ปลูกดอกเบญจมาศ สร้างรายได้ เดือนละ 1 แสน !! นี่แหล่ะ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสของจริง

คุณบัวคำ วรรณการ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 220 หมู่ที่ 3 บ้านตาติด ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกผู้หนึ่งที่ปลูกไม้ดอกเพื่อจำหน่าย โดยปลูกตลอดทั้งปี จนสามารถสร้างรายได้อย่างงดงาม ทำให้ชีวิตพออยู่ พอกิน ไม่มีหนี้สิน มีเงินใช้จ่ายไม่ขัดสนและยังเหลือเก็บฝากธนาคารอีกด้วย ส่วนดอกไม้ที่ปลูกนั้นคือ ดอกเบญจมาศ สีเหลืองและสีขาว มีทั้งพันธุ์ขาวญี่ปุ่น พันธุ์ขาวปิงปอง ส่วนสีเหลืองก็เป็นพันธุ์เหลืองเรวดี พันธุ์เหลืองขมิ้น

ปลูกดอกเบญจมาศ สร้างรายได้ เดือนละ 1 แสน !! นี่แหล่ะ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสของจริง

คุณบัวคำ เล่าว่า เดิมทีครอบครัวตนจะประกอบอาชีพทำนาอย่างเดียว ต่อมาเพื่อนบ้านได้พากันปลูกดอกเบญจมาศขาย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ตนก็ยังลังเลใจอยู่ เพราะไม่มั่นใจในการตลาดและยังไม่มีความรู้ หลังจากดูเพื่อนบ้านปลูกเป็นเวลาหลายปี พร้อมศึกษาการปลูก การดูแลไปในตัว จึงตัดสินใจลงมือปลูกเมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยแบ่งที่นามาทำเป็นแปลงเพาะปลูกดอกเบญจมาศจำนวน 4 ไร่ โดยปลูกเบญจมาศสีเหลืองและสีขาว มีทั้งพันธุ์ขาวญี่ปุ่น พันธุ์ขาวปิงปอง ส่วนสีเหลืองก็เป็นพันธุ์เหลืองเรวดี พันธุ์เหลืองขมิ้น เพราะเป็นที่ต้องการของลูกค้าและตลาดไม้ดอก และดอกของเบญจมาศที่ปลูกกันอยู่จะมี 3 ขนาด คือ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ตนจะปลูกทั้ง 3 ขนาดเลย ต่อมาเห็นว่ารายได้ดี จึงเลิกทำนา แล้วหันมาปลูกดอกเบญจมาศขายเพียงอย่างเดียว ส่วนที่นาบางส่วนก็ให้ญาติพี่น้องทำ

เมื่อหันมาปลูกดอกไม้ขายอย่างจริงจังก็สามารถสร้างรายได้ดีกว่าการทำนามาก แรงงานก็ไม่ต้องจ้าง เพราะทำกันเองภายในครอบครัว แม้จะลงทุนสูงแต่ก็คุ้มค่า เพราะว่ารายได้ต่อเดือน ประมาณเดือนละ 120,000 บาท หลังจากหักต้นทุนผลผลิตแล้ว ก็จะเหลือเงินเก็บประมาณเดือนละ 80,000 บาท เป็นอย่างต่ำ ถ้าหากมีแรงสู้และแรงงานมีเพียงพอก็คงปลูกเพิ่มอีกหลายไร่ แต่ก็คงไม่ไหว แค่ 4 ไร่ นี้ก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว สำหรับการปลูกดอกเบญจมาศ ตนและเพื่อนบ้านจะเริ่มปลูกในช่วงเดือนสิงหาคม พอถึงเดือนตุลาคม จะเริ่มออกดอก และสามารถตัดขายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนเมษายน พอเดือนพฤษภาคม ก็เตรียมปลูกใหม่ ทั้งไถพรวนดิน เตรียมแปลง เพาะปลูก เรียกว่าทำกันทั้งปีเลยทีเดียว สำหรับตนแล้วจะปลูกทดแทนไปเรื่อยๆ เก็บตัดแปลงนี้หมดก็จะปลูกใหม่ทันที เรียกว่ามีขายทั้งปีกันเลยทีเดียว

 

คุณบัวคำ เล่าว่า สำหรับแม่พันธุ์นั้น ครั้งแรกตนจะสั่งซื้อแม่พันธุ์ที่เขาชำไว้แล้วมาปลูก โดยลงทุนซื้อแม่พันธุ์ครั้งแรกประมาณ 30,000 บาท ในปีต่อๆ มา จึงทำการคัดเลือกแม่พันธุ์เอง การทำสวนดอกไม้นี้ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับสวนและได้ผลตอบแทนเกินคาด สำหรับดอกเบญจมาศที่ตนปลูกจะออกดอกช่วงเดือนตุลาคม ถึงเดือนเมษายน ของทุกปี พันธุ์ที่ตนปลูกนี้ ขาวญี่ปุ่น ขาวปิงปอง จะดูแลยากสักหน่อย ส่วนเหลืองเรวดี เหลืองขมิ้น จะดูแลง่าย ทั้งนี้ เราต้องมีความรู้ตั้งแต่การเตรียมการปลูก การเตรียมพันธุ์ ขยายพันธุ์ปลูก และการเตรียมแปลงชำรากดอกเบญจมาศ จึงจะประสบความสำเร็จและเก็บเกี่ยวได้ผล ซึ่งมีวิธีการดังนี้

1. เตรียมแปลง ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาวประมาณ 20-30 เมตร หรือตามความเหมาะสมของพื้นที่ โดยทำเป็นกระบะไม้ยกสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

2. ผสมดินสำหรับชำราก ใช้ทราย 1 ส่วน ดินร่วน 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วตักรองพื้นแปลงไว้ให้มีความหนาประมาณ 10 เซนติเมตร รดน้ำพอชุ่ม เริ่มชำได้ทันที

3. แปลงกระบะชำรากต้องอยู่ในโรงเรือน แล้วติดหลอดไฟตูม แรงเทียน 100 วัตต์ ประมาณ 3-5 หลอดเพื่อกกไฟให้กับต้นอ่อน ส่วนการดูแลรักษารากชำเบญจมาศนั้นก็ให้ทำตามขั้นตอน ถ้าจะบอกไปคงจะยาวพอสมควร เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้จริงๆ ก็ให้มาพบตนที่สวนได้ทุกวัน ยินดีที่จะอธิบายขั้นตอนการดูแลรักษาให้แบบฟรีๆ ที่สำคัญ เมื่อดูแลต่อเนื่องประมาณ 15 วัน ต้องย้ายต้นอ่อนลงปลูกตามปกติต่อไป หากเกินอายุ 15 วันไปแล้ว จะทำให้ดูแลยาก และการปลูกนั้นต้องปลูกให้ถูกวิธี ซึ่งตนไม่ขอกล่าวในที่นี้ รวมทั้งการดูแล การให้น้ำ การเด็ดยอดเพื่อให้ต้นแตกกิ่งข้างมากขึ้น การปลิดดอกข้างเพื่อให้ดอกเบญจมาศมีขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ตามความต้องการ และการเพิ่มแสงไฟ สิ่งเหล่านี้เราต้องศึกษาให้เข้าใจและปฏิบัติได้ถูกต้อง



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์