ทำไมการดูหนังต้องคู่กับป๊อปคอร์นและน้ำอัดลม


ด้วยความสงสัยกันว่า ทำไมเวลาที่เราจะเข้าโรงหนังเพื่อไปดูหนังสักรอบเนี่ย ทำไมมักจะเห็นป๊อปคอร์นคู่กับน้ำอัดลมวางขายอยู่ตรงหน้าเคาร์เตอร์ใกล้ๆช่องขายตั๋วด้วย หลายๆคนบอกว่า " หนังกับป๊อปคอร์นมันเป็นของคู่กัน " หลายๆคนก็ตั้งคำถามด้วยว่า ขายอาหารอย่างอื่นไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเป็นป๊อปคอร์นด้วย วันนี้ เพื่อหาปัญหาไขข้องใจของเรื่องนี้ และมีที่มาที่ไปว่าทำไม "ดูหนังต้องกินป๊อปคอร์น"

ทำไมการดูหนังต้องคู่กับป๊อปคอร์นและน้ำอัดลม


คำตอบของความเป็นมา คือ ข้าวโพดคั่วหรือป๊อปคอร์น เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมการชมภาพยนตร์ครับ มีที่มาจากอเมริกา ซึ่งเป็นชาติต้นตำรับของการกินป๊อปคอร์นในโรงหนัง


ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่าง "ข้าวโพดคั่ว" กับ "หนัง" เริ่มมาจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในปี 1929ข้าวโพดคั่วเป็นของขบเคี้ยวเล่นแบบหนึ่งที่คนทั่วไปพอจะหามาได้ในราคาเพียง 10 เซนต์ ที่วางขายจากจุดเล็กๆ ก็ลามไปขายยันซูเปอร์มาร์เก็ต สวนสาธารณะ สวนสนุก รวมทั้งหน้าโรงหนังด้วย


ว่ากันว่าในช่วงที่ธุรกิจต่างๆ ล้มหายตายจาก ข้าวโพดคั่วกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในยุคนั้นมีชาวอเมริกันประดิษฐ์เครื่องทำข้าวโพดคั่ว (คล้ายๆ ที่เราเห็นอยู่ตามโรงหนังทุกวันนี้) ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าคือ ชาร์ลส แมนลี่ย์ หรือเปล่า โดยเขาเริ่มจากการขายคั่วเกลือก่อน ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ธุรกิจข้าวโพดคั่วจึงมีกำไรเยอะ และประกอบกับในยุคนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำตาลถูกส่งออกไปให้กับทหารอเมริกันที่รบอยู่นอกประเทศ ส่งผลให้ขนมขบเคี้ยวประเภทขนมหวานต้องลดลง หากินยาก ชาวอเมริกันเลยต้องกินข้าวโพดคั่วเกลือมากกว่าปกติในช่วงนั้น จะว่าไปก็ต้องขอบคุณความขาดแคลนน้ำตาลที่ทำให้ข้าวโพดคั่วเติบโต มาได้จนทุกวันนี้


ทำไมการดูหนังต้องคู่กับป๊อปคอร์นและน้ำอัดลม


การเผยแพร่ของป๊อปคอร์น

ในปลายศตวรรษที่ 19 อเมริกาเป็นประเทศแรกที่มีการจำหน่ายข้าวโพดคั่วเป็นธุรกิจ ราวปี ค.ศ 1887ส่วนเครื่องทำข้าวโพดคั่วเกิดขึ้นครั้งแรกใรปี ค.ศ 1885 โดยนายชาลส์ เครเตอร์ ชาวเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 มีการผลิตเครื่องคั่่วข้าวโพดแบบไฟฟ้าเป็นผลสำเร็จ ลักษณะเป็นเครื่องแก้วและเครื่องไฟฟ้าสีโครเมียม ที่เราเห็นกันในโรงหนังทุกวันนี้นั้นเอง และเมื่ออุตสหกรรมภาพยนตร์ในอเมริกาเติบโตในช่วงศตวรรษที่20 มีการเปิดโรงภาพยนตร์หลายแห่ง และมีการนำเครื่องทำข้าวโพดคั่วไปทำข้าวโพดคั่วขายให้แก่ผู้เข้าชมในโรงหนังด้วย โดยเริ่มนำมาขายในปีค.ศ. 1912 เป็นต้นมา ทำให้ข้าวโพดคั่วกลายเป็นสัญลักษณ์ควบคู่กับความบันเทิงในรูปแบบนี้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน และเมื่อโทรทัศน์เริ่มแพร่หลาย การกินข้าวโพดคั่วหน้าจอโทรทัศน์ก็ยังเป็นที่นิยมของชาวอเมริกันอีกด้วย

และที่สำคัญจากรุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นลูก รุ่นหลาน ข้าวโพดคั่วยังคงอยู่ยั้งยืนยงเพราะมันมีต้นทุนต่ำ ขายได้ในราคาสูง คนคุ้นเคยกับการกินข้าวโพดคั่วเวลาไปโรงหนังแล้ว เพราะคนเราเสพอะไรด้วยอารมณ์และความเคยชินนั้นเอง


ปัจจุบัน การกินป๊อปคอร์นในโรงหนังก็ได้รับความนิยมมากขึ้นจากลูกค้าที่เข้ามาดูหนังเรื่อยๆ และการตอบสนองเอาใจลูกค้า แต่ละที่ก็ได้เปลี่ยนรสชาติต่างๆนาๆมากมายของป๊อปคอร์นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นอบน้ำผึ้ง อบชีส ฯลฯ ข้อดีของการกินป๊อปคอร์น ก็คือ นอกจากความอร่อยแล้ว กลิ่นของมันจะไม่ส่งกลิ่นแรงมากถ้าเทียบกับอาหารชนิดอื่น เพราะ ทานเพลิน ทานสะดวก สามารถหยิบใส่ปากได้โดยไม่ต้องมอง ( ตาไม่ว่างจะมอง ต้องดูหนัง ) จึงอยู่คู่กับหนังมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ยุคหนังเงียบโน่นแนะ กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยนะ ประเทศอื่นๆด้วย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย เวลารับประทาน คนบริโภคก็ได้แต่กินเคี้ยวมีเสียงดังรบกวนการดูหนังของคนโดยรอบ ฉะนั้น การกินป๊อปคอร์นในระหว่างการชมหนัง ควรกินในปริมาณน้อยๆและเคี้ยวให้เสียงเบาที่สุดจะเป็นการดีที่สุด



ทำไมการดูหนังต้องคู่กับป๊อปคอร์นและน้ำอัดลม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์