ปล้นธ.กสิกร วันเดียว2แห่ง ทั้งกทม. มหาชัย สูญ2ล้าน

หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง ปล้นธ.กสิกร วันเดียว2แห่ง ทั้งกทม. มหาชัย สูญ2ล้าน

′แบงก์ รวงข้าว′โดนปล้น วันเดียว2 สาขาซ้อน คดีแรกที่มหาชัย 2 โจรชุดดำชักปืนประกาศปล้น ให้ทุกคนในแบงก์หมอบกับพื้น

ก่อนปล้นเงินไปรวม 1.3 ล้านบาท ก่อนซิ่งจยย.หนีไปทางท่าฉลอม เผยคนร้ายชำนาญมากใช้เวลาแค่ 2 นาที เชื่อลงมือมาแล้วหลายครั้ง อีกคดีเกิดในท้องที่สน.บุปผาราม คนร้ายบุกเดี่ยวใช้ปืนขู่พนักงานสาวที่นั่งเฝ้าเคาน์เตอร์เพียงลำพัง ได้เงินไปนิ่มๆ เกือบ 3 แสน ตร.เร่งเช็กวงจรปิดไล่ล่า

เมื่อ เวลา 12.30 น. วันที่ 24 ก.ย. ร.ต.ท. สุรพล วิชิตรุนผา ร้อยเวรสภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุคนร้าย 2 คน

ใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ในธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนพระราม 2 ตั้งอยู่เลขที่ 930/150-153 ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ธนาย์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ชุมพล ฉันทะจำรัสศิลป์ รอง ผบก. พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบก. พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สส.บก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ที่ เกิดเหตุพบน.ส.ยุวธิดา แก้วสวนจิตร น.ส.ภาวิกา แซ่อึ๊ง และน.ส.ธารารัตน์ มณีศรีขำ พนักงานธนาคารที่เกิดเหตุให้การว่า

ขณะเกิดเหตุมีลูกค้าอยู่ในธนาคาร 4 คน และพนักงานอีก 4 คน มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน รูปร่างผอมสูง คนแรกสวมหมวกกัน น็อกสีดำ ใส่เสื้อคลุมสีดำ สวมถุงมือสีดำ อีกคนสวมหมวกมีปีกลายพรางทหาร สวมเสื้อ นุ่งกางเกง และถุงมือสีดำ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด บังคับให้คนทั้งหมดที่อยู่ในธนาคารนอนหมอบลงกับพื้น

จากนั้น คนร้ายที่สวมหมวกกันน็อกกระโดดข้ามเคาน์เตอร์รับฝากเงิน บังคับเอาเงินสดจากลิ้นชักของน.ส.ยุวธิดา และน.ส.ธารารัตน์ไปรวม 1.2 ล้านบาท

ส่วนคนร้ายที่สวมหมวกปีกลายพรางใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์จากลิ้นชักของ น.ส.ภาวิกาไปอีก 1 แสนบาทเศษ รวมได้เงินสดไปทั้งหมด 1.3 ล้านบาท จากนั้นคนร้ายทั้งคู่วิ่งออกไปขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่จอดไว้ด้านหน้าธนาคาร ก่อนขับย้อนศรข้ามสะพานแม่น้ำท่าจีนไป ซึ่งตำรวจรีบวิทยุสกัดจับทุกทาง แต่ยังไร้วี่แวว

พล.ต.ต.ธนาย์ฤทธิ์เผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีตำรวจมาคอยดูแลความปลอดภัยที่ธนาคาร

ลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายทั้งสองนี้ ดูมีความเชี่ยวชาญและชำนาญ คล่องแคล่ว ว่องไว ใช้เวลาในการก่อเหตุเพียงแค่ไม่เกิน 2 นาทีเท่านั้น คาดว่าคนร้ายน่าจะเคยก่อเหตุในลักษณะนี้จากพื้นที่อื่นมาแล้ว

พล.ต.ต. ธนาย์ฤทธิ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคาร และบริเวณโดยรอบกว่า 10 ตัว

เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย เบื้องต้นมีกล้องตัวหนึ่งจับภาพรถของคนร้ายทางมุ่งหน้าเข้า ต.ท่าฉลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกติดตามตัว พร้อมประสานจังหวัดใกล้เคียงให้ช่วยสกัดจับแล้ว คาดว่าจะได้ตัวในไม่ช้านี้

วัน เดียวกัน ร.ต.ท.วิเชียร อินทร์จันทร์ ร้อยเวร สน.บุปผาราม

รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนเข้าชิงเงินสด ภายในธนาคารกสิกรไทย สาขาธนบุรี ถนนประชาธิปก แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รองผบก.น.8 พ.ต.อ.ยุทธนา ปุญชรัศมิ์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.ท.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส.

ที่เกิดเหตุพบน.ส.อุมา พร เล็กวงศ์มณีพันธุ์ อายุ 27 ปี พนักงานธนาคารที่เกิดเหตุให้การว่า

ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง พนักงานคนอื่นออกไปรับประทานอาหารกันหมด เหลือเพียงน.ส.อุมาพรเพียงคนเดียว ซึ่งขณะนั้นมีลูกค้าใช้บริการอยู่เพียงคนเดียวเช่นกัน ปรากฏว่า มีคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีขาว มีหมวกไหมพรมสวมอยู่ด้านในอีกชั้น สวมเสื้อวอร์มสีน้ำเงินเข้มเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ของน.ส.อุมาพร พร้อมพูดว่า มีปืนอยู่ในกระเป๋าสะพาย นี่คือการปล้น ส่งเงินมาให้หมด อย่ากดสัญญาณไฟ ไม่อยากทำร้ายใคร ก่อนโชว์อาวุธปืนไม่ทราบขนาดออกมาให้ดู ด้วยความกลัว จึงหยิบเงินในในลิ้นชักซึ่งมีอยู่ประมาณ 270,780 บาท ส่งให้ไป เมื่อได้เงินแล้วคนร้ายรีบวิ่งหนีออกจาธนาคารไป

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายน่าจะเตรียมการมาก่อน เพราะอาศัยช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้ารายอื่น และพนักงานออกไปรับประทานอาหารกันหมด ซึ่งจะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหารูปพรรณคนร้ายในการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป