บันทึก จากใจแม่.. เมื่อลูกวัย 6 ขวบ เส้นเลือดในสมองแตก


บันทึก จากใจแม่.. เมื่อลูกวัย 6 ขวบ เส้นเลือดในสมองแตก



              เรื่องราวของ คุณ สมาชิกหมายเลข 1717695 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มาเล่าเรื่องราวของเธอเมื่อลูกวัย 6 ขวบ ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตก.. ดังข้อความต่อไปนี้


            
ปีนี้...มีเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย การตาย การเกิด การอยู่ การใช้ชีวิต..เคยสงสัยว่าคนเราเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วต้องตาย แต่วันเวลาที่ผ่านไป ณ วันที่เรามีลมหายใจ ณ วันที่เรายังมีชีวิต เราใช้มันเพื่อใคร เพื่อตัวเราหรือคนข้างหลัง วันนี้ครอบครัวผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้ ด้วยความเข้มแข็ง แรงใจและกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เรารู้ว่า...เวลาทุกเสี้ยววินาทีมีค่ามากขนาดไหน เราควรทำทุกเวลาให้มีความสุข ใช้ชีวิตด้วยความสุข อย่ารอให้สายเกินไป

           วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2557 วันแรกของอาการ

             ตอนสองทุ่ม ขับรถกลับถึงบ้าน หลังจากพาเด็ก ๆ กลับจากคาแรคเตอร์คลับ  น้องนั่งหลับมาในรถ พอเข้าบ้าน น้อง ร้องโวยวายว่าปวดหัว กรีดร้อง (เหมือนครั้งก่อนที่เข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีที่ผ่านมา ครั้งนั้น คุณหมอวิศิษฐ์พยายามหาสาเหตุของอาการปวดหัวแต่ก็พบเพียงแค่เป็นเชื้อไวรัส)

           ครั้งนี้ ให้น้องกินยาแก้ปวดหัว แล้วน้องก็อาเจียนออกมา น้องร้องไห้ สลับกับอาเจียน หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าน้องทิ้งน้ำหนักตัวแปลก ๆ เหมือนคนอ่อนเพลีย ให้ทานน้ำก็จะอาเจียนออกมาหมด ไม่มีไข้ เพลียจนหลับไปก็คิดว่าตื่นมาน่าจะดีขึ้น

           วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557 วันแรกของการเข้าโรงพยาบาล

           ตอนเช้าดูอาการน้องแล้วผิดปกติแน่ ๆ พาไปโรงพยาบาลนนทเวช หาคุณหมอวิศิษฐ์ คุณหมอประจำ ที่รักษากันมา คุณหมอให้นอน รพ. ย้ายเข้าห้องผู้ป่วยให้น้ำเกลือ เจาะเลือดส่งตรวจ รอดูอาการและหาสาเหตุ และพอดีว่าคุณหมอจะไปเที่ยวต่างประเทศวันรุ่งขึ้น จึงส่งต่อให้คุณหมอกัลยา เป็นคุณหมอเด็กด้านประสาทและสมอง ซึ่งคุณหมอบอกว่า น้องดูไม่ปกติ ดูไม่มีแรง สะลึมสะลือ หมอเลยให้ไปสแกนสมอง และส่งต่อไอซียู

           19.30 น. น้องเข้าเครื่องสแกนซักพัก หมอกับพยาบาลที่อ่านฟิล์ม ก็พูดกันแปลก ๆ แม่กับพ่อก็แอบมอง แล้วก็ภาวนาให้ไม่เป็นอะไร พอน้องกลับถึงห้องไอซียูแล้วหมอก็แจ้งว่ามีเลือดออกในสมองซีกขวา ปริมาณเยอะ ถ้าน้องไม่ได้ล้มหัวฟาดพื้น ก็น่าจะเส้นเลือดในสมองแตก มีวิธีรักษาคือผ่าตัดเอาเลือดออก และแก้ไขจุดที่แตกหรือรั่ว ให้รอหมอผ่ากำลังมา


           ถามหมอว่าหนักไหม คำตอบทำให้ต้องนิ่งไป หมอว่าก็ถึงชีวิตน่ะค่ะ.. ระหว่างรอ หมอและพยาบาลห้องไอซียูก็ให้ใส่ท่อหายใจกับสายฉี่ให้น้อง ต้องมัดมือมัดขาน้องเพราะน้องพยายามจะดึงสายออก

