อกันเอาเองก็แล้วกันนะขอรับ

นั่นคือภาพรวมของท่องเที่ยวไทยในปีที่ผ่านมา แต่ถ้าถามว่า เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เขาเป็นอย่างไร?

เทียบกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วยกันล่ะ-เป็นอย่างไร?

โอบีจี ใช้ดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านการเดินทางและท่องเที่ยว (ทีทีซีไอ) ของที่ประชุมเศรษฐกิจโลก หรือเวิร์ลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่เผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มาเป็นคำตอบ

ไทยจัดอยู่ในอันดับ 9 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (อันดับรวมทั้งโลกคือ อันดับที่ 43) ตามหลังมาเลเซียอยู่ 1 อันดับ แต่เป็นรองสิงคโปร์อยู่หลายอันดับ เพราะสิงคโปร์ถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ของภูมิภาค ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอยู่ในอันดับตามหลังไทยทั้งสิ้น อินโดนีเซีย อยู่ในอันดับ 12 เวียดนาม อยู่ในอันดับ 16 เป็นต้น

ที่น่าสนใจก็คือ อันดับ 9 ของไทยนั้นเป็นอันดับที่ "ลดลง" จาก 1 ปีก่อนหน้านั้นสองอันดับ เหตุผลหลัก ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของ "น้ำท่วม" กับ "การเมืองป่วน" อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ การปกป้องสิ่งแวดล้อมแบบกระท่อนกระแท่น ไม่จริงจัง, ความไม่แน่นอนในการให้ความคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และความล่าช้าของระบบราชการเรื่องข้อมูลธุรกิจ-การท่องเที่ยว

ทั้งๆ ที่ทีทีไอซีบอกว่า ไทยมีจุดแข็งมากๆ ในเรื่องของการสนับสนุนการท่องเที่ยวของภาครัฐ ซึ่งรวมไปถึงการส่งเสริมแหล่งเงินทุน การก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น ถนนหนทางและสนามบิน เป็นต้น 

การท่องเที่ยวในไทยยังมีความได้เปรียบเรื่องราคา สำนึกของคนไทยในเรื่องการต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน แถมยังมีทรัพยากรธรรมชาติด้านการท่องเที่ยว และสถานที่ที่น่าสนใจ ตั้งแต่ภูเขาเรื่อยไปจนถึงทะเล มีตั้งแต่ เมืองมรดกโลก ไปจนถึงเมืองที่มากด้วยสีสันบันเทิงอย่างกรุงเทพฯ และพัทยา เป็นต้น

ถ้าถามผม ผมบอกได้ทันทีว่า ข้อเสนอหลายๆ ข้อในรายงานชิ้นนี้น่าคิด น่าเก็บเอาไป "ขบให้แตก" เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของเราให้ขึ้นไปอยู่ในระดับ "คุณภาพ" ให้มากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะตั้งเป้าเอาแต่ "ปริมาณ" กัน

จะโต จะเติบใหญ่กลายเป็น "บิ๊ก" ระดับภูมิภาคให้ได้ ก็ต้องโตอย่างมีคุณภาพครับ!


ขอบคุณ :: prachachatlife


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์