ดราม่าเตือนภัย! เกือบไม่ได้กลับบ้าน เพราะนั่งแท็กซี่คันหนึ่ง!


เรื่องราวการถูกทำร้ายร่างกาย หรือการล่อลวงทางเพศยังคงมีอยู่ในสังคม ไม่ว่าจะแก้อย่างไรก็ยังไม่หมดไป โดยเฉพาะผู้หญิงเราที่มักเป็นฝ่ายถูกกระทำ และช่วงที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวเรื่องนี้ที่ผู้ลงมือเป็นคนขับแท็กซี่ ทำให้การนั่งแท็กซี่ดูไม่ปลอดภัยอีกต่อไป วันนี้เรามีอีกหนึ่งเรื่องราวเตือนภัยจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 1999227 มาฝากกัน อ่านสักนิดไว้ระวังตัว

"เรื่องราวเกิดข้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00-16.00 น. ขณะนั้นผมได้รับข้อความจากแฟนผ่านทาง Lineว่า "ทว 2941" ผมรู้ทันทีว่าเป็นป้ายทะเบียนแต่ผมก็ยังไม่เอะใจว่ามีความหมายว่าอะไร เพราะคิดว่าแฟนผมคงส่ง Line หาคนผิด แต่ข้อความต่อมาคือ "แท็กซี่ ปวดหัว ไม่มีแรง เวียนหัว" ผมจึงพิมพ์ถามแฟนว่าส่งผิดหรือเปล่าแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ทำให้ผมสงสัยยิ่งขึ้น

หลังเลิกงาน 16.20น. ผมจึงโทรกลับไปหาแฟน จึงได้รู้ถึงที่มาของข้อความ แฟนของผมได้นั่งแท็กซี่เพื่อไปส่งของให้ลูกค้า แฟนผมเล่าว่าคนขับดูท่าทางจะไม่สนใจในคำบอกของแฟนให้เลี้ยวเลย ในแท็กซี่คันนั้นจะเปิดแอร์แรงมาก คนขับจะปรับแอร์เข้าหาผู้โดยสารโดยตรงพร้อมเอามือของตนอังไว้ข้างหน้า ต่อมาแฟนของผมเริ่มมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ แขนขาอ่อนแรง ลักษณะของคนขับเป็นผู้ชายท่าทางน่ากลัว เมื่อเห็นท่าไม่ดีแฟนผมจึงพิมพ์ข้อความหาผม แล้วจึงบอกแท็กซี่ว่า "พี่ช่วยไปจอดที่ สน. หน่อยค่ะ พอดีหนูต้องกลับไปเอาของ หนูทำงานที่นั่น" โชคยังดีที่แท็กซี่นำไปส่งที่ สน. แล้วจึงขับรถต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ขณะนี้แฟนของผมได้เข้าแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว จึงอยากบอกกล่าวไว้ให้ทุกคนได้เฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าวครับ 

ขอบคุณครับ"

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวยังคงถูกชาวเน็ตหลายคนสงสัยว่าเจ้าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือเกิดจากความเข้าใจผิด อาการป่วยของแฟนเจ้าของกระทู้อยู่แล้ว และต่างแสดงความคิดเห็นกันว่าถ้ารถแท็กซี่ใช้ยาสลบทำไมคนขับแท็กซี่ไม่มีอาการใดๆ เลย ซึ่งหลายคนก็บอกว่าให้นำใบแจ้งความมาโชว์ด้วย ต่อมาทางเจ้าของกระทู้ขึงได้มาชี้แจงเพิ่มเติม ดังนี้