           เด็กตัวแค่นี้กับสายเต็มตัว เห็นแล้วสงสารลูกมาก ได้แต่กระซิบบอกว่าเข้มแข็งนะ อดทนนะลูก น้องพูดไม่ได้นะคะ ติดท่อค่ะ อาการปวดหัวต่อเนื่องสลับกับหลับ ๆ ตื่น ๆ น้ำตาไหลเพื่อจะบอกให้เรารู้ว่าทรมาน

          
21.00 น. เมื่อหมอวิรุฬพร หมอผ่าตัดมาถึงและดูอาการน้อง จากค่าต่าง ๆ และร่างกายซีกซ้าย หมอบอกว่าน้องยังไหว ให้รอไปฉีดสีเพื่อหาสาเหตุของการออกของเลือดก่อน เพราะจะทำให้การผ่าเข้าไปแก้ไขถูกจุดและโอกาสจะเยอะกว่า แต่ต้องรอไปฉีดสีตอนเช้า ซึ่งถ้าน้องอาการโคม่าในคืนนี้ก็จะต้องเสี่ยงผ่าเลย

           ทางด้านคุณหมอวิศิษฐ์แวะมาดูอาการตลอดและยกเลิกการไปเที่ยวครั้งนี้ด้วย เพราะเป็นห่วงน้อง

           แม่เฝ้าลูก ด้วยความรู้สึกที่ยิ่งกว่าเจ็บปวด มันอึ้ง คาดไม่ถึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา ตอนตี 1 พยาบาลบอกให้ไปพักผ่อน เพื่อจะไปกับน้องในวันพรุ่งนี้ พยายามหลับนะ แต่ในหัว มันมีภาพลูกวนเวียนตลอดเวลา

           วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2557

           เดินทางไปฉีดสีโดยรถพยาบาลพอฉีดสีเสร็จก็กลับมารอที่ห้องไอซียู ผลว่าเป็นเส้นเลือดขอดคือเส้นเลือดผิดปกติ และปริ แตก ซึ่งหมอบอกว่า มันอาจจะอยู่มาแต่เด็ก และทำให้รู้สึกปวดหัวมากกว่าคนปกติ แต่ถึงจะสแกนสมองก่อนหน้านี้ ก็จะไม่เห็น เพราะเลือดยังไม่ออกมา หมอบอกว่า มันเหมือนหนึ่งในล้าน ที่จะเกิดขึ้นในเด็กอายุขนาดนี้ ที่นี้จุดที่จะต้องผ่าลงไปซ่อมนั้น อยู่ลึกพอสมควร ทำให้ความเสี่ยงสูง แต่มันไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องผ่า ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงและยังไม่รู้ว่าผ่าแล้วจะต้องรับมือกับอะไรอีกบ้าง

           17.00 น. น้องเข้ารับการผ่าตัด เดินไปส่งน้องหน้าห้องผ่าตัด และกระซิบบอกน้องว่าเข้มแข็งนะลูก อดทนนะ หมอจะรักษา ตรงที่ลูกปวดหัวนะ หนูจะหายแล้วนะ น้องน้ำตาไหลลงมาข้างแก้ม แต่ก็พยักหน้ารับ แม่ก็ย้ำ หนูจะต้องหายนะลูก

          
ประตูห้องปิดลง….พร้อมกับความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามากมาย

           ช่วงเวลาของการรอคอย เป็นเวลาที่อธิบายยาก ปกติแม่เป็นคนเข้มแข็งมากอาจจะเพราะอยู่กับความสูญเสีย เคยเสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่ยังวัยรุ่น แต่ความรู้สึกที่ต้องรอฟังข่าวลูกนี่ บอกเลยว่า มันทรมาน มันลอย ๆ ตลอดเวลา

           21.50 น. เสียงโทรศัพท์ที่รอคอยดังขึ้น พอได้ยินทางไอซียูแจ้งว่าอีก 20 นาที น้องจะออกจากห้องผ่าตัดและย้ายเข้าห้องไอซียู  มันเหมือนเสียงสวรรค์ที่บอกให้รู้ว่าน้องยังอยู่กับเรา  ทุกคนที่รอน้องอยู่ตรงนั้น มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที

