ปอดบวมในเด็ก..มันมากับฝน

ปอดบวมในเด็ก..มันมากับฝน



ฝนตกบ่อยอากาศชื้น กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ เตือนพ่อแม่เตรียมพร้อมรับมือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจระบาดหนัก ทั้งไข้หวัด คออักเสบ และปอดบวม

นายแพทย์สุชาติ เชิดชูพงศ์ล้ำ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้พบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในเด็กเล็กเพิ่มสูงขึ้น


เนื่องจากในช่วงเปิดเทอม
เด็กจากหลากหลายที่ไปอยู่รวมกันที่เนอร์สเซอรี่และโรงเรียนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับช่วงนี้ฝนตกบ่อยอากาศชื้นเพราะอากาศที่เย็นและชื้นจะเอื้ออำนวยให้เชื้อมีชีวิตอยู่ในอากาศและแพร่กระจายได้ดียิ่งขึ้น


ฉะนั้นพ่อแม่และครูต้องระวังโรคติดเชื้อที่ติดจากเด็กด้วยกันเอง โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี

เพราะเด็กเล็กยังไม่สามารถป้องกันตนเองจากเชื้อต่างๆ ได้ และยังไม่มีภูมิต้านทานโรคที่สมบูรณ์ โดยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจถูกพบมากเป็นอันดับต้นๆ เช่น ไข้หวัด คออักเสบ ในบางรายที่มีอาการรุนแรงจะเป็นการหูอักเสบ ไซนัสอักเสบ แต่ถ้ารุนแรงมากอาจจะเป็นหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบได้ ส่วนที่พบลงมาคือโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดท้องเสีย ท้องร่วง เป็นต้น


สำหรับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่มีความรุนแรง จนบางครั้งอาจจะทำให้
เด็กเสียชีวิตได้ ได้แก่โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ เนื่องจากจะมีการติดเชื้อที่ปอด เมื่อเนื้อปอดโดยทำลาย ก็จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจน และทำให้เสียชีวิตในที่สุด

โรคปอดบวมเกิดได้จากเชื้อหลายชนิด เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียร่วมกัน

โรคปอดบวมจากเชื้อไวรัสส่วนใหญ่แล้วยังไม่มียาต้านไวรัสสำหรับทำลายหรือยับยั้ง โรคจะหายได้จากการที่ร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานมากำจัดเชื้อไวรัสได้เอง แต่โรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอย่างทันท่วงที จะทำให้เชื้อลุกลามเป็นมากขึ้น หรือมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่สมอง และกระแสเลือด เป็นต้น ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้น


นพ.สุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในบรรดาโรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียนั้น พบว่าโรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อนิวโมคอคคัสพบมากเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเชื้อนิวโมคอคคัส เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อาจพบอยู่ในเยื่อบุโพรงจมูก ลำคอของคนเรา  พบว่าอัตราการเป็นพาหะในเด็ก (มีเชื้อในโพรงจมูก แต่ไม่แสดงอาการใดๆ) เฉลี่ยแล้วสูงถึงร้อยละ 26 หรือคิดเป็นอัตรา 1 ใน 4 ของประชากร


ปอดบวมในเด็ก..มันมากับฝน



เมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือเยื่อบุดังกล่าวโดนทำลาย เชื้อนิวโมคอคคัสก็จะหลุดเข้าสู่ร่างกาย

นอกจากนี้อาจติดเชื้อได้จากการสัมผัสละอองของน้ำมูก น้ำลายของผู้ที่มีเชื้อ ซึ่งก่อทำให้เกิดโรคในระบบต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย เช่น โรคปอดอักเสบ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โรคหูชั้นกลางอักเสบ (หูน้ำหนวก)

โดยพบว่า กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคปอดบวมคือเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กสุขภาพดีก็ตาม และโอกาสเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นในเด็กที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกลางวัน(Day Care) เด็กที่อยู่ในชุมชนแออัด เด็กที่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่นโรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง


อาการของโรคปอดบวมเด็กจะมีอาการ เช่น มีไข้ ไอ หายใจถี่และหอบ หายใจลำบากหรือมีเสียงดังวี๊ด ๆ

หรือหายใจแรงจนซี่โครงบุ๋ม  ถ้าพบว่าเด็กมีอาการ ไข้  ไอบ่อย หรือหายใจเร็ว ให้สงสัยว่า เด็กอาจเป็นโรคปอดบวม ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจยืนยันและการรักษาที่ถูกต้อง  หากพ่อแม่นิ่งนอนใจ  ปล่อยทิ้งไว้นานเด็กอาจมีอาการหอบ หายใจลำบาก มีอาการรุนแรงมากขึ้นและอาจไม่ทันการ


แต่พ่อแม่อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เพราะเราสามารถลดการติดเชื้อ และลดการแพร่ระบาดของโรคปอดบวมได้โดยการสร้างสุขอนามัยที่ดี ด้วยการล้างมือเป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยลดการติดเชื้อที่สัมผัสติดมากับมือได้ รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์ให้ลูกน้อย


ซึ่งในปัจจุบันได้มีการคิดค้นวัคซีนไอพีดีซึ่งสามารถป้องกันโรคปอดบวมจากเชื้อนิวโมคอคคัส และกลุ่มโรคไอพีดีได้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ หากลูกไม่สบายไม่ควรให้ไปโรงเรียน เพื่อไม่ให้ไปแพร่เชื้อให้เด็กคนอื่น ๆ และต้องให้ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งสามารถลดการแพร่เชื้อได้ถึงร้อยละ 80 รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเล่นคลุกคลีกับเด็กที่ป่วย และพาเด็กไปในสถานที่แออัดเช่นโรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก เป็นต้น ขณะที่คุณครูและพี่เลี้ยงที่โรงเรียนต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ตลอดจนแยกภาชนะ แก้วน้ำของเด็กที่ป่วยไม่ให้ใช้ปะปนกับเด็กคนอื่น ๆ เพื่อลดการติดต่อ


ที่มา : โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์