ทำไมโลกนี้ถึงมีความมืด

ทำไมโลกนี้ถึงมีความมืด


ก่อนนอนในค่ำคืนหนึ่งท่ามกลางอากาศอันร้อนอบอ้าว ลูกชายและคุณพ่อเพิ่งเข้านอนได้ไม่นาน

 ลูก “พ่อครับทำไมโลกนี้ถึงมีความมืดล่ะครับผมอยากให้มีแต่ความสว่างและเย็นสบาย จะได้มีแต่ความสุขทั้งวันเลย”

 พ่อ “ที่มีความมืดก็เพราะว่าโลกนี้มีความสว่างนะซิลูก”

 ลูก “หนูไม่เข้าใจ ทำไมมีความสว่างแล้วต้องมีความมืดด้วย”

 พ่อ “สมมุติว่าถ้าโลกนี้ไม่เคยมีแสงสว่างมาก่อน หรือว่าเราตาบอดแต่กำเนิด เราไม่เคยเห็นแสงใดๆมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย ความรู้สึกที่เราไปให้ค่าสิ่งหนึ่งมากกว่าสิ่งหนึ่งนั่นแหละคือปัญหา

มองในอีกแง่มุมหนึ่ง ธรรมชาติก็คือความสมดุล ความสมดุลก็คือไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงถ่ายเทเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ซึ่งทำให้คนเรายังดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ เช่นเมื่อมีมืดแล้วก็มีสว่าง มีหนาวเย็นแล้วก็มีอบอุ่น มีแห้งแล้งแล้วก็มีฝนตก มีความเจริญเต็มที่แล้วก็มีความเสื่อมลง
มีทุกข์แล้วก็มีสุข มีกลางคืนให้เราผักผ่อนหลับนอน แล้วก็มี รุ่งเช้าวันใหม่อันสดใสให้เราได้ชื่นชมทุกๆวันไงล่ะ

 พ่อ"แล้วลูกลองคิดดูซิว่า ถ้าโลกนี้มีแต่ความสว่างโลกนี้จะเป็นอย่างไร?”

 ลูก “หนูจะได้ไม่ต้องนอนไง จะได้เล่นทั้งวันทั้งคืนเลย”

 พ่อ “ใช่แล้วลูกการมองสิ่งต่างๆด้านเดียวอย่างที่ลูกมองนั้นแหละทำให้ลูก ไม่อยากให้มีกลางคืน แต่ รู้ไหมล่ะว่าถ้ามีแต่กลางวันเราก็จะไม่อยากนอนผักผ่อนเลยเพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็น แล้วถ้าทุกคนต่างทำงานหรือก็ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ตลอดทั้งวัน บางคนก็คงเผลอไม่ได้นอนทีละหลายๆวัน แล้วก็คงจะมีเด็กนอนหลับในห้องเรียนแทนที่บ้าน หรือมีอุบัติเหตุตามท้องถนนมากมาย ถ้าเราหาความสุขกันโดยไม่คำนึงถึงสภาพร่างกาย ๆ เราก็จะทรุดโทรมอ่อนแอซักแค่ไหน

ถ้าพ่อแม่และลูกๆต่างแยกกันไปไม่มีเวลามืดค่ำแล้วครอบครัวเราจะได้มาเจอกันตอนไหน ปัญหาที่เกิดจากไม่มีเวลาให้กันและกันในและความไม่สนใจกันและกันของคนในสังคมทุกวันนี้ อยากทำอะไรตามใจ นี่แหละคือต้นเหตุของปัญหาใหญ่ที่เราเจอในสังคมตอนนี้”

 ลูก “แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีเมื่อต้องอยู่ในความมืดล่ะครับ?”

 พ่อ “ถ้าลูกสังเกตจะพบว่าช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ เป็นช่วงเวลาที่คนในครอบครัวเราจะได้มาเจอกันพร้อมหน้าทานอาหารได้พูดคุยได้ดูทีวีพร้อมกัน คุยกัน ปรึกษากัน ทำให้ครอบครัวอบอุ่นเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกัน

ก่อนนอนก็ เป็นช่วงเวลาของความสงบเงียบเป็นเวลาที่เราจะได้อยู่กับ ตัวเองอย่างแท้จริงหลังจากที่เราไปทำหน้าที่ของตนเอง ต้องผ่านเรื่องราวมากมายทั้งดีและร้าย ลูกต้องตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิทำใจให้บริสุทธิ์ให้จิตเป็นกุศล ปล่อยวางสิ่งไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นความกังวล ความเกลียดชัง ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลาย ออกไปจากใจของเรา ลูกจะได้ไม่สั่งสมเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาในอดีตให้มาทำร้ายจิตใจ ฝึกสติให้ว่องไว เพื่อที่จะรู้เท่าทันกิเลสที่จะมายั่วใจให้หลงไหล จนจิตใจต่ำดำมืดไปกับเรื่องราวทั้งร้ายและดี

คนเราจะมีส่วนสูงแค่ไหน เป็นคนเชื้อชาติศาสนาใดเมื่อต้องล้มตัวลงนอนแล้วก็สูงไม่ต่างกัน ถึงจะมีทรัพย์สินเงินทอง มีความรู้ มียศศักดิ์อะไรมากมายก็นอนลงในที่นอนแคบ ๆ นี้เท่านั้นเอง จงหาความสุขให้พบในใจของตัวเอง อย่าคิดพึ่งพาใคร หรือวัตถุสิ่งใด อย่าคิดว่าใครหรืออะไรจะมาช่วยเราให้มีความสุขได้จริง อย่าทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือด ใช้สติ ใช้ปัญญาเพื่อสิ่งดี ๆ ให้แก่ตัวเองและผู้อื่น มีศรัทธามั่นคงในความดีในศาสนาที่ตัวเองนับถือ ใช้ชีวิตลูกด้วยความพอดีชีวิตลูกก็จะพบแต่ความสุข และจะได้นอนหลับฝันดีทุก ๆ วันตลอดไป”

 ลูก “ครับพ่อ เด็กน้อยฟังอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำให้นอนหลับลงได้ในที่สุด”

 พ่อ “หลับฝันดีนะลูกรักของพ่อ”


ขอบคุณที่มา :: จินตนาการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์