ทีวี....ทำให้คุณกินอาหารมากขึ้นจริงหรือ??

ในปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้พัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมซะส่วนใหญ่ ทำให้เราต่างตกเป็นทาสของความรวดเร็ว ชีวิตที่รีบร้อน และบีบบังคับให้เราต้องรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดธุรกิจอาหารขยะ (Junk food) หรือฟาสท์ฟู้ดขึ้น เนื่องจากอาหารประเภทนี้สามารถตอบโจทย์ของผู้คนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ได้ และยังมีการโฆษณาไปทุกช่องทางการสื่อสารเพื่อเพิ่มยอดขาย ผู้บริโภคอย่างเราจึงเสพสื่อเหล่านี้โดยไม่รู้ตัวว่ามีผลกระทบต่อเราอย่างไรบ้าง

ด๊อกเตอร์นาตาลี ล๊อกซ์ตัน และซาแมนธา เบิร์น อาจารย์และนักศึกษา จากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์ ได้สังเกตุเห็นพฤติกรรมของผู้ชมหลายๆ คนที่ได้ชมรายการโทรทัศน์ที่มีการโฆษณาแฮมเบอร์เกอร์แล้วมีแนวโน้มที่จะมีอาการอยากกินอาหารเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันหมด จึงได้ตั้งคำถามขึ้นมาว่า "การเสพสื่อโฆษณาอาหารขยะ จะมีผลให้คนมีความอยากอาหารและรับประทานอาหารเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ???"

เพื่อทำการพิสูจน์ข้อสงสัยดังกล่าวดร. ล๊อกซ์ตันและเบิร์น จึงได้ร่วมกันทดสอบว่าบุคคลที่มีความอยากอาหารสูงจะถูกกระตุ้นให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นหลังจากดูโฆษณาทางโทรทัศน์ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ทีดูโฆษณาอาหารเพื่อสุขภาพหรือไม่มีโฆษณาเกี่ยวกับอาหารเลยหรือไม่

โดยได้ทำการศึกษากับกลุ่มของชาย-หญิงจำนวน 75 คน ให้ดูโทรทัศน์เป็นเวลา 30 นาที โดยมีการแทรกโฆษณาอาหารขยะ โฆษณาอาหารเพื่อสุขภาพ และหรือไม่มีแทรกโฆษณาเกี่ยวกับอาหารเลย แล้วให้คะแนนจากความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่ออาหารว่าหลังจากดูรายการจบแล้วมีความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มมากขึ้นหรือไม่

จากผลคะแนนของอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดสอบพบว่า...อาสาสมัครที่ได้ดูรายการอาหารที่มีการแทรกโฆษณาอาหารขยะ จะมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในอาสาสมัครทีเป็นผู้หญิง!! ซึ่งมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ... ส่วนบรรดารายการที่มีการโฆษณาอาหารเพื่อสุขภาพหรือไม่มีโฆษณาอาหารเลยจะไม่มีผลกระทบกับความอยากอาหาร

เมื่อผลของงานวิจัยออกมาเช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่า สื่อโฆษณาอาหารขยะเป็นศัตรูตัวฉกาจกับผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ที่ทั้งรักสวยรักงาม และที่สำคัญที่สุดคือ "กลัวอ้วน" เนื่องจากหากเผลอเมื่อไหร่โฆษณาอาหารขยะที่พบได้ทั่วไปจะทำให้คุณอยากกินโดยไม่รู้ตัว