นิสัยแย่ๆ 18 อย่างที่คุณควรจะเลิกทำก่อนอายุ 30

ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนนิสัยแย่ๆของตัวเองแล้วล่ะ มาดูกันว่านิสัยแบบไหนบ้างนะที่คุณควรจะเปลี่ยนแปลงมันซะตั้งตอนนี้ก่อนอายุจะครบ 30 เริ่มกันเลย!


1.คุณติดมือถือตลอดเวลา และไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลย
ทุกวันนี้ คุณสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านแอพบนมือถือของคุณ ซี่งทำให้ไม่รู้สึกแปลกใจกับผลสำรวจในปี 2012 เลยว่าทำไม 66% ของผู้ร่วมทำการสำรวจถึงได้สารภาพว่า พวกเขามีอาการ “nomophobia” หรืออาการหวาดกลัวเมื่อต้องขาดมือถือ
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
– หยุดใช้มือถือเวลาอยู่กับเพื่อน
– ไม่ใช้มือถือเวลาออกไปทานอาหาร
– วางมันลงเมื่อคุณใช้งานนานเกินกว่า 20 นาที
– อย่าแตะต้องมันหลัง 5 ทุ่ม

2. คุณเก็บเงินทั้งหมดของคุณไว้ในบัญชีที่ใช้ฝาก-ถอนเป็นประจำ
จากผลสำรวจของ Princeton Survey Research Associates International ในปี 2014 พบว่า 36% ของคนทำงานไม่ยอมเก็บเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียร
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
สร้างบัญชีเงินฝากประจำกับทางธนาคารและพยายามเก็บเงินจำนวนเล็กน้อยจากรายได้ของคุณเพื่อนำมาฝากในบัญชีนี้บ้าง แค่เก็บเดือนละ 1,000 บาท ครบปีก็ได้เป็นหมื่นแล้ว

3. คุณไม่เคยปล่อยวางความโกรธเลย
เมื่อคุณโกรธใครสักคน มันก็เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะคุณจะลืมความโกรธที่มีต่อพวกเขาได้ แต่จากการศึกษาพบว่า การเก็บความทรงจำที่เจ็บปวดและความรู้สึกโศกเศร้าเอาไว้อาจทำให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อร่างกายและความรู้สึกของคุณได้
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
มันอาจจะต้องใช้เวลา แต่ลองพยายามให้อภัยคนคนนั้นและเดินหน้าต่อไปเถอะ อย่ามัวเสียเวลากับสิ่งที่ผ่านมาแล้วเลย การถือโทษโกรธเคืองทำร้ายตัวคุณมากกว่าทำร้ายคนที่คุณโกรธเสียอีก

4. คุณใช้พลังงานมากเกินไปในการคิดเรื่องการคบใครสักคนอย่างจริงจัง
ความคิดที่ว่าต้องคบหากับใครสักคนอย่างจริงจังหรือลงหลักปักฐานในช่วงวัยเลข 2 เป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้นมาเอง และใครก็ตามที่กดดันคุณเรื่องนี้ควรจะต้องหาเวลาไปผ่อนคลายตัวเองหน่อยแล้ว
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
วัยเลข 2 เป็นวัยแห่งการค้นหาว่าคุณต้องการอะไร ถ้าการที่คุณไม่มีคนข้างกายแล้วมันทำให้คุณรู้สึกไม่สมบูรณ์แล้วละก็ ลองออกไปพบปะกับคนใหม่ๆและใช้ชีวิตให้สนุกอย่างเต็มดูสิ

5. คุณเกลียดการใช้ครีมกันแดดหรือไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลย
แสงอาทิตย์อาจส่งผลต่อร่างกายของคุณในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ริ้วรอยก่อนวัยอันควรและผิวที่หมองคล้ำ
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ถ้าคุณต้องออกแดดเป็นเวลา 30 นาทีขึ้นไป ให้ทาครีมกันแดดล่วงหน้าเป็นเวลา 30 นาทีก่อนที่คุณจะออกไปข้างนอก และอย่าลืมทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงด้วย ถ้าคุณแต่งหน้าก็ให้ทาครีมกันแดดก่อน ถึงแม้ว่าในเครื่องสำอางจะมีสารกันแดดผสมอยู่แล้วก็ตาม

