ถูกมองข้ามความสำคัญ...

ถูกมองข้ามความสำคัญ...


ถูกมองข้ามความสำคัญ...การกระทำเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์


ถ้าเรากำลังรู้สึกย่ำแย่กับการให้ความสำคัญจากใคนคนใดคนหนึ่ง แล้วผลตอบแทนคือการเฉยชา หรือถูกมองข้ามความสำคัญเป็นรางวัลตอบแทนแล้วละก็ อยากบอกว่านั่นคือ....

"การทำร้ายตัวเองทางอ้อมที่เลวร้ายที่สุด"

เราคนเดียวเท่านั้นที่จะถูกใจอย่างนี้ไปตลอดชีวิต หากเราเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้กับการให้ความสำคัญจากคนอื่น เราจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อคนอื่นหยิบยื่นความสุขให้.... เพียงแค่นี้หรือ

จริง ๆ แล้วเรามีคุณค่าในตัวเองอยู่อย่างเปี่ยมล้น คนเดียวที่จะค้นพบและนำมันออกมาเฉิดฉายให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ก็คือตัวเราเองเท่านั้น 

"เราต้องทำในสิ่งที่เราควรทำอย่างจริงใจที่สุด ดีที่สุด และเชื่อมั่นในคุณค่าความดีที่เรามีมากที่สุด" จำไว้ว่า...คนอื่นเป็นเพียงส่วนประกอบที่ส่งเสริมให้เราดูดีขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื้อแท้คือสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราพูด ทุกๆอย่างล้วนประกอบขึ้นมาเป็นตัวเรา คิดดี ทำดี สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็นเอง โดยที่เราไม่ต้องพยายามจะให้เขาเห็น และการชื่นชมจากคนอื่นนั้นก็จะเป็นแค่ผลพลอยได้ที่ตามมา

ช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้รู้สึกย่ำแย่ เพราะคิดอยู่เสมอว่าถูกมองข้ามความสำคัญ เลยย้ำคิดย้ำทำกับความคิดที่ว่า "เราไม่มีความสำคัญเลยหรือ ทำไมเขาคนนั้นให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า เราไม่ดีตรงไหน ทำไมเขาลำเอียง" อีกสารพัดที่พยายามจะคิดไปเองล่วงหน้า คิดแล้วก็ทำร้ายตัวเองให้เจ็บปวดใจไปเรื่อยๆ สุดท้ายผลลัพธ์ที่ไม่หน้าภิรมย์ก็ตกอยู่ที่เรามีเพียงเราเท่านันที่ย่ำแย่ไปกับมัน ซึ่งว่ากันตามตรงที่เรารู้สึกแย่ก็เพราะเราอยากได้รับคำชมจากคนอื่นมากกว่าจะชื่นชมตัวเอง จนลืมนึกไปว่า...


       "คำชมก็เหมือนขนมหวาน
        อร่อย...แต่ไม่ค่อยอิ่มท้อง"


มีนิทานเรื่องโคมไฟขี้ใจน้อยมาแบ่งปัน  อยากให้คนที่กำลังรู้สึกแย่กับการคาดหวังความสำคัญจากคนอื่นมากเกินไปได้อ่านดู เผื่อว่าอ่านแล้วจะไม่ซ้ำเติมจิตใจตัวเองให้ด้อยค่าจนเกินไป เรื่องมันมีอยู่ว่า...

