ซึ่งกันและกัน

ซึ่งกันและกัน

ในสังคมก็มีการรวมตัวก่อสร้างเป็นบริษัท เป็นห้างหุ้นส่วน
เป็นการแชร์สมอง แชร์ความคิด...ฯลฯ การที่เราอยู่ร่วมกันเป็นสังคม

ในคนหมู่มาก เราเองก็เป็นหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน ถ้าเราทำดีต่อเขา เขาก็
ยินดีกับเรา ถ้าเขาดีกับเราเราก็ปลื้มปิติเช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เป็นการดี

ทั้งเขาทั้งเรา ทั้งส่วนตัวทั้งส่วนรวม แต่ถ้าเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว แล้ว
เขาทำไม่ดีกับเรา เราก็ทำไม่ดีกับเขา...เช่นนี้ความสงบก็ไม่มี เฉกเช่น

ในปัจจุบัน เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว...เราก็ต้องหาวิธีการคิด หาวิธีการพิจารณา
ว่า พิจารณาแบบไหนแล้วมันสบายที่สุด เพื่อระงับซึ่งความไม่ดี

ความฟุ้งซ่าน ความไม่สงบซึ่งกันและกัน ที่มันเป็นเช่นนี้...พิจารณาดูสิ
ว่ามันมีสติสัมปชัญญะระลึกรู้หรือไม่ เมื่อสร้างความรำคาญให้กันและกัน

อันนี้เป็นหน้าที่ของเราชาวพุทธ....หน้าที่อย่างไร...? ..แต่ละคนที่เกิดมาใน
โลกล้วนแล้วแต่มีหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน...พระพุทธองค์ทรงสอนให้มี

เมตตา.. กรุณา..มุทิตา..อุเบกขา ต่อกัน..เคยเป็นญาติกันมาก่อน เคยเป็น
บุตรสามีภรรยากันมาก่อน เคยเป็นสหาย เคยเป็นลูกหลานกันมาก่อน...

ไม่ให้ไปเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ให้เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน...
ใครๆที่เกิดมาในโลกนี้ แม้แต่สัตว์ก็ไม่ต้องการถูกเบียดเบียน ทั้งทางร่างกาย

และจิตใจ...ถ้าเข้าใจถึงข้อนี้แล้ว ก็ควรไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ไม่เบียดเบียน
ซึ่งกันและกัน มีอะไรก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน ก็จะเย็นใจ อยู่ที่ใดก็เย็นใจ

ฉะนั้นถ้าเราเข้ามาศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วกลับไปมอง
ดูทางโลก เราก็จะเห็นว่า โลกนี้อยู่ด้วยความวุ่นวาย เร่าร้อน...

เพราะอะไร...??ก็เพราะมันเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ให้อภัยซึ่งกันและกัน
เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน มันก็เลยร้อน...ร้อนจากอะไร...??

....ร้อนจากไฟราคะ...ร้อนจากไฟโลภะ...ร้อนจากไฟโทสะ...ร้อนจากความโมหะ
'โมหะ'...คือความหลง 'ความหลง' ตัวเดียวที่ทำให้ทุกข์..ความหลงผิด...

เช่นนี้...อย่าให้ความหลงมาทำลายหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความเร่าร้อนเลย...
แม้จะร้อน ก็ให้ร้อนแต่กาย...ส่วนใจ...อย่าได้ร้อนตาม ควรใช้หลักธรรมนำสู่ความดับร้อน

ซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นการเกื้อกูล เพื่อเป็นการอนุเคราะห์สงเคราะห์กันไป 'ซึ่งกันและกัน'


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์