           น้องออกจากห้องผ่าตัดตอนสี่ทุ่มครึ่ง ย้ายเข้าห้องไอซียูค่ะ ตอนเห็นน้อง รู้สึกตัวแล้วค่ะ พยาบาลให้น้องโบกมือทักทาย เรียกน้องก็รู้ตัวค่ะ น้ำตาซึมนิด ๆ คุณหมอแจ้งว่าการผ่าเรียบร้อยดี เอาเลือดออกและตัดจุดที่เป็นปัญหาออกแล้วนำส่งตรวจ รอดูอาการว่าจะไม่มีภาวะสมองบวมหรือเลือดออก ประมาณ 2-3 วัน และดูการฟื้นตัวของน้องค่ะ ส่วนการอ่อนแรงที่แขนและขาซีกซ้าย ค่อยตามดูและรักษากันต่อไป

           ในความรู้สึกวินาทีนั้น ลูกกลับมาอยู่กับเราแล้ว เรื่องกายภาพไม่มารบกวนในหัวเลย ค่อยว่ากัน

           วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2557

           น้องดีขึ้นหน้าตาสดใส หลับ ๆ ตื่น ๆ  แต่ก็ปวดหัวอยู่ ตอนนี้ก็รอติดตามอาการหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด กำลังใจน้องดีมาก ยังต้องอยู่ รพ. อีกหลายวัน จนกว่าหมอจะเห็นว่ากลับบ้านได้

       
           หลังจากอยู่ไอซียู 5 คืน อยู่ห้องพักผู้ป่วยอีก 5 คืน


                   
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2557

           น้องเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยขาของเธอเอง เป็นปาฏิหาริย์ ของครอบครัว เป็นรางวัลของชีวิต

           วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2557 

           ผ่านมา 5 เดือนกว่า ที่ออกจากโรงพยาบาล ทุกวันนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นยังเป็นความทรงจำที่อยู่ในใจ เป็นภาพที่ติดตา ยังคง อึ้ง ทึ่ง เกินจะบรรยายได้ เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นฝันร้ายเพียงข้ามคืนเพื่อที่จะตื่นมารู้ว่า "รัก" และ "เวลา" สำคัญเท่าใด

           ทุกวันนี้ เวลาที่อยู่กับลูก ๆ จะคอยเฝ้ามองเค้าตลอด ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง รัก อยากใช้เวลากับเค้าให้นานที่สุด และตื้นตันใจที่มีเค้า เราย้อนเวลากลับไม่ได้ ทำซะก่อนที่จะไม่มีเวลาให้ทำ

           ขอให้ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่หนักที่สุดและผ่านมันไปแล้ว

         
           ขอบคุณการรักษา การดูแล จากคุณหมอวิศิษฐ์ คุณหมอกัลยา และคุณหมอวิรุฬพร รวมถึงคุณหมอทุกท่าน
           ขอบคุณพยาบาลและเจ้าหน้าที่ แผนกไอซียู แผนกกุมารเวช และวอร์ดชั้น 10 รวมถึงเจ้าหน้าที่ รพ. ทุกท่าน
           ขอบคุณโรงพยาบาลนนทเวช
          
           ขอบคุณกำลังใจ
           จากญาติ พี่น้อง ผองเพื่อนและครอบครัว
          
         
  ขอบคุณทุกแรงใจที่ส่งให้ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก
           ทุกคนที่มาเยี่ยม ของขวัญทุกชิ้น
           มันเป็นความประทับใจ ที่ได้รับกำลังใจ จากทุกคน ที่ช่วยทุกทางที่จะช่วยได้

           

           ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ทั้งที่ระลึกถึง และที่หลายคนช่วยภาวนาให้
          

          
อยากบอกว่า
           อย่ารีรอที่จะทำทุกอย่าง
           ไม่ว่าอยากจะรัก อยากจะเป็น อยากจะไป
           เพราะถ้าคุณไม่โชคดี อาจไม่มีวันพรุ่งนี้ ให้ได้ทำ

           จากใจแม่คนหนึ่ง ที่ผ่านเหตุการณ์ด้วยความหวัง" 

           สมาชิกหมายเลข 1717695 @pantip









         




 ได้อ่านแล้ว เชื่อว่าทุกคนคงเชื่อว่า ในโลกนี้ไม่มีความรักชนิดใดที่บริสุทธิ์ และยิ่งใหญ่มากไปกว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูก  เมื่อใดที่พ่อแม่ เห็นลูกเป็นอะไร พ่อกับแม่ เจ็บมากกว่าเป็นร้อยเท่า พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกหายไว ๆ โดยในใจคิดว่า.. ถ้าป่วยแทนได้ ถ้าไม่สบายแทนได้ ถ้าเจ็บแทนได้.. คงขอรับทุกความรู้สึกนั้นไว้แทน 

สุดท้ายก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจขอให้น้องแข็งแรงนะคะ ^^


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์