ตื่นกลัว!!จดหมายลูกโซ่ โง่หรือฉลาด

ตื่นกลัว!!จดหมายลูกโซ่ โง่หรือฉลาด


มีคนรู้จักกันมาปรับทุกข์ให้ฟังว่า เคยได้รับ‘จดหมายลูกโซ่’ ที่เขียนมาบอกว่า ให้ช่วยเผยแพร่ข้อความดังนี้

“.................” ซึ่งข้อความในจดหมายจะมีทั้งดีและร้าย หรือบางทีก็เป็นตำรายา บอกว่าสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด แล้วให้คนที่ได้รับจดหมาย เขียนไปบอกคนอื่นๆ จะกี่คนก็ว่าไป ถ้าไม่เขียนก็จะมีอันเป็นไปต่างๆนานา มีการประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต เป็นต้น แต่ถ้าเขียนส่งไปให้คนอื่น ก็จะประสบโชคดีภายในวันเท่านั้นเท่านี้

แต่ว่าในปัจจุบันนี้ จดหมายลักษณะดังกล่าวค่อยๆ หายไป เปลี่ยนรูปแบบไปปรากฏเป็นข้อความส่งไปทาง อินเตอร์เน็ต แล้วก็ให้คนที่ได้รับส่งต่อไปถึงคนอื่นๆ แบบจดหมายลูกโซ่ ดังกล่าวมาแล้ว

ความทุกข์ ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ก็คือ อินเตอร์เน็ตที่เปิดมาจะมีแต่เรื่องพวกนี้ทั้งนั้น บางครั้งทำให้อินเตอร์เน็ตล่ม หรือเกิดไวรัสระบาดใช้การไม่ได้ เพราะคนที่ได้รับข้อความแล้วก็แย่งกันส่ง ถ้าไม่ส่งก็กลัวว่าจะเกิดวิบัติตามมา ถ้าส่งก็เป็นมงคลแก่ตนเอง แต่เรื่องมงคลคงไม่เท่าไหร่ อาจเป็นเพราะความขลาดกลัวต่อคำสาปแช่งมากกว่า

ล่าสุดก็เกิดกระแสใหม่ขึ้นมาอีก มีข้อความและภาพส่งมาทางมัลติมีเดีย(MMS) ปรากฏขึ้นในโทรศัพท์มือถือ แต่คราวนี้ลดความรุนแรงในการใช้ถ้อยคำ ไม่ได้ให้ร้ายหรือสาปแช่ง แต่เป็นการเชิญชวน ความว่า “ท่านพ่อจตุคามรามเทพ ให้ส่งต่อให้ได้ ๙ คน ท่านจะโชคดี และร่ำรวยเงินทอง”

การที่กล่าวถึงท่านพ่อจตุคามรามเทพ ก็เพราะกระแสความนิยมในจตุคามฯ มีอยู่สูงมากในสังคมไทย ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะอะไรต้องอิงอาศัยจตุคามฯ ไปหมด

อยากบอกว่า เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนี้ รวมถึง เรื่องเล่าลือ โจษจัน เล่าขานถึงความโชคร้าย ดวงดี ดวง ไม่ดี เคราะห์ดี เคราะห์ร้าย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ เกิดจากความเชื่อในลัทธิต่างๆ ในพระพุทธศาสนาเรียก สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดว่า เป็น การเชื่อหรือถือมงคลตื่นข่าว เพราะการเชื่อในสิ่งเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดสติปัญญา อีกทั้งยังบดบังสาระความเป็นจริงในการดำเนินชีวิตอีกด้วย เพราะสิ่งที่เชื่อนั้นอาจไม่ถูกต้องด้วยก็ได้ หรือสิ่งที่ไม่เชื่อก็อาจถูกต้องได้

เพราะ ฉะนั้น พระพุทธศาสนา จึงห้ามไม่ให้ชาวพุทธที่ปฏิญาณตนว่าเป็นอุบาสก อุบาสิกา ถือมงคลตื่นข่าว คือให้เชื่อกรรม การกระทำ ดังที่กล่าวไว้ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” “กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีต” หรือว่า “ประโยชน์ย่อมล่วงเลยคนโง่ ผู้มัวถือฤกษ์อยู่” “ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจักทำอะไรได้” เป็นต้น

ถ้า เรายึดมั่นอยู่ในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ดังกล่าวมานี้ ข้อความที่ส่งมาให้เราเผยแพร่ แล้วเราไม่เผยแพร่ ก็ไม่เกิดความสูญเสียหรือมีอันเป็นไปต่างๆ นานา ตามที่กล่าวไว้ เพราะเรายังไม่ได้กระทำอะไรที่เรียกว่าเป็นกรรม แล้วความวิบัติจะเกิดได้อย่างไร?

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรากระทำตามที่เขาบอกมา ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นมงคลแก่เราเสมอไป ซ้ำร้ายจะเป็นบาปกรรมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้าข้อความที่ส่งไปนั้น ไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือมีลักษณะคุกคามความสงบทางจิตของผู้รับ ทำให้ผู้รับเป็นกังวลและวิตกทุกข์ร้อนต่างๆนานา จะกลายเป็นบาปอย่างหนักแก่คนส่งข้อความ และคนส่งข้อความจะกลายเป็นเครื่องมือของ ใครก็ไม่รู้ หาตัวตนไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ให้คิดก่อนส่ง ข้อความไปถึงคนอื่นว่า “เราโง่หรือเปล่า” ถ้าเราโง่ก็ส่งไปเถอะ เพราะคนที่หากินกับความโง่ของคนอื่น เขาชอบและมีอะไรจะให้ทำอีกเยอะเลย

ดังเช่นในครั้งพุทธกาล ณ เมืองไพศาลี บุรุษหนึ่งนามใดไม่ปรากฏ ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ใช้เท้าเกี่ยวกิ่งไว้ แล้วห้อยศีรษะลงมาตะโกนว่า ขอให้นำวัว และเงินทอง มาให้ ถ้าใครไม่ให้จะทิ้งตัวลงมาตาย จะทำให้ทั้งเมืองเป็นเมืองร้าง ผู้คนก็ให้สิ่งของไป เพราะกลัวว่าถ้าเขาตกมาตาย เมืองจะร้าง พวกภิกษุจึงไปกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทราบถึงการกระทำของเขา และการปฏิบัติของชาวเมือง พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า คนโง่เท่านั้นที่ให้ สิ่งของ คนฉลาดใครจะให้ เพราะเขารู้ว่าเจ้าหมอนั้นพูด โกหก

เพราะฉะนั้น อย่าเชื่อ หรืออย่าถือมงคลตื่นข่าวเลย ถือหลักกรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นแหละดีที่สุด และจะเห็นความจริงของชีวิตอย่างถ่องแท้ ใครเขาส่งข้อความมาก็ไม่ต้องส่งต่อไปให้คนอื่น ไม่ช้าเขา ก็จะเลิกส่ง เพราะรู้ว่ามีคนรู้ทันเขา

ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะ แล้วก็ดับไป ก็แค่นั้นเอง

(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 79 มิ.ย. 50 โดย ธมฺมจรถ)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์