6. คุณเมาได้ตลอดเวลา
มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายหลังจากการทำงานก็จริง แต่การเมาและนอนตอนตี 2 จะทำให้คุณเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกเบลอ ทำงานได้ไม่เต็มที่ มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆและน้ำหนักขึ้นได้
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
คุณไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยอีกแล้ว คุณควรจะมีความรับผิดชอบให้มากขึ้นกว่านี้ เลิกเมาเลิกแฮ้งค์ เพราะมันจะทำให้สุขภาพของคุณทรุดโทรมลงก็เท่านั้น

7. คุณชอบซื้ออาหารข้างนอกมาทานมากกว่าทำเอง
มันอาจจะสะดวกก็จริง แต่การซื้ออาหารข้างนอกมาทานทำให้คุณเปลืองเงินมากกว่าการทำอาหารทานเอง
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ให้คุณเริ่มทำอาหารกลางวันเองที่บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าอาหารเพิ่มขึ้นอีก 200 บาท ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น แค่นี้ก็ช่วยคุณประหยัดเงินไปได้เกือบพันบาทแล้ว

8. คุณมัวแต่กังวลว่าคนอื่นจะคิดกับคุณอย่างไรมากจนเกินไป
คุณไม่มีทางจะทำให้ทุกคนพอใจได้ การใช้เวลาและพลังงานไปกับการพยายามทำให้ทุกคนมีความสุขจะทำให้คุณไม่มีความสุขเสียเอง
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
อย่ากลัวที่จะแสดงความคิดเห็น ตอบปฏิเสธไปเลยหากคุณไม่อยากทำและเคารพในการตัดสินใจของตัวเองด้วย

9. คุณคิดว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องน่าอายหรือเป็นสัญญาณแห่งความอ่อนแอ
ถ้าแขนของคุณหัก คุณจะบอกตัวเองว่าคุณอ่อนแอเพราะขอความช่วยเหลือคนอื่นไหม? แน่นอนว่าไม่ ปัญหาสุขภาพจิตก็ควรจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องนี้จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้ช่วยคุณดู

10. คุณชอบดื่มน้ำอัดลม
จากผลการวิจัยพบว่า คนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมมากๆจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ระดับโคเลสเตอรอลไม่ปกติ และมีไขมันช่วงเอวมากเกินกำหนด ทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่โรคหัวใจ เส้นโลหิตในสมองแตกและเบาหวานประเภท 2 ได้
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ให้หาเครื่องดื่มมาทดแทนน้ำอัดลม เช่น น้ำโซดา และให้จำกัดจำนวนน้ำอัดลมที่คุณดื่มต่อวันด้วย คุณทำได้อยู่แล้วน่า!

11. คุณไม่ยอมติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเลย
พออายุมากขึ้น คุณก็มักจะติดต่อกับเพื่อนหรือครอบครัวในเวลาที่ต้องการอะไรบางอย่างจากพวกเขาเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ดีที่จะรักษาความสัมพันธ์เลย
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
หาเวลาในแต่ละสัปดาห์เพื่อติดต่อกับคนที่คุณรัก เช่น โทรหา พูดคุยกันผ่าน FaceTime หรือเพียงแค่ส่งข้อความไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” ก็เพียงพอแล้ว

12. คุณหาหมอครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณล้านปีมาแล้ว
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะลืมไปตรวจร่างกายเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของคุณไม่ได้เป็นคนพาคุณไปเหมือนตอนเป็นเด็ก แต่การไม่ใส่ใจสุขภาพตัวเองในตอนนี้อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่เกินกว่าจะรักษาก็ได้
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ให้จัดเวลาในการไปพบแพทย์ทั่วไป หมอฟันหรือสูตินารีแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

13. คุณยังชอบสูบบุหรี่เวลาที่คุณดื่มเบียร์
โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะเสียชีวิตเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 ปี จากการศึกษาของ American Heart Association พบว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและ 90% ของผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่และการเป็นผู้สูบควันมือสอง
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
พยายามเลิกบุหรี่ให้ได้ และถ้าคุณเป็นคนที่ชอบสูบบุหรี่หลังการดื่มแอลกอฮอล ให้คุณดื่มมันในที่ที่ไม่มีบุหรี่ ที่สำคัญคือ อย่าพกบุหรี่ติดตัวไปด้วย

