ผิวสวยใสห่างไกลสิว


ดอกดาวเรือง...ก็ช่วยสิวได้
 
“สิว”
คำง่ายๆ สั้นๆ  ที่ฟังแล้วชวนขนหัวลุก  เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในวัยรุ่น แต่วันนี้สิวหายได้ง่ายๆ ด้วยสารสกัดดอกดาวเรือง


ดอกดาวเรืองดอกไม้พื้นบ้านที่นอกจากจะใช้เป็นพวงมาลัย บูชาพระแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารในกลุ่มไตรเทอปีน ฟลาโวนอยด์ และชาโปนิน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

โดยกลีบดอกดาวเรืองมีสารกลุ่มไตรเทอปีน ฟลาโวนอยด์ และซาโปนิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านการเจริญของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคสิว คือ Propionibacterium acnes และ Staphylococcus species ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นเชื้อที่กระตุ้นการเกิดหนอง อันส่งผลให้เกิดการอักเสบของสิว และไวรัส

ในอดีตวงการแพทย์นิยมใช้ดอกดาวเรืองสำหรับรักษาบาดแผลของทหารในสนามรบ เพราะมีคุณสมบัติในการสมานแผล ทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็ว ช่วยทำความสะอาดเนื้อเยื่อ และป้องกันการติดเชื้อ


ปัจจุบันดอกดาวเรืองถูกประยุกต์มาใช้ในการรักษาบาดแผลเล็กๆ ผื่น แมลงสัตว์กัดต่อย ผิวหนังอักเสบ เพราะมีความสามารถในการต้านการอักเสบ ป้องกันไวรัส ฆ่าเชื้อ และสมานแผลได้ดี
 
และยังช่วยรักษาการอักเสบของผิวหนัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้อีกด้วย ซึ่งยังไม่มีรายงานความเป็นพิษในคน แต่ยังพบว่ามีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงอีกด้วย

ซึ่งทำให้มีการนิยมนำสารสกัดจากดอกดาวเรืองมาเตรียม เป็นผลิตภัณฑ์ใช้ทาภายนอกและ เครื่องสำอาง สำหรับการรักษาการอักเสบ ของผิวหนัง รักษาปัญหาสิว และแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
  จึงมีการนำสารสกัดดอกดาวเรืองมาเตรียมผลิตภัณฑ์ใช้ภายนอกและเครื่องสำอางอย่างกว้างขวาง

นอกจากช่วยเรื่องสิวแล้วดอกดาวเรืองยังมากไปด้วยประโยชน์อีกมากมาย

  1. ดอกและรากมีรสขมเผ็ดเล็กน้อย มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ
  2. ดอกใช้เป็นยาฟอกเลือด ในอินเดียจะใช้น้ำคั้นจากช่อดอกเป็นยาฟอกเลือด
  3. ช่วยแก้อาการเวียนศีรษะ ด้วยการใช้ดอกประมาณ 3-10 กรัม ต้มกับน้ำดื่ม
  4. ดอกมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายและถนอมสายตาได้ดี ในตำรายาจีนจะดอกนำมาปรุงกับตับไก่ใช้กินเป็นยาบำรุงสายตาได้ดี
  5. ดอกช่วยแก้ตาเจ็บ ตาบวม ตาแดง ปวดตา ด้วยการใช้ดอกแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน
  6. ดอกใช้รักษาคางทูม ด้วยการใช้ดอกประมาณ 3-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม ส่วนตำรายาจีนจะใช้ดอกแห้ง ดอกสายน้ำผึ้ง เต่งเล้า อย่างละเท่ากัน นำมาบดรวมกันเป็นผง ผสมกับน้ำส้มสายชูคนให้เข้ากัน แล้วนำมาใช้พอกบริเวณที่เป็น
  7. ดอกใช้เป็นยาแก้ไข้สูงในเด็กมีอาการชัก
  8. ช่วยแก้อาการร้อนใน
  9. ช่วยแก้อาการไอหวัด ไอกรน ไอเรื้อรัง ด้วยการใช้ดอกสดประมาณ 10-15 ดอก นำมาต้มกับน้ำผสมกับน้ำตาลรับประทาน
  10. ช่วยขับและละลายเสมหะ ด้วยการใช้ดอกประมาณ 3-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม
  11. ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้ดอกแห้ง 15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน
  12. ดอกใช้เป็นยาแก้หลอดลมอักเสบ หรือระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ โดยใช้ดอกสดประมาณ 10-15 ดอก นำมาต้มกับน้ำผสมกับน้ำตาลรับประทาน
  13. ช่วยรักษาเต้านมอักเสบ เต้านมเป็นฝี โดยใช้ดอกแห้ง ดอกสายน้ำผึ้ง (Lonicera japonica Thunb), เต่งเล้า (paris petiolata Bak. ex. Forb.) อย่างละเท่ากัน นำมาบดรวมกันเป็นผงผสมกับน้ำส้มสายชู คนให้เข้ากัน แล้วนำมาใช้พอกบริเวณที่เป็น
  14. ดอกและทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาขับลม ทำให้น้ำดีในลำไส้ทำงานได้ดี ส่วนตำรับยาเภสัชของเม็กซิโกจะใช้ช่อดอกและใบนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาขับลม
  15. ใบและช่อดอกนำมาชงกับน้ำ ใช้เป็นยาขับพยาธิ
  16. ตำรับยาเภสัชของเม็กซิโก เคยมีการใช้ดอกและใบดาวเรืองนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาขับปัสสาวะ
  17. ดอกมีสรรพคุณเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร โดยในอินเดียจะใช้น้ำคั้นจากช่อดอกดาวเรืองเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร
  18. ดอกใช้เป็นยากล่อมตับ ดับพิษร้อนในตับ ด้วยการใช้ดอก 3-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม
  19. ดอกมีสรรพคุณเรียกเนื้อ ทำให้แผลหายเร็ว ด้วยการใช้ดอกนำมาต้มเอาน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นแผล
  20. ในบราซิลจะใช้ช่อดอกนำมาชงกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการปวดตามข้อ

 

ผิวสวยใสห่างไกลสิว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์