ตรวจอะไรก่อนแต่ง

ตรวจอะไรก่อนแต่ง


"แต่งงานกันนะ" คำพูดที่สตรีวัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นตอนต้นหรือตอนปลายอยากจะได้ยิน ในชีวิตหนึ่งจะมีคนมาขอเราแต่งงานกันซักกี่ครั้งกัน ว่าแล้วก็...ตอบตกลงไปซะแล้ว


การที่เราจะเลือกคู่ครองสักคนนั้น นอกจากนิสัยใจคอ รูปหล่อ พ่อรวย สเป็กที่คุณสาว ๆ กำหนดมายาวเหยียด


สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างคือสุขภาพค่ะบางคนอาจจะคิดว่าไม่เป็นไรเธอเป็นดาว ฉันจะเป็นท้องฟ้า เธอเป็นไวรัสตับอักเสบบี ฉันก็จะเป็นไวรัสตับอักเสบบีด้วย (จะเป็นก็ได้นะคะ แต่วัคซีนป้องกันได้) สมัยนี้หลาย ๆ โรงพยาบาลมีแพ็กเกจตรวจสุขภาพก่อนสมรส ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือเอกชน เรามาลองดูกันนะคะว่าทางโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะตรวจอะไรเรา แล้วจะตรวจไปทำไม


1.การตรวจหาเชื้อ HIV (Anti HIV)

ปัจจุบันการเป็นโรคเอดส์ไม่ใช่โรคนอนรอวันตาย เพราะปัจจุบันผู้ที่เป็นโรคนี้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องทานยาต้านไวรัสทุกวัน และดูแลสุขภาพตนเอง และป้องกันการติดเชื้อสู่ผู้อื่น ป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างเคร่งครัด

2.การตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg, HBsAb)

ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพาหะ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้เป็น และยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็สามารถฉีดวัคซีน 3 เข็มซึ่งใช้เวลา 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดต่อ และระหว่าง 6-7 เดือนนี้ก็ต้องป้องกันไม่ให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย

3.กรุ๊ปเลือด (ABO, Rh)

ไม่ได้มีไว้จับผิดลูกชู้นะคะ จริงอยู่ที่คนไทยส่วนใหญ่จะมีกลุ่มเลือด Rh บวก แต่ถ้าเกิดว่าฝ่ายหญิงเกิดมีหมู่เลือด Rh ลบขึ้นมา ในการตั้งครรภ์ครั้งแรก หากลูกมีหมู่เลือด Rh บวก คุณแม่อาจจะถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งในครรภ์แรกอาจจะยังไม่มีปัญหา แต่ปัญหาจะมาในครรภ์ที่ 2 ซึ่งถ้าลูกยังมีหมู่เลือด Rh บวกอีก ภูมิคุ้มกันคุณแม่จะสูงขึ้นจนไปทำลายเม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์ จนทำให้ทารกเกิดภาวะซีดจนเสียชีวิตในครรภ์ได้

ทีนี้คุณผู้หญิงที่มีกรุ๊ปเลือด Rh ลบ อย่าเพิ่งตกใจไปหาเจ้าบ่าว Rh ลบด้วยกันนะคะ (หมอว่าหายากพอ ๆ กับหาเจ้าบ่าวสมัยนี้) เพราะภูมิคุ้มกันที่กล่าวมาป้องกันไม่ให้เกิดได้ โดยการฉีดยาขณะตั้งครรภ์ 7 เดือน และหลังคลอดทันที

4.ชนิดของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin typing)

เพื่อตรวจโรคเลือดทาลัสซีเมีย เป็นภาวะเลือดจางชนิดหนึ่งที่พบกันบ่อยในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งภาวะเป็น "โรค" และเป็น "พาหะ" "โรค" ทาลัสซีเมียมีหลายระดับ ตั้งแต่รุนแรงมากจนถึงรุนแรงน้อย ชนิดที่รุนแรงมากก็รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา หรือชนิดรุนแรงอีกชนิดหนึ่งสามารถเกิดมามีชีวิตได้ แต่ต้องได้รับเลือดบ่อย ๆ จนมีตับม้ามโต ชนิดรุนแรงน้อยก็จะมีอาการปกติ พอเจ็บไข้ได้ป่วยถึงจะมีอาการซีด

ถ้าคนเป็นพาหะแต่งงานกับคนปกติที่ไม่ได้เป็นพาหะ กรณีนี้ก็สบายใจได้ เพราะอย่างมากลูกก็เป็นแค่พาหะ ไม่ได้เป็นโรค แต่ถ้ากรณีที่ชาวพาหะทาลัสซีเมียรักกันเอง ก็ต้องมาดูรายละเอียดกันว่าแต่ละคนเป็นพาหะชนิดไหน ถ้าแต่งงานกันจะเป็น "คู่เสี่ยง" หรือลูกจะมีโอกาสเป็น "โรค" ชนิดรุนแรงได้หรือไม่

5.โรคซิฟิลิส (VDRL)

หลายคนนึกถึงโรคนี้ในเชิงที่ว่า จะต้องมีแผลที่อวัยวะเพศ มีไข้ ออกดอก ผื่นมาให้เห็นกันชัด ๆ ที่ว่ามาอยู่ในระยะที่ 1, 2 ส่วนระยะที่ 3 เป็นระยะเงียบหรือหลบใน คือไม่มีอาการ ดังนั้นถ้าตรวจเลือดแล้วพบว่าเป็น สามารถรักษาตามระยะโรคที่เป็นได้

6.ผลภูมิต้านทานหัดเยอรมัน (Rubella IgG)

ถ้ายังไม่มีภูมิต้านทานก็ควรฉีดวัคซีน 1 เข็ม และห้ามตั้งครรภ์หลังฉีดยา 3 เดือน         

ทีนี้ก่อนที่จะไปจองโรงแรม ถ่ายรูป preweddingจูงมือว่าที่บ่าวสาวของท่านไปตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานกันนะคะ



ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์