14. คุณตื่นบ่ายโมงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อชดเชยการนอนไม่พอตลอดทั้งสัปดาห์
หลังจากเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งสัปดาห์ การนอนหลับพักผ่อนทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับขึ้นสวรรค์ แต่จากการศึกษาของศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า การนอนชดเชยเวลาที่ขาดไปในช่วงวันหยุด ไม่ได้ช่วยเพิ่มพลังหรือความกระตือรือร้นให้กับร่างกายเลย การนอนมากขึ้นอาจทำให้นาฬิกาชีวิตของคุณรวน ซึ่งอาจส่งผลให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิมในวันจันทร์ได้
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ให้จัดตารางใหม่ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆก็ขอให้คุณทำจนถึงเวลาที่เหมาะสม และพยายามนอนให้ครบ 8 ชม.ในทุกๆวันด้วย เพื่อที่คุณจะได้ไม่รู้สึกว่าต้องนอนชดเชยเวลาที่หายไป วิธีการหนึ่งที่จะช่วยทำให้คุณนอนได้ไวขึ้นก็คือการปิดอุปกรณ์สื่อสารต่างๆประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน จากการศึกษาพบว่า “แสงสีฟ้า” จากเครื่องสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์จะยับยั้งสารเมลาโทนิน ซึ่งส่งผลให้คุณหลับยากขึ้น

15. คุณพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
การต้องเผชิญหน้ากับใครสักคนโดยตรงอาจทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัยและอึดอัดใจ แต่การหลบเลี่ยงและเก็บไปคิดมากอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงก็เป็นได้
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ให้เผชิญหน้าและพูดคุยต่อหน้าคนที่ทำให้คุณโกรธอย่างสุภาพ การคุยผ่านข้อความและอีเมลไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะอีกฝ่ายอาจจะแปลเจตนาที่คุณต้องการสื่อผิดได้

16. คุณยังคงยึดติดอยู่กับความสัมพันธ์ที่ไปไม่รอดทั้งๆที่คุณก็รู้ดี
ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่าความสัมพันธ์นี้ไปไม่รอด แต่การต้องอยู่คนเดียวมันก็ทำให้คุณรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ความจริงก็คือ ความสัมพันธ์ที่ถึงทางตันอาจทำให้คุณเจ็บปวดอย่างที่คุณคิดไม่ถึง ไม่ใช่แค่มีผลกระทบต่อร่างกายของคุณอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังขัดขวางโอกาสที่คุณจะเติบโตด้วยตัวเองอีกด้วย
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
ทำจิตใจให้เข้มแข็งและเชื่อว่าคุณคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ ตัดใจทิ้งมันไปซะ

17. คุณพยายามที่จะวางแผนการตลอดทั้งชีวิตและสนใจแต่แผนการในอีก 5 ปีข้างหน้าแทนที่จะอยู่กับปัจจุบัน
ขึ้นชื่อว่าชีวิต อย่างไรก็ไม่มีทางจะเป็นไปตามที่คุณวางแผนไว้เสมอหรอก การวางแผนล่วงหน้าไปไกลจะทำให้คุณเครียดและไม่มีความสุขกับปัจจุบัน
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
การต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามแผนการทุกอย่างไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่คุณต้องยอมรับและเข้าใจด้วยว่าทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ การยึดติดกับแผนการในอนาคตมากจนเกินไปอาจทำให้คุณไม่มีความสุขกับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ได้

18. คุณชอบคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่อายุอยู่ในวัยเลข 2 แล้วแต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
การคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวในวัยเลข 2 ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย การเรียนรู้ว่าตัวเองจะก้าวเดินต่อไปทางไหนอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวในช่วงแรกและทำให้รู้สึกเครียดได้ง่ายเมื่อต้องคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ อาชีพการงานและการเริ่มต้นหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย
ลองทำแบบนี้ดีไหม:
อย่างแรก ให้เข้าใจก่อนเลยว่าทุกๆคนต่างก็คิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป แต่ความจริงแล้วทุกคนต่างก็ต้องใช้เวลากันทั้งนั้นกว่าจะคิดออกว่าตัวเองต้องการอะไร แทนที่จะเอาเวลาไปเครียด ให้เอาเวลาไปทำลิสต์รายการเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากทำทั้งหมดดีกว่า จะเป็นเรื่องง่ายๆแค่การทำบัตรเครดิต การหาอพาร์ตเม้นท์ใหม่หรือการสมัครงาน และค่อยๆทำมันไปทีละอย่างก็ได้



นิสัยแย่ๆ 18 อย่างที่คุณควรจะเลิกทำก่อนอายุ 30

ที่มา Kittdo


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์