“อีก ๓ วัน จะถึงวันสิ้นโลก” หากนับจากวันนี้ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕) ในวันศุกร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ตามคำทำนายของปฏิทินเผ่ามายา ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ จะเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญ ๒ อย่าง คือ ๑.ดาวเคราะห์ เรียงตัวเป็นเส้นตรงประกบดวงอาทิตย์ ๔ ดวง คือ ดาวเสาร์ ดาวศุกร์ ดาวพุธ ดวงอาทิตย์ และดาวอังคาร และ ๒.เกิดปรากฏการณ์ “พายุสุริยะ” (Solar Strom) ส่งผลให้กระแสวันสิ้นโลกมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือสุริยะปฏิทินพันปี บอกว่า ผู้ที่ศึกษาผลกระทบจากการเรียงตัวของดาวเคราะห์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก คือ นายจอนห์ เฮช เนลสัน ค.ศ.๑๙๐๓-๑๙๘๔ ท่านผู้นี้เป็นชาวอเมริกัน มีอาชีพเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านการวิเคราะห์คลื่นวิทยุ ทำงานอยู่กับบริษัท อาร์ซีเอ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการวิทยุกระจายเสียงแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่า การเรียงตัว และการทำมุมระหว่างดาวเคราะห์ มีผลกระทบต่อคุณภาพของคลื่นวิทยุ และจากการค้นคว้าทำให้สามารถ ทำนายเหตุการณ์ของพายุแม่เหล็กที่จะมีผลรบกวนคลื่นวิทยุได้แม่นยำกว่าหน่วยงานราชการสหรัฐอเมริกา

ดังนั้นการที่ดาวเสาร์ ดาวศุกร์ ดาวพุธ และดาวอังคาร โคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่ตามองเห็นเป็นแนวเส้นตรง ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเผอิญตรงกับวันสิ้นโลกตามคำทำนายของปฏิทินเผ่ามายา และประจวบกับปรากฏการณ์ ที่ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กลับตัวจากเหนือเป็นใต้ในรอบ ๑๑ ปี อีกทั้งยังตรงกับปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่เรียกว่า “เหมายัน” กลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ก็เลยทำให้เรื่องนี้มีผลต่อโลก ในทางวิทยาศาสตร์ในกรณีที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากดวงอาทิตย์จะเข้าโจมตีชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การสื่อสารผ่านดาวเทียมอาจต้อง หยุดการทำงานชั่วขณะ ขณะเดียวกันปรากฏการณ์นี้ก็ส่งผลทางด้านจิตวิทยาในมุมกว้างเพราะมนุษย์มีความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าตอนนี้ข่าวแผ่นดินไหวเกิดขึ้นค่อนข้างถี่ ประกอบกับการละลายอย่างมากของก้อนน้ำแข็งที่บริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากหวั่นวิตกว่าอาจจะเกิด สุนามิ หรือน้ำท่วมโลกเข้าจริงๆ ในวันสิ้นโลกตามคำทำนายของปฏิทินเผ่ามายา แต่เมื่อตรวจสอบดูในแง่มุมวิทยาศาสตร์ก็พบว่า สาเหตุหลักของน้ำแข็งละลายมาจาก “ภาวะโลกร้อน” อันเนื่องมาจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงในอัตราที่เพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับความเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก

“การเรียงตัวของดาวเคราะห์ในวันสิ้นโลกไม่มีผลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ และโลก เพราะเป็นเรื่องปกติทางดาราศาสตร์ และดาวเคราะห์เหล่านั้นก็ไม่ได้เรียงตัวกันจริงๆ แต่อยู่กันคนละตำแหน่งในวงโคจร ภาพที่เราเห็นเรียงตัวเป็นเส้นตรงเพราะเกิดจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ภาพเสมือน ของวัตถุที่อยู่ต่างระยะกันแต่เผอิญอยู่ในระนาบเดียวกัน ทำให้มองเห็นเป็นเส้นตรง” นายสรรค์สนธิ กล่าวสรุป