"ฉันเป็นโคมไฟที่ยืนอยู่โดดเดี่ยว ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาอย่างไม่สนใจ บางวันมีสุนัขผ่านมาแวะทักทาย แต่ยามค่ำคืน....ฉันต้องยืนส่องแสงเพียงลำพัง 

วันหนึ่ง...มีคนเอาเก้าอี้มาตั้ง มีคนมานั่งเล่นทุกคืน ฉันเริ่มหายเหงา แต่ทุกคนมานั่งชมแสงจันทร์ แสงดาว ไม่มีใครสนใจฉันเลย ฉันรู้สึกน้อยใจ จึงดับไฟให้มืดลง ไม่มีใครกล้ามานั่งเก้าอี้ เพราะความมืด เก้าอี้จึงถูกย้ายออกไปที่อื่น ความเงียบกลับมาอีกครั้ง ก่อนไป เก้าอี้บอกฉันว่า


"ถึงคนมานั่งเขาไม่ได้มานั่งเพื่อดูเธอ แม้แสงไฟจากเธอจะสวยสู้แสงจันทร์หรือแสงดาวไม่ได้ แต่ทุกคนก็รู้ว่าที่ตรงนี้มีเก้าอี้และมีโคมไฟตั้งอยู่ พวกเขาจึงเลือกมานั่งที่นี่ อย่างน้อยเขาก็เห็นความสำคัญของเธอมากกว่าความสวย"


ใช่ ๆ...ของแต่ละสิ่งเกิดมาเพื่อทำหน้าที่แตกต่างกัน ฉันจึงเปิดแสงไฟให้แถวนั้นสว่างเหมือนเดิมเก้าอี้จึงถูกยกมาวางไว้ที่เดิม มีคนกลับมานั่งชมแสงจันทร์และแสงดาวอีกครั้ง และฉันก็ยืนดูพระจันทร์ และดวงดาวพร้อมกับพวกเขา

"พระจันทร์กำลังส่งยิ่มให้ฉัน"


หวังว่าโคมไฟหลาย ๆ ดวงที่กำลังน้อยใจอยู่ในตอนนี้ เมื่อได้อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว พอจะมีกำลังใจและพลังกายที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และก็หวังใจไว้ว่าใครหลายๆคนจะไม่ทำหน้าที่ของตัวเองเพียงเพราะต้องการคำชื่นชม โดยที่ตัวเองยังทำหน้าที่ได้ไม่ถึงที่สุด


ฮั่นโกโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น เคยกล่าวไว้ว่า...
 
"พูดถึงการวางแผน ข้าสู้จางเหลียงมิได้ จางเหลียงนั่งวางแผนอยู่ในกองบัญชาการ แต่สามารถกำหนดชัยชนะไกลนับพันลี้

พูดถึงการปกครองประเทศชาติให้ร่มเย็นเป็นสุข ข้าสู้เซียวเหอมิได้ เซียวเหอ รู้จักเอาใจใส่แชประชาราษฎ์ สนองเสบียงกรังไม่สิ้น

พูดถึงการสู้รบ ข้าสู้หันซิ่นมิได้ หันซิ่นสามารถนำทหารนับหมื่นออกสู้รบอย่างกล้าหาญ รบคราใดชนะครานั้น

บุคคลทั้งสามล้วนเป็นยอดคน แต่ข้าสามารถใช้งานคนทั้งสามได้ นี่คือเคล็ดลับในการได้บัลลังก์ของข้า"


โคมไฟขี้ใจน้อย สุดท้ยแล้วก็รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญมากมายแค่ไหน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ใครชื่นชม ฮั่นโกโจ แม้ไม่เก่งกาจ แต่ก็มีวิธีคิดด้านบวกและวิธีสร้างความสำคัญให้กับตนเอง โดยดึงคุณค่าที่มีอยู่ออามาใช้ให้เกิดประโยขน์สูงสุด

เอาเป็นว่า....หากใครกำลังรู้สึกย่ำแย่หรือน้อยใจใครบางคนอยู่ จงหันมาทำความดี และทำในสิ่งที่เรามีโอกาศได้ทำให้เต็มที่สุดความสามารถ เพราะ...

"ทำดีย่อมได้รับผลดีเป็นการตอบแทนเสมอ"
คำกล่าวนี้ยังเป็นนิรันดร์

ขอบคุณที่มา  ::  สายลมแห่งความหวังดี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์