"1. เมายารึเปล่า: แฟนผมไม่ได้ทานยาอะไรอยู่ในขณะนี้ครับ และไม่ได้ผ่าตัด
2. คิดไปเองรึเปล่า: แฟนผมบอกคนขับให้เลี้ยวตามทางที่บอก แต่แท็กซี่กลับไม่สนใจครับ ขับต่อไปเรื่อยๆ
3. เมารถ มึนแก๊สรึเปล่า: แฟนผมขับรถ นั่งรถแท็กซี่ประจำ ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ
4. กลิ่นบูดในแอร์: แฟนผมบอกว่ากลิ่นไม่เหมือนกลิ่นบูดในแอร์ครับ เพราะขึ้นแทกซี่มาเยอะก็เคยเจอกลิ่นต่างๆแต่ก็ไม่รุ้สึกเวียนหัว
5.ไว้มีใบแจ้งความจะมาโพสให้ดูนะครับเพื่อความกระจ่าง นายเวรที่รับแจ้งความก็ยังบอกอีกว่าเหตุการณ์นี้เจอบ่อย

ระวังคนที่คุณรักกันด้วยนะครับ"


ดราม่าเตือนภัย! เกือบไม่ได้กลับบ้าน เพราะนั่งแท็กซี่คันหนึ่ง!


แต่แล้วก็เหมือนเรื่องราวจะยังไม่จบง่ายๆ เมื่อสมาชิกพันทิปอีกหลายคนยังคงสงสัยว่า ในรถแท็กซี่มียาอะไรกันแน่ที่ทำให้แฟนสาวของเจ้าของกระทู้นั้นรู้สึกวิงเวียน แขนขาอ่อนแรง แต่สุดท้ายเมื่อผู้หญิงแกล้งบอกว่าให้ไปส่งที่สน. แท็กซี่ก็ไปส่งให้ง่ายๆ ทางเจ้าของกรทู้จึงมาชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า

"เท่าที่ฟังมา แฟนผมบอกว่าจะขอลงตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าประมาณ 100เมตร คนขับแท็กซี่ได้ยินแล้วก็ยิ่งเร่งคันเร่งต่อ ทั้งๆที่ป้ายรถเมล์ก็อยู่ข้างหน้า และขับรถขึ้นทางยกระดับ ทั้งๆที่จุดหมายที่จะไปนั้นไม่ต้องขึ้น พอโกหกว่าทำงานที่สน.จึงยอมมาส่ง

ผมไม่ใช่คนงมงาย แต่ผมเชื่อแฟนผมว่าไม่ใช่คนช่างมโนหรืองมงายอะไรง่ายๆ จริงอยู่ที่หมอดมยาออกมาพูดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ทางการแพทย์ก็ยังไม่มีอะไรที่100% รวมทั้งยาสลบที่หมอดมยาใช้นั้นล้วนต้องปลอดภัยต่อคน แต่ถ้าเป็นยาสลบสมัยก่อนๆที่ปัจจุบันเลิกใช้แม้จะทำให้สลบได้ดีแต่มีผลข้างเคียงล่ะครับ คนร้ายคงไม่ใส่ใจต่อเหยื่ออยู่แล้วนะครับ แล้วคนขับแท็กซี่อะไรที่พอผู้โดยสารจะลงแล้วกลับเหยียบคันเร่ง พาไปทางที่ผู้โดยสารไม่ได้บอก ไม่พูดไม่จา แบบนี้เจตนาคงไม่ดีเท่าไรแล้วนะครับ"

สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ว่าอาการดังกล่าวนั้นเกิดจากอะไร และเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเกิดจากการเข้าใจผิด ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ทางที่ดีเราก็ควรระวังตัวเองไว้ก่อน มีสติตลอดเวลา จะได้ช่วยป้องกันเรื่องร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ


เรียบเรียงโดย teenee.com

ขอบคุณข้อมูลจาก :: Pantip (สมาชิกหมายเลข 1669227)

ดราม่าเตือนภัย! เกือบไม่ได้กลับบ้าน เพราะนั่งแท็กซี่คันหนึ่ง!


ดราม่าเตือนภัย! เกือบไม่ได้กลับบ้าน เพราะนั่งแท็กซี่คันหนึ่ง!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์