ดูแลผิวใน“ช่วงนั้น”ของเดือน

ดูแลผิวใน“ช่วงนั้น”ของเดือน


ช่วงวันนั้นของเดือนอาจเป็นฝันร้ายของสาวๆ เพราะนอกจากอาการปวดตามเนื้อตัวแล้ว ยังเกิดสิวอักเสบได้ง่าย แต่ป้องกันได้หากรู้สาเหตุ

ส่วนใหญ่สาวๆ อาจมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง ปวดหัวและอารมณ์แปรปรวนที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงนั้นของเดือน แต่เหมือนธรรมชาติจะยังไม่โหดร้ายกับเพศหญิงพอ นอกจากอาการป่วยน่าหงุดหงิดแล้วแล้ว สิ่งที่มาพร้อมช่วงเวลานี้คือการอักเสบของผิวหนัง เกิดสิวอักเสบที่รักษายากกว่าสิวทั่วไป และหากดูแลไม่ดียังทิ้งรอยดำหรือแผลเป็นไว้กวนใจอีกต่างหาก
    
ที่สาวๆ มักจะเกิดสิวในช่วงเป็นประจำเดือน เพราะก่อนและระหว่างมีประจำเดือนฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
 
การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนส่งผลให้ผิวหนังเก็บกักน้ำไว้มากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังบวมพองและรูขุมขนเล็กลงเล็กน้อย รูขุมขนจึงอุดตันง่าย ทำให้มีโอกาสเกิดสิวมากกว่าช่วงเวลาที่ไม่เป็นประจำเดือน

ดังนั้นในระหว่างช่วงนี้ควรเปลี่ยนไปใช้สกินแคร์ที่ช่วยป้องกันสิว โดยใช้ 3 วันก่อนช่วงมีประจำเดือน และใช้ตลอดช่วงเป็นประจำเดือน เช่นล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก

หากเกิดสิวให้ทาหัวสิวด้วยครีมที่มีส่วนผสมของ เบนโซอิล  เพอร์ออกไซด์เข้มข้น 2.5-5 เปอร์เซ็นต์ที่จะรักษาสิวได้ผลมากที่สุดโดยไม่เกิดอาการระคายเคือง โดยระวังอย่าให้ครีมชนิดนี้ถูกเสื้อผ้าเพราะจะกัดสีเนื้อผ้าได้

ที่สำคัญต้องระวังในเรื่องการรับประทานคาร์บ(แป้ง-น้ำตาล) ที่สาวๆ มักจะอยากทานช่วงเป็นประจำเดือน แต่ยิ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น เพราะเป็นตัวกระตุ้นระดับอินซูลินในร่างกาย ทำให้เกิดสิวได้ง่าย และยิ่งมีระดับอินซูลินมากก็จะยิ่งต้องการบริโภคคาร์บมาก ทำให้สิวไม่หายสักที
   
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้ง และมีส่วนผสมจากธรรมชาติ

เช่น โรสเจอราเนี่ยม เนโรลิหรือน้ำมันจากดอกส้ม อาจใช้สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบจากสมุนไพรไทย เช่น ว่านหางจระเข้ หอมแดง สารสกัดจากเปลือกมังคุด เป็นต้น แต่ต้องทดสอบก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยระหว่างช่วงนี้ต้องรักษาความชุ่มชื้นในผิว อย่าขัดถูหน้าแรง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น

หากป้องกันการเกิดสิวในช่วงนั้นของเดือนอย่างถูกต้อง ปัญหาสิวปะทุช่วงเป็นประจำเดือนก็จะหมดไป แต่ถ้าสิวอักเสบมากควรไปพบแพทย์ เพราะอาจต้องใช้ยาที่ช่วยปรับระดับฮอร์โมนหรือยาที่แรงขึ้น ซึ่งต้องใช้ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์